คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 616 ภูตปลาหลี่อวี๋กำลังก่อกวน

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 616 ภูตปลาหลี่อวี๋กำลังก่อกวน

ฉินหลิวซีก็นับว่าเป็นคนที่เคยได้เห็นความไม่สงบสุขและการต่อสู้ทางสังคมอย่างรุนแรง ผีที่มีรูปแบบการตายที่แตกต่าง และปีศาจแปลกประหลาดนับพัน มีเพียงไม่กี่อย่างที่ทำให้นางรู้สึกไม่สบายจริงๆ แต่ตอนนี้นางอยากจะกรีดร้องออกมา

เจ้าคนอัปลักษณ์ ข้าจะไม่ด่าเจ้าอีกแล้ว เจ้าไม่ใช่คนที่น่าเกลียดที่สุด!

ฉินหลิวซีสูดหายใจเข้าลึกๆ หยิบกรรไกรแล้วตัดเสื้อซับในให้เป็นวงกว้าง เผยให้เห็นเพียงแค่แผ่นหลังทั้งหมด

แต่เห็นว่าแผ่นหลังที่เดิมทีสวยงามขาวเนียนราวหิมะเต็มไปด้วยปากเล็กๆ โผล่ขึ้นมากำลังอ้าปากพะงาบๆ

นั่นคือ ปากปลาหลี่อวี๋[1]เต็มไปหมด!

ฉินหลิวซีหลับตา หน้าอกกระเพื่อมเล็กน้อย ศีรษะชา ขนลุกซู่

ไม่แปลกใจเลยที่สาวน้อยผู้นี้จะบอกว่าคันหลัง เพียงแค่เห็นนางก็รู้สึกคันไปทั้งตัว อีกทั้งขนลุก

ลองคิดดูว่าเมื่อกางฝ่ามือของเจ้าออก แล้วบนฝ่ามือเต็มไปด้วยปลาหลี่อวี๋ที่กำลังอ้าปากพะงาบๆ เจ้าจะรู้สึกอย่างไร

นายท่านใหญ่ซูกอดฮูหยินของเขาแน่น มองดูจากระยะไกล รู้สึกคันคอ อดเอามือกุมไว้ไม่ได้ เขาก็รู้สึกคันมากเช่นกัน

สวรรค์ โลกนี้มีสิ่งที่น่ากลัวเช่นนี้อยู่ได้อย่างไร

เขาก้มลงมองฮูหยินของตัวเอง ทำอย่างไรดี เขาเองก็อยากจะเป็นลมเช่นกัน

“เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้นกันแน่” เมื่อองค์ชายสามเห็นท่านลุงใหญ่และคนอื่นๆ เป็นเช่นนี้ก็ร้อนใจจนอยู่เฉยไม่ได้ “ตกลงว่าเกิดอะไรขึ้น”

ความอยากรู้ของเขาถึงขีดสุด แต่ยังคงเคารพกฎเกณฑ์ที่ว่าบุรุษสตรีนั้นแตกต่างจึงไม่กล้าพุ่งเข้ามา แต่หลังจากนั้น เขานึกถึงคำพูดของเสด็จแม่ กัดฟันแล้วพุ่งเข้ามา

ไม่สนใจแล้ว อย่างไรเสียเสด็จแม่ก็ตั้งใจจะให้เขาสู่ขอน้องหญิงเหอ เขาก็แค่รับผิดชอบ หากความอยากรู้อยากเห็นไม่ได้รับการบรรเทา เขาตายแน่

เขาพุ่งไปอยู่ตรงหน้าเตียง ตกตะลึงเป็นอย่างมาก นี่มันอะไรกัน

ฉินหลิวซีบังสายตาของเขา ตะโกนดุว่า “เจ้าทำอะไร”

เถิงเจาได้เข้ามาดึงเขาแล้ว องค์ชายสามสีหน้าซีด กล่าวว่า “นักพรตน้อย เร็วเข้า รับข้าไว้”

เขาเป็นลมไปแล้ว

เถิงเจาออกแรงพยุงเขา แต่ว่าเขาตัวเล็กและกำลังก็น้อย ถูกองค์ชายสามกดทับลงไปเรื่อยๆ

ช่างเถิด ใครบอกให้เขาอยากรู้

ความอยากรู้นี้สมควรเป็นลมล้มลงไปกองกับพื้น

ทันทีที่เขาปล่อยมือ

ตุบ

ร่างขององค์ชายสามกระแทกกับพื้น เจ็บจนเขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ร้องพลางลูบที่หลังศีรษะ “มีนักฆ่า!”

