ตอนที่ 621 รู้หรือไม่ว่าตนล่วงเกินผู้ใดแล้ว
ได้ยินข่าวว่าเถิงเจาไม่อาจควบคุมสติได้ เถิงเทียนฮั่นที่กำลังรับรองแขกบุรุษอยู่ก็รีบมาทันที ต้องใช้กำลังมหาศาลกว่าจะระงับเขาเอาไว้ได้ โดยยังคงใช้ชื่อของอาจารย์เขา
มองเห็นสายตาหวาดกลัวและอาการต่อต้านของเถิงเจา หัวใจของเถิงเทียนฮั่นพลันแหลกละเอียด ออกคำสั่งให้จับบ่าวรับใช้ที่รุมจับและแย่งของของเถิงเจาออกไปโบย
คนเหล่านั้นสีหน้าพลันเปลี่ยนทันใด คุกเข่าลงอ้อนวอน “นายท่านได้โปรดไว้ชีวิตด้วย ฮูหยินผู้เฒ่าไว้ชีวิตด้วยเจ้าค่ะ”
“คำของข้าใช้การไม่ได้แล้วใช่หรือไม่” เถิงเทียนฮั่นหน้าทะมึน เจ้าหน้าที่ทางการท่าทางน่าเกรงขามหลั่งไหลเข้ามาในทันใด
เมื่อเขาโมโห ก็มีคนเข้ามาควบคุมตัวคนทันใด เห็นว่าคนเหล่านี้อ้าปากเตรียมร้องไห้เสียงดัง ยื่นมือไปดึงผ้าเช็ดเหงื่อยัดปากพวกนาง
นายหญิงผู้เฒ่าเถิงโกรธจนตัวสั่น เอ่ยอย่างโมโห “กำเริบเสิบสานแล้ว ข้าจะดูว่าผู้ใดกล้า เจ้าใหญ่ นี่คือของขวัญวันเกิดที่เจ้ามอบให้ข้าหรือ เจ้ามิสู้ยกโลงศพมาให้ข้านอนลงไปเลยเล่า”
“ฮูหยินผู้เฒ่าใจเย็นเจ้าค่ะ” เหล่าสาวใช้คุกเข่าลง
“พี่ใหญ่ ต้องถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ชัดเจนก่อนหน้า” ผิงเล่อจวิ้นจู่หน้าตึงเอ่ยพร้อมขมวดคิ้วมุ่น
บ่าวรับใช้ที่ถูกลากตัวออกนั้นมีคนของนางด้วย หากโบย ไม่เป็นการตบหน้านางหรอกหรือ
“วาจานี้จวิ้นจู่มีเหตุผล ความจริงที่ข้ารู้คือพวกท่านเห็นด้วยกับการให้สาวใช้แย่งของของเจาเอ๋อร์” เถิงเทียนฮั่นมองกระดิ่งที่ถูกส่งไปวางไว้ตรงหน้าโต๊ะฮูหยินผู้เฒ่า จากนั้นหันไปมองฮูหยินผู้เฒ่า เอ่ย “ไม่เอ่ยถึงอย่างอื่น ข้าเพียงเอ่ยประโยคเดียว ต่อให้เจาเอ๋อร์เขาไม่ได้เป็นที่รักของท่านแม่ เขาก็ยังเป็นบุตรชายคนโตของข้า หลานชายคนโตของตระกูลเถิง ไม่ใช่คนที่บ่าวไพร่เหล่านี้จะมาดูถูกได้ นอกเสียจากข้าจะตายไปแล้ว”
ต่อให้ข้าตายไปก็ไม่มีโอกาสที่พวกเจ้าจะมารังแกได้ เพราะยังมีฉินหลิวซีอยู่
นึกถึงว่าหากฉินหลิวซีรู้เรื่องนี้เข้าล่ะก็ ศีรษะของเถิงเทียนฮั่นก็มึนชา สันหลังเย็นวาบ
คนโง่เขลาพวกนี้ รู้หรือไม่ว่ากำลังล่วงเกินผู้ใดอยู่
ฮูหยินเถิงผู้เฒ่าสีหน้าเขียวคล้ำ
“อีกทั้ง ไม่ใช่ของอะไรก็เอาไปได้ เจาเอ๋อร์เข้าสู่เต๋า ทุกสิ่งที่สวมทุกสิ่งที่ประดับไม่เหมือนของคนทั่วไป พวกท่านเห็นชุดยาวของเขาราบเรียบ กลับไม่รู้จักรอยปักที่มุมแขนเสื้อเขา ล้วนแล้วแต่เป็นอักษรคาถาแห่งเต๋า ผ้าเช็ดหน้าที่ติดตัวเขาเองก็เช่นกัน ล้วนแล้วแต่ถูกทำขึ้นมาอย่างปราณีต เขาบอกว่ากระดิ่งนี้ให้ไม่ได้ เช่นนั้นก็หมายความว่าพวกท่านเอาไปก็ไร้ประโยชน์ กระทั่งสามารถสร้างความเดือดร้อนได้”
