ตอนที่ 624 ลูกศิษย์ของข้าควรค่ากับสิ่งที่ดีที่สุด
กลับมาถึงโรงรับประมูลจิ่วเสียน การประมูลดำเนินไปอย่างคึกคักเร่าร้อน
เถิงเจาเดินตามหลังฉินหลิวซีกลับไปยังเรือนพัก ไม่ต่อต้านแม้เพียงคำเดียวราวกับเด็กที่ทำอะไรผิดมา
เมื่อเข้ามาในห้อง ฉินหลิวซีก็หยิบกล่องยาออกมา หยิบยาขี้ผึ้งออกมาหนึ่งตลับก่อนจะดึงแขนเสื้อของเขาขึ้น มองเห็นรอยเขียวช้ำบนแขนเล็กๆ นั่น ดวงตาของนางพลันมีความโกรธอย่างไร้เหตุผลขึ้นมาอีกครั้ง
เถิงเจาหดคอลงอย่างห้ามไม่ได้
“รู้จักกลัวแล้วหรือ” ฉินหลิวซีเหลือบมองเขา เสียงเย็นพลางเอ่ย “ต่อไปเจ้าลองทำร้ายตนเองเช่นนี้ดูสิ ดูว่าข้าจะไม่ทำอะไรเจ้าหรือไม่”
เถิงเจาประหม่า
ฉินหลิวซีควักยาขี้ผึ้งมาไว้บนปลายนิ้วทาลงไปบนรอยช้ำที่แขนของเขา นวดเบาๆ แล้วจึงเอ่ย “เจ้าคือลูกศิษย์ของข้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าผู้เป็นอาจารย์จะปกป้องเจ้าเสมอโดยไม่ต้องสงสัย เจ้าไม่จำเป็นต้องใช้วิธีนี้มาเรียกร้องความสนใจ มันโง่มากรู้หรือไม่”
เถิงเจาก้มหน้า ใช้เล็บจิกโต๊ะด้านข้าง เหลือบสายตาขึ้นมาลอบมองนาง
“หึ เจ้ายังไม่ยอมใช่หรือไม่” ฉินหลิวซีออกแรง เขากัดฟันทันใด
“เจ็บ เจ็บก็ถูกแล้ว จำความเจ็บนี้เอาไว้ อย่าโง่เขลาเช่นนี้อีก เข้าใจหรือไม่”
“อืม” เถิงเจายื่นศีรษะไปออดอ้อนกับมือของนาง
ฉินหลิวซีถอนหายใจ “ไม่ต้องกลัว อาจารย์เองก็มาจากแบบนี้เช่นกัน เข้าสู่เส้นทางเต๋า ไกลและยาวนาน บนเส้นทางนี้เรามักจะต้องทิ้งบางสิ่งบางอย่างอยู่บ่อยครั้ง อย่างเช่นครอบครัว สหาย เงินหรือสิ่งของต่างๆ ตั้งใจมุ่งมั่นในเส้นทางเต๋าของเจ้าก็พอแล้ว”
เถิงเจาพยักหน้า
ฉินหลิวซีเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “แต่ร่างกายเล็กๆ ของเจ้ายังต้องฝึกฝนร่างกายให้ดี ไม่เช่นนั้นพลังที่จะหลบเลี่ยงบ่าวรับใช้ ต่อสู้กับผีก็ยังไม่เพียงพอ”
เถิงเจาส่งเสียง อ่า ออกมา เผยสีหน้าขมขื่น
ฉินหลิวซีช่วยเขาทายาขี้ผึ้งแล้ว เอ่ย “ไปดูการประมูลด้านหน้าหรือไม่ ถ้าไม่ไปข้าจะให้คนเอาข้าวมาให้เจ้า”
“ไม่ไปขอรับ”
“ก็ได้ ข้าจะไปดูสักหน่อย พักผ่อนเถิด”
เถิงเจามองนางจากไป มุมปากยกขึ้นมาไม่นานก็กลับไปเป็นดังเดิม ความรู้สึกที่ถูกท่านอาจารย์ปกป้องไม่เลวเลยจริงๆ
…
ฉินหลิวซีเดินตามกลิ่นอายของเฟิงซิวไป
เฟิงซิวเห็นนางก็ยื่นชาหนึ่งถ้วยไปให้ “เกิดเรื่องอะไรหรือ เด็กคนนั้นไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
“ไม่เป็นไร เพียงคนที่บ้านของเขาสมองจมน้ำไปแล้วเท่านั้น ล้อเขาเล่นราวกับเขาเป็นคนนอก” ฉินหลิวซีรับชามาจิบหนึ่งอึก “พวกขาดความอบอุ่นนั่น พอดีข้าได้ให้บทเรียนพวกเขาหนึ่งบท ยากที่จะลืมเลือนอะไรแบบนั้น”
เฟิงซิวแสยะยิ้มบาง เป็นเช่นนั้นจริงสินะ มาล่วงเกินนางผู้มีความสามารถมากมายเช่นนี้ สมองมีปัญหาอย่างแท้จริง
