คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 617 เถิงเจา ‘มีแต่คนอยากจะแย่งอาจารย์ข้ากันทั้งนั้น’

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 617 เถิงเจา ‘มีแต่คนอยากจะแย่งอาจารย์ข้ากันทั้งนั้น’

สระบัวเล็กที่ถูกขุดขึ้นมาใหม่แล้วเติมน้ำลงไปจนเต็ม น้ำขุ่นมาก ฉินหลิวซีจ้องมองไป ขณะที่ดินถูกขุดขึ้นมา ดูเหมือนว่าพลังงานสีทองอันเป็นมงคลที่ดูอ่อนแอเมื่อก่อนหน้านี้จะชัดเจนขึ้นมาแล้ว แต่ยังคงสลายไปอย่างรวดเร็ว

ฉินหลิวซียืนอยู่ข้างสระ มือทั้งสองข้างร่ายคาถา วาดยันต์กลางอากาศแล้วเสกลงไปที่กลางสระนั่น พลังงานสีทองอันเป็นมงคลก่อตัวขึ้นมาเป็นเส้นบางๆ ลอยขึ้นมาจากทิศทางหนึ่งที่อยู่ใต้น้ำ

“ตรงนี้ ให้คนลงไปดู หากมีอะไรก็เอาขึ้นมา” ฉินหลิวซีเอ่ย

นายท่านใหญ่ซูกำชับคนกระโดดลงไปในสระอีกครั้ง ไปขุดตรงจุดที่ฉินหลิวซีชี้

สระบัวเล็กแห่งนี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก และไม่ได้ขุดลึกลงไป ผนังด้านในของสระสร้างด้วยหิน ในนั้นมีเส้นทางลับขนาดเล็กเชื่อมต่อกับลำธารเล็กๆ ในจวน และลำธารของจวนซูได้ตัดส่วนหนึ่งของแม่น้ำจากคูเมืองด้านนอกเป็นต้นทางให้น้ำไหลเข้ามา

ตำแหน่งที่ฉินหลิวซีชี้ไม่ใช่เส้นทางลับในสระน้ำ หากพูดตามหลักแล้ว ไม่ควรจะค้นพบสิ่งใด แต่เมื่อบ่าวรับใช้ผู้นั้นคลำดู ก็กล่าวว่า “มีโพรงขอรับ”

“ขุด”

บ่าวรับใช้ก้มลง ใช้มือทั้งสองข้างขุดลงไป เมื่อสัมผัสโดนก็แข็งทื่อไปทั้งตัว อุทานขึ้นมา กล่าวด้วยความสั่นเทาว่า “ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างอยู่ในโพรงนี้ขอรับ”

“เอาขึ้นมาเถิด ไม่ต้องกลัว”

บ่าวรับใช้หยิบขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเทา รูปร่างคล้ายปลาเล็กน้อย แต่เมื่อสัมผัสดู เหมือนจะใหญ่มาก และแข็งมากด้วย

คงจะตายแล้วกระมัง

เขาแทบจะมุดลงไปในน้ำทั้งตัว มือทั้งสองข้างกอดสิ่งนั้นไว้แล้วยืนขึ้นจากน้ำอย่างทุลักทุเล

ทุกคนอุทานด้วยความตกใจ “มีปลาตัวใหญ่ขนาดนี้ได้อย่างไร”

มันเป็นปลาที่ยาวเท่ากับแขนของผู้ใหญ่ มีลำตัวสีแดงทองผสมกับสีม่วงทองจางๆ ในเวลานี้แสงแดดกำลังดี แสงสาดส่องลงมา สีเหลืองทองกับสีม่วงส่งเสริมซึ่งกันและกัน ทำให้มีสีสันงดงามตระการตา

“ไม่ใช่ปลาหลี่อวี๋ แต่เป็นปลามังกรแดงโลหิต” ฉินหลิวซีมองดูปลาสีส้มแดงทองตัวนั้น เกล็ดขนาดใหญ่เท่าเล็บมือคนของมัน เรืองแสงเมื่อต้องแสงแดด แพรวพราวเป็นอย่างมาก

ฮูหยินใหญ่ซูมึนงงไปหมด “สระบัวแห่งนี้มีมาหลายปีแล้ว แต่ปลาตัวนี้ พวกเรากลับไม่เคยเห็นมาก่อน”

หากรู้ว่ามีปลาสวยงามเช่นนี้อยู่ที่นี่ ไม่มีทางถมสระนี้อย่างแน่นอน ซ้ำยังก่อให้เกิดปัญหาใหญ่โต

นายท่านใหญ่ซูถามว่า “มันตายแล้วหรือ”

“ข้าเคยบอกไปแล้วว่าผู้ที่ฝึกบำเพ็ญจนมีปัญญาทางจิตวิญญาณจะระมัดระวังตัวมากกว่าสิ่งอื่นใด เพราะกลัวว่าจะทำให้ตัวเองเป็นอันตราย จึงต้องหลบซ่อนตัว ต่อให้ปรากฏตัวก็จะไม่ทำต่อหน้าทุกคน”