ระหว่างที่เอ่ยยังเหลือบมองไปยังเถิงฉี่ สายตามีการกล่าวโทษและไม่พอใจ เด็กคนนี้ถูกท่านแม่และมารดาจวิ้นจู่ของเขาเอาอกเอาใจจนนิสัยไม่ดีแล้ว คิดว่าอะไรก็จะเอาไปได้หรืออย่างไร
เถิงฉี่หวาดกลัวเขา หลบอยู่ด้านหลังผิงเล่อจวิ้นจู่ ยื่นศีรษะออกมาเพียงครึ่งเดียว
ฮูหยินเถิงผู้เฒ่าถูกตำหนิจนใบหน้าดำคล้ำ หาทางลงไม่ได้ โยนกระดิ่งนั้นลงไปกับพื้นด้วยใบหน้ามึนตึง “กระดิ่งพังๆ ใบเดียวเท่านั้น แค่หลานเจ้าอยากได้ จำเป็นต้องมาเอ่ยกดข่มข้าหรือ”
ทุกคนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ
สะใภ้เวินก้าวเข้ามาเอ่ยกับเถิงเทียนฮั่น “นายท่าน พาเจาเอ๋อร์กลับไปพักที่เรือนก่อนเถิดเจ้าค่ะ”
เถิงเทียนฮั่นมองมายังสะใภ้เวิน อีกฝ่ายส่ายหน้าเบาๆ เขาถึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วพาเถิงเจากลับมาที่เรือน
เถิงเจาไม่สนใจผู้ใด หยิบพู่กันวาดยันต์ของตนเองออกมาตามหากระดาษและเริ่มวาดยันต์
เถิงเทียนฮั่นอยากเอ่ยบางอย่าง ทว่าเอ่ยไม่ออกแม้เพียงคำเดียว จึงให้คนไปเชิญท่านอาจารย์ตู้มาปลอบเขา
อาจารย์ตู้เองก็ถอนหายใจ เมื่อก่อนสิ่งที่เถิงเจาทำยามปิดกั้นตนเองคือเดินหมากหรือวาดภาพคัดอักษรทั้งวันทั้งคืน และเมื่อเริ่มต้นแล้ว ภาพนั้นก็ต้องวาดให้เสร็จ คัดอักษรก็ต้องคัดให้จบหนึ่งเล่ม ยามนี้วิธีการระบายอารมณ์ของเขาคือการวาดยันต์
เด็กคนนี้มีเต๋าอยู่ในหัวใจของตนแล้วจริงๆ
ตอนที่ฉินหลิวซีมาถึง สิ่งที่มองเห็นก็คือแผ่นยันต์ที่มีเพียงเส้นขีดทว่าไม่มีจิตวิญญาณกระจายเกลื่อนเต็มพื้น และมีคนตัวเล็กกำลังนอนวาดอยู่บนพื้น
เถิงเทียนฮั่นเห็นนางลอยลงมาจากบนฟ้า เก็บท่าทางตกใจบนสีหน้าเอาไว้ เก็บคำถามว่าเจ้าตามหาที่นี่เจอได้อย่างไรกลับคืนไป
ปรมาจารย์หญิงแห่งสวรรค์ผู้มีความสามารถผู้หนึ่งจะตามหากลิ่นอายและตำแหน่งของลูกศิษย์ตนเองไม่เจอหรือ
เขาทำเพียงมองหลังคาเงียบๆ นึกถึงองครักษ์เงาในจวน เมื่อเจอกับคนที่มีความสามารถ องครักษ์เงาก็เป็นเพียงเครื่องประดับก็เท่านั้น
“ท่านมาแล้ว” เถิงเทียนฮั่นก้าวเข้าไปหาหนึ่งก้าว เอ่ยอย่างระมัดระวัง
ฉินหลิวซีเหลือบมองมาทางเขา สายตานั่นคล้ายจะเรียบนิ่ง ความจริงกลับแฝงไปด้วยความกล่าวโทษและไอสังหาร
เถิงเทียนฮั่นถูกสายตานี้กวาดมองรู้สึกละอายอยู่ในใจ ละอายใจทั้งยังแข็งกระด้างอยู่ในใจอีกด้วย
เขาเป็นบิดา ทั้งยังเป็นผู้ใหญ่ กลับต้องมาหวาดกลัวต่ออาจารย์ของบุตรชายที่อายุน้อยแทบจะเป็นบุตรสาวเขาได้ด้วยซ้ำ
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ฉินหลิวซีกดเสียงเอ่ยถาม
เถิงเทียนฮั่นยิ้มขมขื่น “เป็นข้าที่ไม่ดีเอง บางทีข้าไม่ควรรับเขากลับมา…”
“อย่าพล่ามไร้สาระ”