เถิงเจาสีหน้านิ่ง ข้าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น

องค์ชายสามลูบท้ายทอย เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ความทรงจำกลับมา เหลือบมองไปที่เตียง ไถก้นถอยหลังหนี “นั่นมันปีศาจอะไร”

ฉินหลิวซีมองดูปลาหลี่อวี๋ที่อ้าปากพะงาบๆ อยู่เต็มแผ่นหลังอย่างละเอียด ราวกับกำลังหายใจ นางลูบแขนตัวเอง กล่าวกับเถิงเจาว่า “ปลุกฮูหยิน ให้นางกำชับบ่าวรับใช้ไปขุดสระให้เร็วขึ้นแล้วเติมน้ำลงไปให้เต็ม”

“ข้าไปเอง” นายท่านใหญ่ซูวางฮูหยินลงแล้วรีบพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

เถิงเจาหยิบน้ำมันยามาวางไว้ใต้จมูกฮูหยินใหญ่ซู ไม่ช้านางก็ตื่นขึ้น รูม่านตาค่อยๆ จับจ้อง ความทรงจำก็เริ่มกลับมา สีหน้าก็เริ่มดูหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ

“อย่าร้อง ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ก่อน” เถิงเจายกนิ้วชี้มาไว้ที่ปาก บอกให้เงียบ

องค์ชายสามเดินมา พยุงฮูหยินใหญ่ซูลุกขึ้น ถามด้วยความสั่นเทาว่า “นี่มันอะไรกัน”

ฮูหยินใหญ่ซูสั่นไปทั้งตัว แต่กลับปล่อยมือของเขาออก เดินมาที่ข้างเตียง มองดูอีกครั้ง ร่างกายของนางสั่นราวกับร่อนแกลบ สีหน้าซีดกว่าเดิม ปิดปากไว้ไม่ให้ส่งเสียงกรีดร้องหลุดออกมา

บุตรสาวของนางมีของเช่นนี้อยู่บนหลังได้อย่างไร

ทันใดนั้นดวงตาของฮูหยินใหญ่ซูก็มืดดำ นี่มันช่างน่าเหลือเชื่อ น่ากลัวเกินไปแล้ว

นายท่านใหญ่ซูเดินเข้ามาใหม่อีกครั้ง กล่าวว่า “ได้กำชับให้คนเร่งขุดแล้ว ต่อไปควรทำอย่างไร ท่านเจ้าอาวาสน้อย บุตรสาวของข้าเป็นอะไรหรือ”

“มันเป็นคำสาป” ฉินหลิวซีกล่าวว่า “หากข้าเดาไม่ผิด สระบัวนั้นคงจะมีภูตปลาหลี่อวี๋ที่มีปัญญาก้าวหน้าทางจิตวิญญาณและมีระดับการฝึกบำเพ็ญชั้นยอด เพียงแค่รอโอกาส”

“ภูตปลาหลี่อวี๋?”

“ใช่แล้ว ทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนมีจิตวิญญาณ หลังจากที่ฝึกบำเพ็ญมาเป็นเวลานาน บางสิ่งที่ได้รับโอกาสย่อมสามารถเดินไปมาในโลกของคนได้ อย่างเช่นสัตว์ ดอกไม้พืชพรรณบางชนิด กระทั่งปลาในอ่างหรือมังกรในทะเลเหล่านั้น” ฉินหลิวซีกล่าวว่า “พวกมันฝึกบำเพ็ญอย่างขยันขันแข็งเพื่อที่สักวันหนึ่งจะได้รับการยอมรับจากสวรรค์ ประทานโอกาสให้ได้กลายเป็นคน”

องค์ชายสามตกตะลึง กล่าวเสียงหลง “เจ้าหมายความว่าผู้คนที่อยู่รอบตัวเราอาจไม่ใช่คน แต่เป็นปีศาจคน?”

ฉินหลิวซีมุมปากกระตุก “เป็นปีศาจหรือเป็นภูต”

“ก็เหมือนกันนั่นแหละ อย่างไรเสียก็ไม่ใช่คนจริงๆ” องค์ชายสามกล่าวว่า “นี่มันผิดแผกเกินไปแล้ว คนธรรมดาอย่างพวกเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้ที่อยู่รอบตัวเป็นคนเป็นผีหรือเป็นปีศาจ นี่มัน นี่มัน…”

ฉินหลิวซีคิดในใจว่า ‘เมื่อครู่เจ้าเกือบจะถูกปีศาจงูพ่นพิษใส่แล้ว!’