ฉินหลิวซีมองลงไปยังเวทีวงกลมประมูลที่ด้านล่าง เอ่ย “มีของดีอะไรออกไปแล้วบ้าง”
“เมื่อครู่มีดาบโบราณหนึ่งเล่ม เกรงว่าคงออกมาจากหลุมศพใดสักที่ ความดุร้ายของดาบเล่มนี้เข้มข้น ถูกจวนติ้งซีโหวประมูลไปแล้ว ข้ามองแล้วว่าพวกเขากำลังจะโชคร้าย” เฟิงซิวเอ่ยอย่างเกียจคร้านหนึ่งประโยค
แน่นอนว่าโรงประมูลจิ่วเสียนไม่เปิดเผยข้อมูลว่าผู้ใดเป็นคนประมูลไป แต่คนที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเช่นเขา แน่นอนว่าไม่มีทางไม่รู้
อย่างเมื่อเอาของเช่นนี้ออกมา โรงประมูลก็จะปิดข้อมูลของผู้ปล่อยประมูลและผู้ได้ไป แต่สิ่งที่อาจอยู่ในของประมูลนั้นพวกเขาจะไม่ยุ่ง แต่หากต้องการให้จิ่วเสียนช่วยจัดการย่อมได้ ให้เงินก็พอ
ฉินหลิวซีเห็นของเก่าหายากถูกขายออกไปอีกสองชิ้น ดวงตามืดทะมึนลงโดยไม่อาจห้ามได้
“บางคนกินก็กินไม่อิ่ม บางคนกลับซื้อหยกเก่าๆ ที่เอาไว้ดูแต่ไม่มีประโยชน์ เหอะ”
เฟิงซิวจนวาจา “หยกเก่าๆ นั่นเป็นรูปแกะสลักของแปดเซียนอายุยืนยาวที่สูงเท่าคนหนึ่งคน”
“เอ่ยไปเอ่ยมาก็เพื่ออายุยืนยาวเท่านั้น” ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงหยัน
เสียงตึกดังขึ้น
เจ้าหน้าที่ประมูลถือค้อนเล็กๆ เคาะลงบนกลองหนึ่งครั้ง เอ่ยเสียงดัง “ต่อไปจะเป็นการประมูลอวี้เสวี่ยจีที่มาจากร้านยาตำหนักอายุวัฒนะเท่านั้น แขกทุกท่านที่มาในวันนี้คิดว่าคงจะรู้แล้ว ตำหนักอายุวัฒนะได้กระจายข่าวออกมาแล้ว ในอนาคตสองถึงสามปีข้างหน้าอาจไม่ได้ปรุงอวี้เสวี่ยจีออกมา อย่างไรวัตถุดิบของมันหาได้ยาก ห้าชุดสำหรับวันนี้ เดิมจะประมูลพร้อมกันเป็นรอบเดียว แต่เพื่อเลี่ยงไม่ให้ของขาดแคลนและไม่ยุติธรรม ยังคงแยกประมูลทีละชิ้น ต้องการประมูลโปรดไตร่ตรองให้รอบคอบ ชุดที่หนึ่ง เริ่มต้นที่หกพันสองร้อยตำลึงเงิน เชิญทุกท่านเสนอราคาเถิด”
หกพันตำลึง ทุกคนที่อยู่ตรงนี้สูดหายใจเย็นเข้าลึก มองดูขวดกระเบื้องเล็กงดงามประณีตนั่น แพงไปหน่อยกระมัง
แต่เมื่อแสงสาดส่องมายังขวดก็ยิ่งทำให้ของเหลวด้านในส่องประกายราวกับอัญมณี สวยงามเป็นที่สุด
อวี้เสวี่ยจีขวดเล็กเพียงนี้ แพงจนต่อให้เป็นเหล่าพระสนม คงไม่เอามาทาหน้าตรงๆ แต่หยดลงในน้ำหอมบำรุงผิว หรือน้ำนมเพื่ออาบน้ำ
ช่วยไม่ได้ ไม่ใช่พวกเขาไม่อยากใช้ เพราะของเล่นชิ้นนี้หายากมากจริงๆ ทำออกมาน้อยเกินไป
ผู้คนก่นด่าคนปรุงอวี้เสวี่ยจีไม่ทำเรื่องดีๆ บ้าง มักทำเรื่องเลวร้ายที่แปลกประหลาดนี่ ทั้งยังบวกราคาเพิ่มไม่หยุด มีเพียงห้าขวด หากพลาดพวกนี้ไปก็ไม่มีร้านขายแล้ว
ฉินหลิวซีได้ยินเสียงองค์ชายสาม คนอื่นบวกเพิ่มราคาไปสองร้อยตำลึง เขากลับเพิ่มราคาไปหนึ่งพันหนึ่งตำลึง มุมปากยกขึ้นอย่างอดไม่ได้
หนึ่งหมื่นสี่พันตำลึง อวี้เสวี่ยจีขวดแรกถูกองค์ชายสามคว้าไปได้อย่างรวดเร็ว เขาเจ็บปวดไม่น้อย ทว่ากลับตื่นเต้นไม่เบา