ท่านอาจารย์ตู้ก้าวขึ้นมา ยกมือประสาน เอ่ยเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้นางฟัง
ฉินหลิวซีเข้าใจแล้ว ไม่มีอะไรมากไปกว่าคนไม่มีตาเหล่านั้นร่วมกันรังแกลูกศิษย์ของนางที่ไม่มีคนปกป้อง พวกคนอัปยศก็เท่านั้น
พวกคนไม่รู้จักที่ตาย
ท่านอาจารย์ตู้ก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว ยกมือขึ้นลูบแขนโดยไม่รู้ตัว
หนาวสะท้านมาก
ฉินหลิวซีเดินไปย่อตัวลงข้างๆ เถิงเจา หยิบพู่กันในมือเขาออกมา
เถิงเจาหันกลับมา
“ขายหน้า” ฉินหลิวซีชี้นิ้วจิ้มไปที่หน้าผากของเขา
เถิงเจาเม้มริมฝีปาก กระบอกตาเริ่มแดงก่ำ เอ่ยว่า “พวกเขารังแกข้า”
“โง่จริงๆ เลย” ฉินหลิวซีอุ้มเขาขึ้นมา เอ่ย “อาจารย์สอนเจ้าให้รังแกกลับคืนไปอย่างไร ต่อไปหากเจอเรื่องแบบนี้อีก ยังจะกลับมาเสียใจอยู่กับตัวเองอีกก็ไม่ต้องบอกว่าเป็นลูกศิษย์ของข้า”
พวกเขาเดินไปถึงประตู เถิงเทียนฮั่นคล้ายจะเอ่ยบางอย่าง
ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเย็นเยียบ “อาศัยที่ข้ายังคุยได้ก็เงียบไปเสีย เพียงมองก็พอ หากข้าไม่อยากเอ่ยด้วยแล้ว ครอบครัวท่านได้ซวยกันทั้งหมดแน่”
เถิงเทียนฮั่นนิ่งค้าง
ท่านอาจารย์ตู้เดินเข้ามาดึงเขาไปอีกฝั่ง ให้บ่าวรับใช้นำทางอยู่ข้างหน้า มองศิษย์อาจารย์เดินออกไปไกล จึงเดินตามไปพลางเอ่ย “นายท่าน ช่างเถิด บางคนจำต้องได้รับการสั่งสอนสักหน่อย หากให้นางต้องอดทนอดกลั้นไม่ทำอะไรเลย ท่านอาจจะต้องเสียบุตรชายผู้นี้ไปจริงๆ ก็เป็นได้”
ดวงตาของเถิงเทียนฮั่นหดเกร็ง ถอนหายใจหนึ่งเฮือก
เหล่าฮูหยินเถิงผู้เฒ่ากลับมาสนุกสนานอีกครั้ง หัวเราะเฮฮา ราวกับไม่เคยเกิดเรื่องของเถิงเจาขึ้น
แววตาของฉินหลิวซีเย็นยะเยือก จูงมือเถิงเจาเดินเข้าไปในเรือน
ดวงอาทิตย์กำลังจะลาลับสาดส่องลงมา ศิษย์อาจารย์เหยียบย่ำไปกับแสงสีแดงเลือดที่สาดเข้ามาก้าวเข้าไปในเรือนเชื่องช้า แสงนั้นอาบไล้บนตัวของคนทั้งคู่ ทำให้บ่าวรับใช้มากมายในเรือนมองเห็น กระทั่งหลายปีผ่านไปนึกมาถึงภาพนี้ยังรู้สึกว่าศิษย์อาจารย์ราวกับการมาของผีร้าย สั่งสอนคนทั้งตระกูลหนึ่งบทเรียน
ตอนที่บ่าวรับใช้กำลังจะรายงาน พวกฉินหลิวซีได้เดินเข้ามาในเรือนแล้ว
เสียงหัวเราะเฮฮาในเรือนพลันเงียบสงบ
ฮูหยินเถิงผู้เฒ่าขมวดคิ้วขึ้น สีหน้าไม่พอใจ
ฉินหลิวซีมองไป สายตามองพิจารณาใบหน้าของนาง จากนั้นแสยะยิ้มเย็นออกมา จากนั้นหันไปมองสตรีที่เต็มไปด้วยเครื่องประดับที่นั่งอยู่ด้านข้างของนาง
มีแต่คนบาปหนาทั้งนั้น
ฉินหลิวซีเคลื่อนสายตา หยุดอยู่ที่เถิงฉี่ที่พึงพอใจกับกระดิ่งวิญญาณ ใบหน้ายิ่งเยือกเย็นขึ้น
เด็ดดื้อนี่นะ นางชอบสั่งสอนเด็กดื้อให้เป็นคนที่สุดแล้ว