แต่ว่าไม่พูดจะดีกว่า นางเป็นคนดี

นายท่านใหญ่ซู กล่าวว่า “หากเป็นเช่นนั้น ถ้าพวกเขาทำร้ายคน คนธรรมดาอย่างพวกเราไม่มีทางที่จะป้องกันพวกเขาได้เลย”

อย่าว่าแต่ป้องกันเลย ตายได้อย่างไรยังไม่รู้ด้วยซ้ำ หากไม่ใช่เพราะฉินหลิวซีมีความสามารถ พวกเขาจะเห็นฉากนี้ได้อย่างไร

เมื่อฉินหลิวซีเห็นว่าพวกเขาตื่นตระหนกเล็กน้อย จึงกล่าวว่า “ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกเช่นนี้ การที่ภูตจะกลายร่างได้ ไม่เพียงแต่ต้องฝึกบำเพ็ญเป็นเวลานาน แต่ยังขึ้นอยู่กับโอกาสและโชคอีกด้วย ไม่ใช่ว่าเมื่อโอกาสมาถึงก็จะสามารถกลายร่างได้อย่างแน่นอน ก็มีโอกาสที่จะล้มเหลวได้เช่นกัน เมื่อตบะหมดสิ้นก็วิญญาณแตกสลายไปก็มี การที่ปีศาจจะเลื่อนขั้นได้ ก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน การฝึกบำเพ็ญเป็นสิ่งจำเป็น โอกาสก็สำคัญมากเช่นกัน”

นางมองไปยังแผ่นหลังของซูจื่อเหอพลางเอ่ย“แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ตราบใดที่พวกเขาประสบความสำเร็จแล้ว ล้วนหวงแหนโอกาสที่จะได้เป็นคน บางตนถึงกับมีความหวงแหนและถ่อมตนยิ่งกว่าคนด้วยซ้ำ เนื่องจากการกลายร่างเป็นคนนั้นไม่ง่ายเลย หากโอ้อวดมากเกินไป แล้วไปดึงดูดปรมาจารย์ที่เคร่งเรื่องคุณธรรมเต๋าหรือพระภิกษุที่คิดว่าผู้ที่ไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกันย่อมมีจิตใจที่แตกต่าง พวกเขาจะถูกสังหารอย่างแน่นอน แม้ว่าจะไม่ได้ไปสะดุดตาปรมาจารย์ แต่หากพวกเขาทำร้ายผู้คนจำนวนมาก เมื่อไม่ได้ถูกยอมรับจากสวรรค์ ก็จะถูกสังหารในทันที”

“อีกประเด็นหนึ่งก็คือการฝึกบำเพ็ญไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นนั้น เนื่องจากพลังจิตวิญญาณในโลกนี้ไม่ได้มีทุกเผ่าพันธุ์ พวกมันต้องใช้เวลานานในการดูดซับพลังจิตวิญญาณ จึงต้องใช้เวลามากขึ้น ซ้ำยังต้องสะสมบุญกุศล ดังนั้นไม่จำเป็นต้องคิดว่าผู้คนที่เดินผ่านนั้นล้วนเป็นภูตผีปีศาจ เพราะมีน้อยมากจริงๆ ที่จะสามารถเป็นคนได้”

แต่อย่างใดก็ตาม ไม่ได้สบายใจขึ้นเลย ทำอย่างไรดี

“ท่านเจ้าอาวาสน้อย แล้วเหตุใดจึงเป็นบุตรสาวของข้าที่ได้รับคำสาปแช่งนี้” ฮูหยินใหญ่ซูฝืนตัวเองไม่ให้มองไปที่หลังบุตรสาว นางจะต้องฝันร้ายอย่างแน่นอน

“หากมีภูตปลาหลี่อวี๋อยู่ในสระบัวจริงๆ มันคงจะถึงช่วงสำคัญของการฝึกบำเพ็ญแล้ว แต่บุตรสาวของท่านกลับถมสระตามอำเภอใจ ทำลายความปรารถนาของมัน หากเป็นท่าน ท่านไม่ขุ่นเคืองได้หรือ”

ฮูหยินใหญ่ซูสำลัก แน่นอนว่าต้องขุ่นเคืองอยู่แล้ว ใครบ้างไม่อยากมีโอกาสได้เป็นคน

“แต่บุตรสาวข้าไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย”

ฉินหลิวซีกล่าวว่า “ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร หากนางไม่ตื่น พวกเราก็ทำได้เพียงแค่คาดเดาเท่านั้น ตอนนี้ต้องดูสถานการณ์ทางด้านสระน้ำก่อน จึงจะสามารถสรุปได้”

หลังจากที่นางพูดจบ ก็มีคนส่งเสียงมาจากนอกห้อง สระน้ำได้ขุดขึ้นมาใหม่และเติมน้ำลงไปเต็มแล้ว

“ไป พวกเราไปดูสระน้ำนั่นกันเถิด” ฉินหลิวซีแปะยันต์บทสวดเทพจินกวง[2]ที่หลังของซูจื่อเหอหนึ่งแผ่น

[1] ปลาหลี่อวี๋ ปลาคาร์ป

[2] บทสวดเทพจินกวง หนึ่งในแปดบทสวดมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ในพระสูตรของลัทธิเต๋า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท