ตอนที่ 623 นางไม่ทำเรื่องที่คนทั่วไปเขาทำ
ฮูหยินเถิงผู้เฒ่ารู้สึกว่าขาข้างหนึ่งของตนเข้าไปอยู่ในโลงศพแล้วถึงได้ซวยเพียงนี้ ยังเป็นในวันเกิดของนางอีก นับจากวันนี้ไป ทุกครั้งที่ฉลองวันเกิดนางก็จะนึกถึงวันนี้ขึ้นมา
นี่ช่างเป็นวันเกิดที่ยากจะลืมเลือน
ฮูหยินเถิงผู้เฒ่าเงยหน้าขึ้นก็มองเห็นผีสาวยื่นศีรษะเข้ามา ผีตาแดงก่ำสบเข้ากับดวงตาของนาง ศีรษะพลันแข็งทื่อขึ้นมาโดยไม่อาจห้ามได้ ส่วนล่างของร่างกายมีความอุ่นร้อนไหลลงไป ส่งกลิ่นเหม็นออกมา สมองของนางขาวโพลน แทบจะเป็นลมล้มไป
ก่อนที่สติของนางจะดับไป นางไม่เคยมีความสุขที่จะเป็นลมเพียงนี้มาก่อน
เถิงเทียนฮั่นที่สังเกตเห็นนางอยู่ตลอด รีบวิ่งเข้ามารับนางเอาไว้ มองไปทางฉินหลิวซี เอ่ย “ท่านเจ้าอาวาสน้อย สมควรแล้วก็พอเถิด”
ฉินหลิวซีปรายตามองมา ส่งเสียงหยันในลำคอ เพียงมองไปทางเด็กดื้อผู้นั้น เอ่ยเสียงเย็น “พอได้อย่างไร อยากเรียกผีมาเล่นเป็นความต้องการของเด็กคนนี้ ข้าพาลูกศิษย์ของข้ามาช่วยให้เขาสมปรารถนา ขอบคุณสักคำก็ไม่มี ยังไม่ชอบอีกหรือ”
ทุกคน พวกเราขอบคุณเจ้าทั้งครอบครัว
ผิงเล่อจวิ้นจู่มองวิญญาณผีอาฆาตที่ตายไปหลากหลายรูปแบบกำลังคลานเข้าใกล้พวกนางมาเรื่อยๆ ร้องแผดเสียงออกมา “ต้องทำอย่างไรเจ้าจึงจะวางมือ”
“เมื่อใดที่เขาสำนึกผิดแล้ว นับจากนี้ไม่กล้าแย่งของใครไปทั่วก็พอแล้ว” ฉินหลิวซีมองนางอย่างดูแคลน เอ่ย “เจ้าต้องรู้ว่าเด็กไม่สั่งสอนไม่ประสบความสำเร็จ เจ้าไม่สั่งสอน คนข้างนอกแน่นอนว่าจะมีคนสั่งสอนเขา เข้าใจหรือไม่ เด็กตัวเล็กเพียงนี้ก็สามารถผลักเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันตกน้ำและยืนดูนางตะเกียกตะกายจนจมน้ำตายในที่สุดได้อย่างไม่ทุกข์ร้อน คิดว่านั่นเป็นเรื่องสนุกสนาน เขาคงจะเป็นคนไม่ได้แล้ว ปีศาจตัวน้อยชัดๆ”
เถิงเทียนฮั่นและคนที่ไม่ได้เบิกเนตรได้ยินเข้ามองไปยังเถิงฉี่อย่างไม่อยากเชื่อ หัวใจเย็นเยียบลงมาหลายส่วน
ลูกหลานชนชั้นสูงตีสังหารบ่าวรับใช้ก็มีบ้าง แต่เถิงฉี่เพิ่งอายุเท่าใดก็ผลักเด็กคนหนึ่งจมน้ำตายแล้วหรือ
ทุกคนกลืนน้ำลาย ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
ใบหน้าผิงเล่อจวิ้นจู่บิดเบี้ยวไปแล้ว จ้องมองฉินหลิวซีด้วยแววตาดุร้าย
“สะสมบุญกุศลทำอย่างที่คนทั่วไปเขาทำเถิด มิเช่นนั้นเด็กคนนี้คงเสียเปล่าแล้ว แต่ให้กำเนิดอีกสักคนก็ยังทัน” ฉินหลิวซีเอ่ยประโยคร้ายกาจขึ้นมาอีกครั้ง
ผิงเล่อจวิ้นจู่กล้าโกรธทว่าไม่กล้าเอ่ยวาจา วาจานี้ไม่ควรใช้กับเจ้าหรอกหรือ
เจ้าไม่ทำเรื่องที่คนทั่วไปเขาทำกัน
ฉินหลิวซีส่งกระดิ่งวิญญาณให้กับเถิงเจา เอ่ย “ให้น้องชายญาติผู้น้องของเจ้าดู กระดิ่งวิญญาณนี้มันใช้อย่างไร”
เถิงเจายื่นมือขึ้นไปรับ แขนเสื้อล่นลงเผยให้เห็นข้อมือ ดวงตาฉินหลิวซีแหลมคม คว้ามือของเขาทันใดก่อนจะเลิกแขนเสื้อขึ้น เมื่อแขนปรากฏออกมา ร่องรอยเขียวช้ำปรากฏสู่สายตา
ดวงตาของฉินหลิวเหมือนเหล็กร้อนชุบน้ำแข็ง จ้องเถิงเจาเขม็งก่อน อีกฝ่ายหลุบตาลงอย่างใจฝ่อ
“ผู้ใดทำ” ฉินหลิวซีหันไปหาเถิงเทียนฮั่น บิดาอย่างท่านไม่มีประโยชน์แล้วหรือ
เถิงเทียนฮั่นใบหน้าทะมึน บ่าวรับใช้พวกนั้นกล้าลงมือรุนแรงเพียงนี้
“ข้าเปลี่ยนความตั้งใจแล้ว” ฉินหลิวซีกำกระดิ่งวิญญาณ เอ่ย “ลากตัวคนที่แย่งของมาให้หมด”
“ไป” อาจารย์ตู้รีบสั่งให้คนไปพาตัวมา
มองภาพฝูงวิญญาณร้ายตรงหน้า ต่อให้เขามองไม่เห็นก็สามารถจินตนาการได้ หากไม่ให้ฉินหลิวซีระบายความโกรธนี้ คนตระกูลเถิงไม่ว่าใครก็อย่าคิดว่าจะอยู่อย่างสงบสุขได้
คนของอาจารย์ตู้เพิ่งเดินออกไป บิดาของเถิงฉี่ที่ได้ยินข่าวก็รีบมา เมื่อเห็นสภาพน่าเวทนาของจวิ้นจู่และบุตรชายก็รีบพุ่งเข้าไปหาทันที ตะคอกใส่เถิงเทียนฮั่น “พี่ใหญ่ ท่านยอมให้คนนอกคนหนึ่งมารังแกครอบครัวของเราหรือ”
ฉินหลิวซีส่งเสียงขึ้นมา “ครอบครัวรักกันดีนี่ สมควรแล้ว ข้าจะช่วยให้พวกเจ้าสมหวัง”
อะไรกัน
เถิงรองเห็นเพียงยันต์ลอยเข้ามาหาตน ดวงตาสองข้างปิดลงรู้สึกร้อนวาบขึ้นมา เมื่อเปิดตาขึ้นเขาก็มองเห็นผีมากมายเบียดเสียดกันเต็มห้อง ตะโกนร้องเสียงดังขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
นี่คือโลกจริงๆ ไม่ใช่นรกใช่หรือไม่
“ท่านพี่เซิง”
เถิงรองได้ยินเสียงนี้ตัวก็แข็งทื่อ หันมองไป “อนุลี่หรือ”
“ท่านพี่เซิง เป็นจวิ้นจู่ที่ทำร้ายพวกเรา นางให้หมอตำแยกดเด็กเอาไว้ไม่ให้คลอดออกมา ผลักกลับคืนเข้าไป”
เถิงรองมองเด็กที่อยู่ในรกที่นางลากมา ขนลุกซู่ขึ้นมา จากนั้นจึงหันไปมองผิงเล่อจวิ้นจู่ อีกคนมองเขาด้วยสายตาท้าทาย นางทำแล้วจะทำไมหรือ
เถิงรองก้มหน้าลง อนุลี่ผู้นั้นเห็นแล้วยังมีสิ่งใดไม่เข้าใจอีก ความไม่พอใจปะทุขึ้นมาทันใด
