ตอนที่ 625 ถูกนางจับแขวนแล้วตีจนก้นไม่เป็นก้นแล้ว
ฉินหลิวซีเกาะราวระเบียง ทันใดนั้นมีความรู้สึกบางอย่างขึ้นมา มองไปยังห้องส่วนตัวที่มีตัวอักษรว่า ผืนดิน คิ้วคมขมวดขึ้น ยกมือขึ้นมานับกับข้อนิ้วอยู่ชั่วครู่ คลุมเครือไม่ชัดเจน
นางตัดสินใจเดินไปทางฝั่งนั้น เฟิงซิวกระตุกแขนเสื้อของนาง เอ่ยถาม “จะไปไหนเล่า”
ฉินหลิวซีเอ่ยถาม “ผู้ใดอยู่ห้องอักษรผืนดินหรือ”
เฟิงซิวมองไปก่อนจะเอ่ย “องค์ชายรองในฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน”
“ใช่หรือ” ฉินหลิวซีหยุดเท้า เอ่ย “นอกจากเขาเล่า”
“ใครจะไปสนใจเล่า ทำไมหรือ” เฟิงซิวรู้ว่านางไม่มีทางเอ่ยถามถึงสิ่งเหล่านี้โดยไร้เหตุผล
“ไม่มีอะไร รู้สึกมีกลิ่นอายไม่สบายใจนัก ไม่รู้ว่าอะไรมาแล้ว” ฉินหลิวซีส่ายศีรษะ
สีหน้าเฟิงซิวนิ่ง กำลังจะใช้พลังมารตรวจดูทั่วทั้งจิ่วเสียน ถูกฉินหลิวซีจับข้อมือเอาไว้
“อย่า”
เฟิงซิวส่งสายตาตั้งคำถามไปให้
“กลิ่นอายที่ทำให้ข้ายังรู้สึกไม่ดี บอกได้ว่าทั้งแข็งแกร่งทั้งชั่วร้าย กลิ่นอายของเจ้าเคลื่อนไหว เพียงกลิ่นอายนั้นสัมผัสได้ กลัวว่าจะจับจ้องมาที่เจ้า”
เฟิงซิวส่งเสียงหยัน “ข้ายังกลัวเขาหรือ”
“หากยังไม่รู้แน่ชัดถึงที่มาที่ไปของอีกฝ่ายและรู้ตัวตนว่าอีกฝ่ายเป็นสิ่งใด อย่าได้เปิดเผยตนเองก่อน อยู่ในเงามืดแข็งแกร่งกว่าอยู่ในที่สว่าง มิเช่นนั้น อยากทดสอบว่าเจ้าเป็นเป้าที่อ่อนเพียงใดอย่างนั้นหรือ” ฉินหลิวซีมองเขาอย่างดูถูก “ช่วยคนเหนื่อยมาก ช่วยปีศาจก็ยิ่งเหนื่อย อย่าหาเรื่องให้ข้า”
เฟิงซิวโค้งตัวลงมายิ้มตาหยี สองมือจับเอาไว้ที่ไหล่ของนาง แสร้งทำเป็นละอายใจ เอ่ย “ท่านนี่นะ เป็นห่วงข้าก็เอ่ยมาตามตรง ยังจะว่านั่นว่านี่อยู่ได้”
ฉินหลิวซีสะบัดไหล่ ปัดมือเขาออกไป “ไสหัวไป”
“ไสหัวไปที่ใดเล่า ข้าช่างคุ้นเคยกับเตียง”
ฉินหลิวซีก้มลงมองร่างกายส่วนล่างของเขาเล็กน้อย “ทำไม เกิดอารมณ์อย่างนั้นหรือ เช่นนั้นก็กลับภูเขาเทียนไปหาจิ้งจอกสาวเถิด อีกทั้งผลจูฝูบนเขาซวีหมีกำลังจะสุกแล้ว เจ้าไปเก็บมันมาด้วยตนเองเถิด ข้าไม่ไว้ใจคนอื่น”
เฟิงซิว “ไม่ไป ท่านให้ไปก็ไป ข้าไม่เอาหน้าแล้วหรือไร เรื่องอะไรท่านบอกให้ไปก็ต้องไป ข้าไม่ไป ร่างกายของข้าถูกควักจนกลวง ไม่ไหวแล้ว”
อย่าได้คิดที่จะไล่เขาออกไป จากนั้นก็ล่อผึ้งเรียกผีเสื้อ[1]
ฉินหลิวซีเหลือบมองเขา “ไม่ไหวแล้วหรือ เช่นนั้นพอดีเลย ปิดร้านยาตำหนักอายุวัฒนะกลับเขาเทียนไปบำเพ็ญตบะเถิด ข้าขี้เกียจปรุงยาตั้งนานแล้ว ยาบำรุงนั่นก็ไม่ทำแล้ว พอดีกับความต้องการของข้า ข้าเอ่ยตั้งนานแล้ว จิ้งจอกพันปีอย่างเจ้ารับผิดชอบเสน่ห์ไปก็ถูกแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องทำธุรกิจ ทำงานเหนื่อยทำงานหนักไม่ดีต่อร่างกาย รีบแยกย้าย”
เฟิงซิว “อั๊ยยะ ตอนนี้ข้าไหวแล้ว เอวดีไตดีสุขภาพดี ท่านบอกให้ไปเก็บอะไรจากที่ใดหรือ”
ดูเถิดว่าจะทำอย่างไรกับเจ้าดี
ทั้งสองพูดคุยสอดแทรกมุกตลกไปเรื่อย พร้อมเดินมุ่งหน้าไปทางเรือนด้านหลัง เท้าของฉินหลิวซีหยุดชะงัก
เฟิงซิวก็หุบยิ้ม มองคนตรงหน้าขณะสัมผัสถึงกลิ่นอายร้ายกาจ เอ่ย “ลูกค้าท่านนี้หลงทางหรือไม่”
อวี้ลิ่งหลานมองมายังทั้งสองคน ดวงตามีประกายความประหลาดใจและยินดี ยกมือประสาน เอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “จริงๆ ต้องการไปห้องน้ำ ทว่าหลงทางแล้ว”
เฟิงซิวเอ่ย “คนของจิ่วเสียนนี่จริงๆ เลย แม้แต่ลูกค้าต้องการไปห้องน้ำก็ไม่รู้จักพาไป ยังกล้าขายของราคานับพันตำลึง เฮอะ ได้เงินมาก็มากมาย ทิ้งเงินไปแล้วหรืออย่างไร เพียงการบริการยังแย่ไร้ราคาเช่นนี้”
ฉินหลิวซีเหล่ตามองเขาเล็กน้อย
เจ้าด่าตัวเจ้าเองได้ด้วย สมกับเป็นเจ้าแล้ว
อวี้ลิ่งหลานเอ่ยเสียงอ่อนโยน “เป็นข้าที่ไม่ได้เรียกคน ไม่โทษพวกเขา”
เจ้าหน้าที่สวมชุดเครื่องแบบจิ่วเสียนผู้หนึ่งเดินผ่านมา ทำความเคารพเฟิงซิว “ท่านเฟิง”
“ลูกค้าผู้นี้อยากไปห้องน้ำ เจ้านำทาง อย่าให้ลูกค้าต้องหลงทางอีก มิเช่นนั้นข้าจะให้เจ้านายของพวกเจ้าเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ชุดใหม่เสีย”
“ขอรับ” เจ้าหน้าที่เหงื่อซึม “ลูกค้า เชิญทางนี้ขอรับ”
“รบกวนแล้ว” มุมปากของอวี้ลิ่งหลานยังคงมีรอยยิ้ม หันไปทำความเคารพต่อพวกเฟิงซิวทั้งสอง เดินตามเจ้าหน้าที่ไป ท่าทางสง่างามอ่อนโยนราวกับหยก ดูสูงส่ง
เฟิงซิวมองเขาเดินไปไกลแล้ว จึงเดินเข้ามาในเรือนด้านหลังพร้อมกับฉินหลิวซี เอ่ยถาม “ใช่กลิ่นอายนั่นหรือไม่”
ฉินหลิวซีส่ายศีรษะ “ไม่ใช่”
เพียงแต่คนผู้นี้ทำให้นางรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง เขาดูสมบูรณ์แบบไปทุกๆ ด้าน ไร้ข้อบกพร่อง แต่เพราะเช่นนี้จึงทำให้รู้สึกแปลก มีความต่อต้านอยู่ในความรู้สึก
แต่หากเอ่ยถึงกลิ่นอาย ก็ไม่มีอะไรจริงๆ เขาก็คือคนธรรมดาคนหนึ่ง กลับมีพลังความโชคดี ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากบรรพบุรุษ โหงวเฮ้งยิ่งดูเป็นผู้มีความสามารถ
และเมื่อนางใช้คาถาสอดส่อง ยังมองเห็นกลิ่นอายที่คุ้นเคย นั่นคือ กลิ่นอายของอวี้ฉังคงผู้นั้น
“ตระกูลอวี้มีบุตรชายออกมาสู่โลกภายนอกหรือ” ฉินหลิวซีเอ่ยถามเฟิงซิว
เฟิงซิวพยักหน้า “ว่ากันว่าในงานเลี้ยงขอบคุณอาจารย์ของสตรีในห้องหอ คนของตระกูลอวี้ก็ปรากฏตัวในงานเลี้ยง ทำไม ผู้นั้นคือใครหรือ”
“น่าจะเป็นคนตระกูลอวี้”
เฟิงซิวส่งเสียง อือ ขึ้นมา เอ่ย “เป็นเรื่องธรรมดาของโลกมนุษย์ทั้งนั้น อย่าคิดอะไรมากมาย ไปเถิด”
“ข้าเคยบอกให้เจ้าจัดการ พรุ่งนี้ข้าจะไปตรวจชีพจรให้คนไข้ วันมะรืนก็จะกลับไปกับเจาเจา”
เฟิงซิวตอบรับอ่อนแรง
อวี้ลิ่งหลานกลับมาถึงห้องส่วนตัวพร้อมนั่งลง องค์ชายรองเอ่ยถาม “ไยจึงไปนานเพียงนี้”
“หลงทางแล้ว จิ่วเสียวแห่งนี้น่าสนใจจริงๆ ข้ายังเจอกับผู้คนน่าสนใจสองคน ได้ยินว่าที่นี่มีหมอนักพรตเต๋าอย่างนั้นหรือ” อวี้ลิ่งหลานเอ่ยถาม
“ใช่” องค์ชายรองเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ว่ากันว่าเป็นที่ร่ำลือ แต่ก็ไม่รู้ว่าตั้งใจสร้างชื่อเสียงขึ้นมาหรือไม่”
“ข้าดูว่าก็ไม่แน่”
องค์ชายรองชะงัก มองไป
อวี้ลิ่งหลานยิ้มอ่อนโยน “ข้าน่าจะเจอนางแล้ว”
โดดเด่นและเปล่งประกายตื่นตา จนเขาแทบตาบอดแล้ว
…
จวนตระกูลเถิง งานเลี้ยงวันเกิดสนุกสนานกลายเป็นการหลอกหลอน หมอหลวง และหมอมากมายทยอยถูกเชิญเข้ามาในจวน อีกทั้งอาจารย์อารามจินหัว ต่างก็มาแล้ว
เพราะทุกคนที่ถูกเบิกเนตรดวงตาหยินหยางต่างก็หวาดกลัวไม่น้อย แม้ฉินหลิวซีจะพาผีก่อนหน้าส่งกลับไปแล้ว แต่เมืองหลวงจะไม่มีผีได้อย่างไร
ดังนั้นทุกคนยังมองเห็นพบเจอกับดวงวิญญาณที่ลอยไปลอยมาผ่านจวนตระกูลเถิง และผีซุกซนเหล่านั้นเมื่อรู้ว่าคนมองเห็นตนเอง แน่นอนว่ากระตือรือร้นเข้ามาพูดคุยสื่อสาร
การสื่อสารนี้กลับมาในรูปแบบการหลอกหลอน ร้องห่มร้องไห้ สุนัขเห่าหอน
ผิงเล่อจวิ้นจู่ตะโกนใส่เจ้าอาวาสอารามจินหัวหน้าดำหน้าแดง “เป็นนักพรตทั้งนั้น นางเปิดดวงตาหยินหยางนี้ได้ ไยท่านจึงปิดไม่ได้ อารามจินหัวของพวกท่านยิ่งใหญ่ยังเทียบกับนักพรตเล็กๆ อารามเล็กๆ ไม่ได้อีกหรือ ไร้…อื้อ”
นางจ้องเถิงรองที่ปิดปากนางเอาไว้เขม็ง อีกฝ่ายกัดฟัน เอ่ย “เอ่ยให้น้อยลงเถิด รังเกียจที่มันยังวุ่นวายไม่พอหรือ หรือรังเกียจที่ล่วงเกินนักพรตยังไม่พอ ไม่เห็นสายตาของเขาหรือ”
ผิงเล่อจวิ้นจู่โกรธจนดวงตาแทบถลนออกมา เถิงรองเจ้ากล้านัก
แต่นางมองนักพรตทั้งสามตรงหน้าที่ใบหน้าฉายแววไม่พอใจ นึกถึงฝีมือของพวกเขาแล้วก็หลับตาลง อดกลั้นเอาไว้
เสวียนชิงจื่อใบหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยันทั้งยังเผยรอยยิ้มเจื่อนออกมา พรสวรรค์วิชาเต๋าของเขายอดเยี่ยม แต่นับตั้งแต่ได้เจอกับฉินหลิวซี ถูกนางจับแขวนแล้วตีจนก้นไม่เป็นก้นแล้ว ยามนี้แม้แต่วิชาเบิกเนตรดวงตาหยินหยางชั่วคราวยังทำลายไม่ได้ ไม่ใช่ขยะหรอกหรือ
“ผู้ที่ร่ายคาถามีตบะสูงกว่าพวกข้า พวกเราไม่อาจทำลายได้ แต่วางใจ ดวงตาหยินหยางชั่วคราว อีกไม่กี่วันก็จะปิดตัวมันเอง พวกเราทำได้เพียงมอบยันต์แคล้วคลาดและคุ้มภัยเอาไว้ป้องกันให้จวนท่าน ไม่ออกจากเรือนก็ไม่เห็นแล้ว” เสวียนชิงจื่อเอ่ยเสียงเรียบ
นี่หมายความว่าพวกเขายังต้องมองเห็นผีไปอีกหลายวันอย่างนั้นหรือ
ตึง
เพล้ง
มีบ่าวรับใช้เอ่ยเสียงดังขึ้น “นายน้อยฉี่ตัวร้อนแล้ว”
เกิดความวุ่นวายขึ้นมาอีกครั้ง
เถิงเทียนฮั่นมองอยู่เงียบๆ หากรู้เช่นนี้คงไม่ทำตั้งแต่แรก
[1] ล่อผึ้งเรียกผีเสื้อ หมายถึง ดึงดูดให้ผู้คนสนใจ