ฉินหลิวซีกล่าวพลางรับปลามาจากมือของบ่าวรับใช้ผู้นั้น ให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปให้ไกล เห็นดวงตาของปลาที่ไร้ชีวิตชีวาแล้ว ร่างของปลาก็เริ่มแข็งตัว ปลาตัวนี้ตายแล้ว

นางลูบเกล็ดเหล่านั้น หยิบออกมาหนึ่งอัน ขีดลงบนพื้น กลับทำให้เกิดรอยขีดข่วนที่ลึกมาก

ทุกคนพากันจ้องตาโต

นี่คือเกล็ดปลาหรือ เป็นมีดเกล็ดปลามากกว่ากระมัง

คมเกินไปแล้ว

“น่าเสียดาย” ฉินหลิวซีรวบรวมพลังจิตวิญญาณเล็กน้อยไว้บนปลายนิ้ว แตะไปที่แท่นดวงจิตของปลาตัวนั้น วิญญาณของปลาลอยขึ้นมา

วิญญาณปลาตัวนั้นลอยขึ้นมาด้วยความงงงวยเล็กน้อย เมื่อรู้สึกถึงกลิ่นอายของซูจื่อเหอ ความขุ่นเคืองก็เพิ่มขึ้นทันที

เป็นนาง เป็นเพราะเด็กสาวคนนั้นที่สั่งให้คนถมสระตอนที่ตนฝึกบำเพ็ญอยู่ในช่วงที่สำคัญ ไม่เพียงแต่ทำให้มันโกรธจนเดินเข้าสู่เส้นทางมาร ซ้ำยังปิดกั้นเส้นทางของมัน สุดท้ายก็ตายเพราะขาดน้ำ ไม่มีโอกาสที่จะได้กลายร่างแล้ว

มันต้องการสาปแช่งนาง

ฉินหลิวซีเห็นว่ามันกำลังจะลอยไปที่ห้องของซูจื่อเหอ ใช้นิ้วเกี่ยวมันกลับมา “อย่าทำอะไรโง่ๆ”

ปลามังกรแดงโลหิตถูกผูกไว้ด้วยเชือกทำจากพลังวิญญาณที่มองไม่เห็น ตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง กล่าวว่า “นายท่าน นางเป็นคนทำให้ข้าต้องตายและสูญเสียเส้นทางการบำเพ็ญ ข้าไม่ยอม”

“ระหว่างทางการฝึกบำเพ็ญมักจะพบอุปสรรคเช่นนี้เสมอ บอกได้เพียงว่าเจ้าถูกลิขิตให้พบกับเคราะห์ร้ายนี้ และเจ้าไม่สามารถผ่านไปได้ ตอนที่เจ้ามาที่จวนนี้ เข้ามาในสระบัวแห่งนี้ ก็มาเพราะพลังบุญกุศลอันเป็นสิริมงคลในจวนนี้ไม่ใช่หรือ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ควรจะรู้ด้วยว่าในจวนนี้มีผู้ที่มีบุญกุศล หากเจ้าปล่อยให้สาวน้อยผู้นั้นตายไป จึงจะเป็นการสูญเสียการฝึกบำเพ็ญอย่างแท้จริง” ฉินหลิวซีลูบหัวของมัน “เจ้าเองก็ได้ร่ายคาถาสาปแช่งลงโทษไปแล้ว ควรจะพอได้แล้ว หากนางสามารถรู้ได้ถึงการมีอยู่ของเจ้า ก็อาจจะไม่ให้คนไปถมสระ ให้เรื่องจบแค่ตรงนี้ ไม่สู้มอบบุญกุศลจากการฝึกบำเพ็ญให้แก่ลูก ของเจ้า”

“ลูก?”

ปลามังกรแดงโลหิตตกตะลึง มองไปยังร่างปลาของมัน ทันใดนั้นก็นึกขึ้นมาได้ กล่าวว่า “จริงด้วย ลูก นายท่าน ท่านช่วยลูกของข้าด้วยเถิด”

ฉินหลิวซีเอ่ยว่า “หากเป็นเช่นนี้ ข้าจะต้องผ่าท้องเจ้าแล้ว”

“ร่างปลาของข้านี้ได้ตายไปแล้ว ยังจะมีประโยชน์อะไรอีก นายท่านเชิญตามสบายเถิด” ปลามังกรแดงโลหิตกล่าวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น

ฉินหลิวซีจึงได้ใช้เกล็ดปลาอันนั้นของมันผ่าบริเวณท้องที่มีไข่ของปลา มุกปลาใสๆ กลายเป็นฟองน้ำเล็กๆ กลิ้งออกมา ฟองน้ำนั้นห่อตัวปลาเล็กๆ ที่แทบจะมองไม่เห็น

ทันทีที่มุกปลาออกจากตัวปลา ฟองน้ำก็กลายเป็นน้ำ มุกปลากลายเป็นหม่นหมองไร้แสง ปลาน้อยตัวนั้นล่วงลงบนพื้น ลมหายใจเริ่มรวยริน

