ตอนที่ 619 ข้าจะให้มันตายอย่างสมศักดิ์ศรี
เมื่อซูจื่อเหอเห็นปลามังกรแดงโลหิตสวยงามตัวนั้นที่ตายเพราะตัวเองก็ร้องไห้อย่างหนัก กล่าวขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ท่านแม่ ข้าทำพิธีศพให้มันได้หรือไม่” นางอยากจะทำอะไรสักอย่าง
ฮูหยินใหญ่ซู “เอ่อ…” มองไปยังฉินหลิวซี ไม่ใช่ว่านางไม่อยากตอบตกลงบุตรสาว แต่พวกเขาไม่สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับปลาตัวนี้ได้
ซูจื่อเหอมองไปอย่างมีความหวัง
“ไม่ได้” ฉินหลิวซีเอ่ยว่า “นี่เป็นของข้าแล้ว”
“แต่มันตายแล้ว ต้องฝังไม่ใช่หรือ”
ฉินหลิวซีสีหน้าเคร่งขรึม “ข้าจะให้มันตายอย่างสมศักดิ์ศรี”
ซูจื่อเหอ “…”
องค์ชายสามกลอกตา คำพูดฟังดูดี แต่ก็ขอดเกล็ดปลาไปทำเครื่องรางไม่ใช่หรือ
โหดร้ายเกินไปแล้ว
จริงๆ แล้วเขาก็อยากจะถามว่าต้องการให้ช่วยขอดเกล็ดปลาหรือไม่ เขาขอเพียงแค่เกล็ดปลาหนึ่งอันมาทำเกราะก็พอ
“เช่นนั้นข้าทำอะไรได้บ้าง” ซูจื่อเหอเอ่ยว่า “ต้องทานมังสวิรัติสวดมนต์ของพรให้มันหรือไม่ หรือว่าต้องจุดตะเกียงนิรันดร์
ฉินหลิวซีมุมปากกระตุก “ข้าเป็นคนในลัทธิเต๋า” เจ้าจะสวดมนต์ไม่คิดว่าเสียมารยาทไปหน่อยหรือ
นายท่านใหญ่ซูเอ่ยว่า “ไม่ว่าอย่างไรมันก็ตายเพราะเหอเอ๋อร์ พวกเราทำอะไรให้มันได้บ้าง หรือว่าจะเลี้ยงปลาน้อยตัวนั้นไว้ในสระบัวของพวกเรา พวกเรารับรองว่าครั้งนี้จะไม่ถมสระอีกแล้ว และจะดูแลมันเป็นอย่างดีแน่นอน”
เขาคิดดีแล้ว ลูกหลานของภูตปลาที่ฝึกบำเพ็ญ หากฝึกบำเพ็ญได้ดีก็จะมีพลังสิริมงคล ด้วยผลของการเลี้ยงดูนี้ จวนซูก็จะได้รับการคุ้มครองใช่หรือไม่
แผนของเขาดี แต่ฉินหลิวซีกลับไม่สนับสนุน เอ่ยว่า “ก็ไม่ได้ พวกเจ้าเลี้ยงไม่รอด มันเล็กเกินไป จะโตขึ้นได้ก็ต้องการสภาพแวดล้อมและพลังวิญญาณที่ดีกว่านี้”
นายท่านใหญ่ซูรู้สึกเสียใจเล็กน้อย
ส่งทำไม เกล็ดปลาหนึ่งอันก็ไม่ให้เขา ไม่ส่ง
“พวกเราไปรับคนมา ส่งกลับไปถือเป็นมารยาทนะพ่ะย่ะค่ะ” ผู้ติดตามเอ่ยขึ้นมา
องค์ชายสามหยิบพัดออกมาจากแขนเสื้อแล้วตีที่ศีรษะของเขา “มารยาทอะไรกัน ขี้ข้าอย่างเจ้ามีสิ่งนี้ด้วยหรือ เจ้าก็คือจิ้งจอกจอมบงการ เสือจอมปลอมที่มีอำนาจ”
ผู้ติดตามยิ้มขอโทษ “พระองค์สั่งสอนถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
องค์ชายสามกระโดดขึ้นรถม้า กล่าวว่า “ข้าก็อยากดูว่าจะมีคนตาบอดที่ไหนไปชนรถม้าเข้า จะได้ให้นางสั่งสอนวิธีปฏิบัติตน”
ผู้ติดตาม ‘พวกเราเลิกว่าตัวเองได้แล้ว อายจนหน้าร้อนไปหมดแล้ว!’
กลับมาที่โรงประมูลจิ่วเสียน คนงานที่อยู่ข้างในได้แขวนโคมไฟไว้ที่หน้าประตูแล้ว การประมูลจะมีขึ้นในเย็นวันพรุ่งนี้ ดังนั้นจึงต้องจัดเตรียมตั้งแต่ตอนนี้
เมื่อองค์ชายสามเห็นดังนั้น ก็นึกถึงที่ฉินหลิวซีบอกว่าเครื่องหอมบำรุงพรรณอวี้เสวี่ยจีจะช่วยให้หลังของน้องหญิงลูกพี่ลูกน้องหายเร็วขึ้น ได้ยินมาว่างานประมูลในวันพรุ่งนี้มีการประมูลอวี้เสวี่ยจีด้วย
ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นมาแล้วก็ดับลง เขาไม่มีป้ายหมายเลข
เมื่อเห็นฉินหลิวซีลงจากรถ คนงานก็เข้ามาทักทายอย่างกระตือรือร้น องค์ชายสามดวงตาเป็นประกายขึ้นมา คนผู้นี้มีลู่ทาง
เขารีบพุ่งเข้าไปขวางฉินหลิวซีไว้
“ทำอะไร”
“คือว่า เจ้ามีป้ายหมายเลขหรือไม่ สามารถขอให้ได้หรือไม่” องค์ชายสามบุ้ยปากไปทางโรงประมูล กล่าวว่า “ได้ยินมาว่าจะมีการประมูลเครื่องหอมบำรุงพรรณอวี้เสวี่ยจีในวันพรุ่งนี้ ข้าอยากจะประมูลมาให้น้องหญิงสักอัน”
“ท่านใจกว้างไม่น้อยเลย” ฉินหลิวซีเลิกคิ้ว “นางไม่ได้บาดเจ็บสาหัส ยาขี้ผึ้งลบรอยแผลเป็นธรรมดาก็ใช้ได้เช่นกัน ไม่จำเป็นต้องเปลืองเงิน”
“เจ้าจะไปรู้อะไร สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับสตรีก็คือรูปร่างหน้าตาผิวพรรณ หากทิ้งรอยแผลเป็นไว้จะทำอย่างไร” องค์ชายสามจ้องมองพลางกล่าวว่า “น้องหญิงข้าประสบกับความทุกข์ทรมานครั้งใหญ่ ดังนั้นจึงสมควรได้รับสิ่งที่ดีที่สุด”
“นั่นเป็นสิ่งที่บุรุษให้ความสำคัญมากกว่าไม่ใช่หรือ หากพวกท่านไม่ให้ความสำคัญ มีรอยแผลเป็นบนหลัง จะเห็นได้อย่างไร” ฉินหลิวซีกลอกตา
“พวกท่านสามารถท่องพระสูตรการเกิดใหม่หรืออธิษฐานขอพรให้มันก็ได้ ค่าน้ำมันตะเกียงนี้บริจาคให้แก่อารามชิงผิงของพวกเราเถิด เมื่อพวกเรารับค่าน้ำมันตะเกียงมาแล้วจะจัดการอย่างเหมาะสมแน่นอน” ฉินหลิวซีเอ่ย
แม้ว่าจะฟังดูดี แต่ทำไมจึงได้รู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย
นายท่านใหญ่ซูและคนอื่นๆ ไม่กล้าโต้แย้ง เอ่ยอย่างจริงใจว่า “ทุกอย่างทำตามความต้องการของท่านเจ้าอาวาสน้อยเถิด”
ฉินหลิวซีเขียนใบสั่งยาให้แก่ซูจื่อเหออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ให้นายท่านใหญ่ซูย้ายไปที่ห้องปีกตะวันตก จับชีพจรให้เขาก่อน แล้วจึงให้บ่าวรับใช้พับขากางเกงขึ้น
ฮูหยินใหญ่ซูเดินเข้ามาหลังจากที่ปลอบใจบุตรสาวแล้ว ใจเต้นไม่เป็นส่ำ เกิดอะไรขึ้นอีก
นายท่านใหญ่ซูจึงต้องอธิบายให้ฟัง เมื่อนางได้ฟังดังนั้นก็มองฉินหลิวซีดวงตาเป็นประกาย เอ่ยถามขึ้นมาว่า “ท่านเจ้าอาวาสน้อย ปีนี้ข้าอายุสามสิบแปดปีแล้ว ท่านว่าข้ายังสามารถมีบุตรได้หรือไม่” บุตรชายคนเดียวนั้นน้อยเกินไป
นายท่านใหญ่ซูหน้าสั่น “!”
องค์ชายสามที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องปีกเพราะได้ยินเสียงได้ถอยออกไปอย่างเงียบๆ
ท่านป้าใหญ่ของเขาผู้นี้มีควาททะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่เสียจริง
…
ฉินหลิวซีเดินออกมาจากจวนซูพร้อมกับกล่องที่บรรจุตั๋วเงินและกล่องยาวที่บรรจุร่างของปลามังกรแดงโลหิต
สายตาขององค์ชายสามไม่ละจากกล่องยาวใบนั้นเลย ก่อนจะเข้าไปใกล้ “คือว่า เจ้าอาวาสน้อย ท่านว่ามีดเกล็ดปลาของปลาตัวนี้จะยังมีเหลือหรือไม่”
ฉินหลิวซีเหลือบมองเขา “ข้าว่ามันไม่พอด้วยซ้ำ”
องค์ชายสาม “…”
ก็แค่ถาม ไม่จำเป็นต้องกันท่าข้าขนาดนั้น ใครจะไปอยากได้!