“พวกเจ้าต้องตาย” นางพุ่งเข้าไป ข่วนใบหน้าผิงเล่อจวิ้นจู่
ผิงเล่อจวิ้นจู่รู้สึกแสบใบหน้าลงมาถึงกราม กรีดร้องขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ กอดศีรษะก้มหน้าเอาไว้
ฉินหลิวซีรู้สึกเบื่อ พอดีบ่าวรับใช้ที่แย่งของเถิงเจามาถึง นางเดินออกไปนอกเรือน ได้กลิ่นคาวเลือด มองใบหน้าของคนเหล่านั้นเล็กน้อย เอ่ย “โบยแล้วหรือ ใจดีกับพวกเจ้าแล้วจริงๆ”
บรรดาบ่าวรับใช้ที่ถูกโบยยังไม่ทันได้หายใจ หัวใจพลันหวาดกลัวขึ้นมา หมายความว่าอย่างไร
“เหล่าผีทั้งหลาย ออกมาเล่นต้อนรับพวกนางสักหน่อย บีบนวดให้พวกนาง”
ผีหรือ
ดวงตาหลายคนหรี่ลง ราวกับมีอะไรเข้าตา เมื่อมองดูให้ดี กรี๊ด นี่คืออะไรกัน
ไม่มีใครสนใจบาดแผลที่ก้น ล้มลุกคลุกคลานเต็มเรือน ร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล แต่ไม่ว่าพวกนางจะคลานไปที่ใดก็มีผีตามมาดึงไว้ ร้องเรียกพวกนาง
เจ็บ เจ็บจัง ทั้งหนาวทั้งเจ็บ
ฉินหลิวซียิ้มเย็น คนของนางรังแกง่ายเพียงนี้เชียวหรือ
ถูกผีข่วนเจ็บ มีพลังหยินแทรกเข้าไปด้วย ลิ้มรสมันสักหน่อยเถิด
อะไรที่เรียกว่าฝูงผีร้ายน่ะหรือ ก็คงจะเป็นประมาณนี้กระมัง ผีร่ำไห้โหยหวน น่ากลัวเกินกว่าจะทนดูได้
มองดูคนที่เป็นลมล้มพับไปทีละคน ฉินหลิวซีจึงเรียกยมทูต ให้ยมทูตพาเหล่าวิญญาณเร่ร่อนพวกนี้ไปเกิดใหม่ อย่างไรก็มีคนไม่น้อยที่พลาดประตูผีไม่มีทางได้ไปเกิดใหม่ ยามนี้มีโอกาสถูกเชิญมาหลอกคนสักหน่อย ให้นางได้ช่วยส่งไปเกิด ผีทั่วไปรู้สึกซาบซึ้งต่อฉินหลิวซี โค้งคารวะขอบคุณ
ส่วนอนุเผิงลี่ ฉินหลิวซีก็เอ่ยถาม “เจ้าจะไปหรือไม่ เจ้าไม่ไป พวกเขาก็ไม่มีทางปล่อยเจ้าเอาไว้ อย่างไรก็จะเรียกปรมาจารย์สวรรค์มาจัดการเจ้า”
อนุเผิงลี่ส่ายศีรษะเงียบๆ
“ไม่คุ้มค่าให้วิญญาณแตกสลายเพราะพวกเขา ใบหน้านั้นของนาง เจ้าข่วนจนเป็นเช่นนั้น ใส่พลังหยินเข้าไปอีก ไม่อาจดีขึ้นได้มากเท่าใด” พลังหยินเข้าสู่ใบหน้าต้องลำบากอย่างแน่นอน
ผิงเล่อจวิ้นจู่ตัวแข็งทื่อ ยกมือขึ้นมาจับใบหน้าของตนทันใด
อนุเผิงลี่คล้ายกับได้รับการชี้ทาง ยื่นเล็บยาวออกมาอีกครั้งข่วนใบหน้าสองสามีภรรยาไปอีกคนละครั้ง
ความโกรธนี้ได้ระบายออกไปแล้ว นางก็กลับคืนร่างที่งดงามดังเดิม เดินตามยมทูตไปอย่างมีความสุข ไม่ต้องรีบร้อนเลยด้วยซ้ำ
“หากเจ้าต้องการแก้แค้น ต้องการเอาคืน เชิญเจ้ามาหาข้าที่อารามชิงผิงเมืองหลี ข้ามีฉายานามว่าปู้ฉิว” ฉินหลิวซีจ้องมองผิงเล่อจวิ้นจู่นิ่ง “ขอเพียงเจ้ากล้ามา ข้าก็กล้าต้อนรับ แต่ตอนที่ตัดสินใจก็ระวังตัวสักหน่อย เพราะเจ้าจะไม่มีทางรู้ได้ว่าข้าจะเอาคืนเจ้าอย่างไร”
ผิงเล่อจวิ้นจู่ดวงตาหดเกร็ง นี่เป็นการข่มขู่อย่างโจ่งแจ้งชัดๆ
ใครจะเล่นลอบกัดกับปรมาจารย์สวรรค์เช่นนี้ได้กันเล่า ตนเองยังไล่ผีไม่เป็นเลย
“ต่อไปเห็นพวกเราศิษย์อาจารย์ ทางที่ดีก็เลี่ยงหนีไป พวกเราไม่มีความสุข พวกเจ้าก็อย่าหวังจะได้มีความสุข” ฉินหลิวซีกวาดมองคนอื่นๆ ทิ้งประโยคร้ายกาจเอาไว้ หันหลังพาเถิงเจาเดินจากไป
เถิงเทียนฮั่นรีบส่งมารดาให้บ่าวรับใช้แล้วตามออกไป สะใภ้เวินหยิกเนื้อนุ่มที่แขนแรงๆ เจ็บปวดจนตื่นตัวไม่น้อย ก่อนจะเดินตามออกไป
เมื่อมาถึงประตูจวนตระกูลเถิง ฉินหลิวซีจึงหันกลับไปเอ่ยกับเถิงเทียนฮั่น “ข้าบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าสายสัมพันธ์ทางสายเลือดของเถิงเจาจืดจาง เป็นเคราะห์กันกับตระกูลเถิง ท่านไม่เชื่อ ยามนี้ท่านคงเชื่อแล้ว ท่านคือบิดาของเขา สิ่งนี้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ อนาคตเมื่อใดท่านไปสู่สรวงสวรรค์ แน่นอนเขาจะมาส่งท่านเป็นครั้งสุดท้าย แต่เรื่องในวันนี้ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกและเป็นครั้งสุดท้าย”
เถิงเทียนฮั่นดวงตาแดงก่ำ พยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว”
ฉินหลิวซีจึงจูงมือเถิงเจาเดินออกประตู แต่แขนเสื้อกลับถูกเขากระตุกไว้เบาๆ นางก้มลงไป เห็นเขาเอ่ยไม่กี่ประโยค จากนั้นมองสะใภ้เวินเล็กน้อยแล้วพยักหน้าให้
เถิงเจาปลดเครื่องรางหยกออกมาจากตัว เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าสะใภ้เวิน ยัดเครื่องรางหยกใส่มือให้นาง “เครื่องรางหยกปกป้องคุ้มครองที่ท่านอาจารย์ข้าปลุกเสกขึ้นมาด้วยตนเอง ดีกว่ายันต์คุ้มภัยที่ข้าวาด ท่านพกมันติดตัวเอาไว้”
เขาเอ่ยจบ ลังเลอยู่ชั่วครู่ ยื่นมือไปทาบกับส่วนท้องน้อยของนางและวางมือลงอย่างรวดเร็ว เดินออกไปไม่แม้แต่หันกลับมา
สะใภ้เวินชะงัก มองเด็กคนนั้นเดินออกไปไกล น้ำตาไหลลงมาจากกรอบตาแดงก่ำ กำเครื่องรางหยกในมือแน่น