ไม่กี่ชุดที่เหลืออยู่แน่นอนมีเพียงราคาต้องสูงกว่านี้เท่านั้น ไม่ใช่ก็นับว่าเขาเป็นคนโง่ไม่น้อย
ฉินหลิวซีพึงพอใจ เป็นการประมูลที่ทำเงินได้เร็ว
นางมองไปยังเฟิงซิว เอ่ย “วันนี้ที่ได้รับจากอวี้เสวี่ยจี ห้าส่วนแลกเป็นสมุนไพรนานาชนิดส่งไปให้ข้าที่อารามชิงผิง อีกสามส่วนก็เป็นไปตามเดิม แลกเป็นข้าวปลาอาหารสมุนไพรตุนเอาไว้ หนึ่งส่วนส่งไปยังหอการกุศล หนึ่งส่วนให้ข้า”
“ห้าส่วนส่งไปยังอารามชิงผิงหรือ ไยปีนี้จึงต้องการเยอะเพียงนี้เล่า” เฟิงซิวประหลาดใจเล็กน้อย
“ข้ารับลูกศิษย์แล้ว เลี้ยงลูกศิษย์ไม่ต้องใช้เงินหรือ เจาเจามีพรสวรรค์ มีสมุนไพรทั่วไปบางอย่างข้าอยากให้เขาได้สัมผัสเพื่อฝึกฝน” เรียนรู้เรื่องสมุนไพรต้องเสียทั้งเงินต้องเสียทั้งสมุนไพร ต้องใช้เงินทุกอย่างนี่นา
เฟิงซิวอิจฉาไม่ไหว “อาจารย์อย่างท่านช่างดีจริงๆ” อะไรดีๆ ก็ให้เขาหมด
“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว” ฉินหลิวซีเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “ศิษย์ของข้าแน่นอนว่าต้องใช้ของที่ดีที่สุด”
“เช่นนั้นแม่หนูน้อยนั่นเล่า”
มุมปากของฉินหลิวซียกขึ้น “ขอเพียงนางเรียกข้าว่าท่านอาจารย์ทุกวัน ข้าจะมอบสิ่งที่ดีให้นางทั้งหมด”
เฟิงซิวไม่เอ่ยสิ่งใดอีก “ท่านชอบก็ดีแล้ว”
ดวงตาของฉินหลิวซีหลุบลงเล็กน้อย
“เจ้าสามบ้าไปแล้วหรือไม่” ห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง บุรุษสวมกวนสีม่วงทองบนศีรษะมีกลิ่นอายสูงส่งไปทั่วทั้งตัว บนร่างสวมชุดผ้าไหมลายเมฆา เขาย่นหัวคิ้ว หนึ่งหมื่นสี่พันตำลึง บ้าไปแล้ว
ด้านข้างเขา บุรุษตาคมในชุดยาวขาวนวลดังดวงจันทร์ดูผุดผ่องยกชาขึ้นจิบหนึ่งอึก สายตามองไปอย่างไม่ใส่ใจ
บุรุษชุดผ้าไหมปักลายเมฆามองมายังบุรุษผู้นี้ ท่าทางประจบประแจง รีบเอ่ย “คุณชายปั๋วอินวางใจ องค์ชายข้าจะเอาอวี้เสวี่ยจีมาให้เจ้าหนึ่งชุดได้แน่นอน”
สองคนนี้ คือองค์ชายรองแห่งฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน และลิ่งหลานสกุลอวี้ที่ผู้คนเรียกว่าคุณชายปั๋วอิน
ตระกูลอวี้มีบุตรชายออกสู่โลกภายนอก ไม่ว่าองค์ชายใหญ่หรือองค์ชายรอง ต่างก็อยากลากเขามาเป็นพวกของตน อย่างไรตำนานว่าตระกูลอวี้ช่วยใต้หล้าได้
หากไม่ใช่ด้วยเหตุนี้ องค์ชายรองจะมีโอกาสได้อย่างไร เมื่อรู้ว่าเขามาเพื่อการประมูลอวี้เสวี่ยจี จึงเชิญเขามา
“องค์ชายรองไม่จำเป็นต้องใส่ใจ ได้มาเป็นโชคดี สูญเสียเป็นโชคชะตา” อวี้ลิ่งหลานยิ้มบาง “เพียงอยากเห็นสักหน่อยเท่านั้น”
องค์ชายรองมองเขาไม่กระเสือกกระสนอยากได้ไม่ทุกข์ไม่ร้อน ในใจอยากแสร้งเป็นผู้มีความรู้ จะได้ไม่น่าเบื่อ แต่ใบหน้าของเขากลับยิ้มสดใสยิ่งกว่าสิ่งใด “คุณชายปั๋วอิน สมแล้วที่กำเนิดมาในตระกูลที่หลีกเลี่ยงทางโลก จิตใจนี้น่านับถือยิ่งนัก”
มุมปากอวี้ลิ่งหลานยกขึ้น ไม่เอ่ยสิ่งใดอีก เพียงมองผ่านห้องส่วนตัวออกไปข้างนอก