“ไป กลับกันเถิด” ฉินหลิวซีเรียกเถิงเจาขึ้นรถม้า
เมื่อเห็นรถวิ่งออกไปแล้ว ผู้ติดตามมองดูองค์ชายสามที่ยืนอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าไม่พอใจ แล้วจึงเอ่ยว่า “องค์ชายสาม พวกเราไม่ต้องไปส่งหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ส่งอะไรกัน พวกเขาโตกันขนาดนี้แล้ว ยังจะหายไปได้อีกหรือ” องค์ชายสามกล่าวด้วยความโมโห
เมื่อเดินเข้าไปในโรงประมูล กลับเห็นพ่อของเถิงเจากำลังดื่มชาอย่างสบายใจอยู่ที่เรือน เมื่อเห็นพวกตนก็ยิ้มพลางลุกขึ้นพูดคุย พรุ่งนี้เป็นวันฉลองวันเกิดของนายหญิงผู้เฒ่าในจวน อยากจะรับเถิงเจากลับไปฉลองวันเกิด กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา
เถิงเจาขมวดคิ้ว
องค์ชายสามสำลัก ดูเหมือนจะมีเหตุผลอยู่บ้าง แต่สตรีมักจะแต่งตัวสวยงามเพื่อให้มีคนชื่นชอบตัวเองไม่ใช่หรือ
“อีกอย่าง ก็แค่น้องสาวลูกพี่ลูกน้องของท่าน ไยจึงได้ใส่ใจขนาดนี้”
องค์ชายสามใบหน้าร้อนผ่าว เหลือบมองซ้ายขวา กระซิบเสียงเบาว่า “ก็ข้าเห็นหลังของน้องหญิงแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบไม่ใช่หรือ กลับวังไปข้าก็ต้องอธิบายกับมารดาอย่างชัดเจน จากนั้นก็ให้นางขอพระราชทานการอภิเษกสมรสจากฮองเฮา”
ฉินหลิวซีเหลือบมอง “คนอย่างท่านเหลวแหลกก็ส่วนเหลวแหลก นับว่ายังมีความรับผิดชอบ”
องค์ชายสามลูบท้ายทอย กล่าวอย่างภูมิใจว่า “ก็ข้าเป็นลูกผู้ชาย”
“อืม ก็แค่เด็กน้อย”
องค์ชายสาม “!”
เจ้าเป็นนักพรตหญิง โปรดรักษาหน้าด้วย กล้าดีอย่างไรมาพูดเช่นนี้!
ฉินหลิวซีโบกมือเรียกคนงาน กล่าวว่า “ยังมีป้ายหมายเลขอยู่หรือไม่”
“ท่านเจ้าอาวาสน้อย ป้ายหมายเลขถูกขายไปหมดแล้ว แต่ห้องเทียนฮ่าวยังเหลืออยู่ ท่านว่า?”
ห้องเทียนฮ่าวสงวนไว้สำหรับกรณีฉุกเฉินโดยเฉพาะ ปกติไม่รับแขก สงวนไว้ให้เฟิงซิวกับนางใช้เท่านั้น
ฉินหลิวซีมองไปยังองค์ชายสาม จากนั้นจึงเอ่ย “ข้าให้เจ้าในราคาสามพันตำลึงก็แล้วกัน”
องค์ชายสามปากกระตุก ป้ายหมายเลขระดับต่ำสุดของเรือนฉ่านเซิงเพียงแค่สองร้อยตำลึง แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่านั่นเป็นห้องส่วนตัวชั้นยอด จึงกัดฟันพลางยื่นมือไปหาผู้ติดตาม
ผู้ติดตามคิดในใจ ‘ต้องหาเงินให้เร็วยิ่งกว่าถอดขนแกะ เพียงครู่เดียวหมดไปสามพันตำลึงแล้ว’
ฉินหลิวซีหยิบยันต์แคล้วคลาดยื่นให้เขาอย่างไม่ใส่ใจ “พกยันต์นี้ไว้ ก็สามารถไปได้แล้ว จริงสิ พกเงินมาเยอะๆ หน่อย มิเช่นนั้นเจ้าจะประมูลไม่ได้”
องค์ชายสามรับมาอย่างเงียบๆ มองดูนางหายไปที่ประตู จากนั้นก็ก้มหน้าลงมองยันต์สามเหลี่ยมที่อยู่ตรงหน้า ยันต์แคล้วคลาดนี้น่าจะแพงกว่าป้ายหมายเลขกระมัง
ตั้งแต่ที่เขาได้เห็นภูตปลาหลี่อวี๋เขาก็กลายเป็นคนที่สงบนิ่งและระมัดระวัง เก็บมันไว้ในอ้อมแขนอย่างหวงแหน