ฉินหลิวซีหยิบขวดหยกบำรุงวิญญาณใบเล็กที่แกะสลักด้วยอักขระออกมา ใช้เกล็ดปลาตักปลาน้อยขึ้นมา ใส่เข้าไปในขวดหยกพร้อมกับมุกปลา ถามว่า “ในจวนมีน้ำจากหิมะเก็บไว้บ้างหรือไม่”

“มี มีอยู่”

นายท่านใหญ่ซูรีบให้คนไปเอามา

บ่าวรับใช้วิ่งไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็นำน้ำจากหิมะมาเล็กน้อย ฉินหลิวซีเทลงไปแล้วปิดปากขวด

“เจ้าใช้บุญกุศลจากการฝึกบำเพ็ญที่เหลืออยู่ปกป้องสายเลือดเล็กๆ นี้ หากไม่มีใครมาขุดหลุมนี้ เช่นนั้นพวกเจ้าก็คงจะม่องเท่งจริงๆ แล้ว” ฉินหลิวซีเอ่ย

มุกปลาเม็ดนั้นเปรียบดั่งปราณปีศาจของนาง พลังปีศาจที่อยู่ข้างในนั้นได้หล่อเลี้ยงปลาน้อยตัวนั้นไว้มาตลอดจนเกือบจะสลายไปแล้ว และในไม่ช้าก็จะสูญเสียพลังไปจนหมด

ปลามังกรแดงโลหิตเอ่ย “เมื่อพบว่าไม่มีทางให้ถอยกลับแล้ว ข้าจึงได้สละชีวิตเพื่อแลกกับโอกาสอันริบหรี่ ก็คือใช้พลังปีศาจปกป้องลูกของข้า พวกเราก็จะได้เห็นแสงสว่างอีกครั้ง ได้รับโอกาสอันน้อยนิด สวรรค์ยุติธรรม ไม่ได้โกหกข้า ทำให้พวกเราได้พบกับนายท่าน ขอให้นายท่านช่วยชี้แนะให้ลูกของข้าฝึกฝนอย่างหนัก ในภายภาคหน้าจะได้มีโอกาส ข้าก็นับว่าได้สานต่อแล้ว”

ดังนั้นพลังสีทองอันเป็นมงคลจางๆ ที่ฉินหลิวซีเห็นนั้น ความจริงแล้วเป็นของเจ้าปลาน้อยตัวนี้ เป็นพรที่มารดาของมันมอบไว้ให้

“แล้วคำสาปนั่น?” นางถามหยั่งเชิง

ปลามังกรแดงโลหิตมีสีหน้าโศกเศร้าเล็กน้อย กล่าวว่า “นายท่านกล่าวถูกแล้ว นี่เป็นเคราะห์กรรมของข้า เป็นข้าที่ไม่สามารถผ่านไปได้ ล้วนเป็นชะตาชีวิต” มันมองขวดหยกใบนั้นพลางเอ่ยว่า “หากนายท่านยินดีที่จะให้คำแนะนำแก่ลูกของข้า ข้าก็จะปล่อยแม่นางผู้นี้ไปดีหรือไม่”

นายท่านใหญ่ซูและคนอื่นๆ ต่างก็มองไปยังฉินหลิวซีด้วยสายตามีความหวัง

วิญญาณปลาที่พูดภาษาคนได้ก็เพียงพอให้พวกเขาได้เปิดโลกแล้ว ซ้ำตอนนี้ภูตปลามังกรตนนี้ยังขอร้องฉินหลิวซีอีกด้วย นั่นหมายความว่านางเก่งกาจยิ่งกว่า

“ขึ้นอยู่กับบุญกรรมของมัน” ฉินหลิวซีตบขวดหยกเบาๆ จากนั้นก็มองไปยังร่างปลาที่อยู่บนพื้นพลางกล่าวว่า “ร่างของเจ้าข้าขอก็แล้วกัน ลูกศิษย์ของข้ายังขาดเครื่องรางป้องกันตัว เกล็ดปลานี้มีพลังสีทองอันเป็นมงคล ข้าจะเอามาทำเป็นมีดเกล็ดปลา”

เถิงเจาดวงตาเป็นประกาย

องค์ชายสามเหลือบมองเถิงเจา ความอิจฉาปะทุขึ้นมา “…”

หากข้าเข้าสู่ลัทธิเต๋าฝากตัวเป็นศิษย์ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะยังทันอยู่หรือไม่ ข้าก็อยากได้เหมือนกัน!

เถิงเจา ‘เหอะๆ เจ้าไม่ใช่คนแรก ยังมีหวังเจิ้งและคนอื่นๆ อีก มีแต่คนอยากจะแย่งอาจารย์ข้ากันทั้งนั้น!’

[1] ปลาหลี่อวี๋ ปลาคาร์ป

[2] บทสวดเทพจินกวง หนึ่งในแปดบทสวดมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ในพระสูตรของลัทธิเต๋า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท