ตอนที่ 627 เจ้าอาวาสอารามจินหัวยังห่างชั้นจากท่าน
สุสานบรรพบุรุษของตระกูลจิ่งอยู่ที่เมืองชังโจว ฉินหลิวซีพาเถิงเจาเดินในเส้นทางหยินมาถึงในรุ่งเช้าวันถัดมา เดินทางตรงมายังบ้านของบรรพบุรุษตระกูลจิ่งที่สยงเอ้อร์บอก
สำหรับการมาของศิษย์อาจารย์คู่นี้ ฉังอันโหวที่มาถึงก่อนเพียงไม่นานตะลึงงันจนถ้วยชาในมือร่วงลงไป น้ำชาร้อนกระจายไปโดนขา น่าอายที่สุดแล้ว
ไยจึงมาเร็วเพียงนี้
พวกเขาควบม้าเร็วไม่ได้หยุดพักก็ใช้เวลาถึงหนึ่งวันหนึ่งคืนเลย เพิ่งจะมาถึงเมื่อครู่ ยังไม่ทันได้พักหายใจด้วยซ้ำ
ทว่าจิ่งเสี่ยวซื่อรู้ถึงความสามารถของฉินหลิวซี ยิ่งรู้ว่านางเดินทางเส้นไหนถึงมาถึงได้ไวเพียงนี้ จึงเดินเข้าไปหา ยกมือประสานเอ่ยอย่างละอาย “ท่านเจ้าอาวาสน้อย ครั้งนี้ยังต้องรบกวนท่านอีกแล้ว ท่านทำนายได้ถูกต้องแล้วจริงๆ สุสานบรรพบุรุษของตระกูลเราถูกแตะต้องจริงๆ”
ฉินหลิวซีมองกลิ่นอายความโชคร้ายบนตัวพวกเขาที่ยังสลายไปไม่หมด ยังเหลือบสายตามองไปยังใบหน้าซีดขาวของฉังอันโหว อ้อ บุรุษเหี่ยวเฉาที่น่าสงสารผู้นั้น
ฉังอันโหวรู้สึกสองขาแข็งเกร็ง สีหน้าไม่น่ามองขึ้นมา รากฐานจุดให้กำเนิดลูกหลานนั้นยิ่งเจ็บไม่เบา
“ก่อนข้ามาได้ทำนายดูแทนเจ้าแล้ว มีเรื่องน่าตกใจทว่าไม่เป็นอันตราย มีคนสูงส่งคอยช่วยเหลือ อ้อ คนสูงส่งนี้ไม่นับว่าเป็นข้า เป็นปรมาจารย์ไท่เฉิงที่มาเพราะศิษย์น้องชั่วของเขา คิดว่าคงหยุดเรื่องนี้ได้แล้ว ดังนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลนัก”
จิ่งเสี่ยวซื่อชะงัก ยกมือที่ห้อยอยู่ของตนเองขึ้นมา เอ่ย “แต่พวกเราต่างก็ได้รับบาดเจ็บกันแล้ว”
“สุสานบรรพบุรุษถูกแตะต้อง ดวงฮวงจุ้ยแน่นอนว่ามีการเปลี่ยนแปลง เพียงแต่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยนับว่ารักษาชีวิตเอาไว้ได้ มีความโชคดีในโชคร้าย” ฉินหลิวซีเอ่ย “คิดว่าปรมาจารย์ไท่เฉิงคงหยุดเอาไว้ได้ทันเวลา จึงไม่ได้เจอกับเคราะใหญ่ มิเช่นนั้น…”
นางเหลือบมองฉังอันโหวเล็กน้อย เผยสายตาแฝงความหมายออกมา
สีหน้าฉังอันโหวเขียวขึ้น “!”
จิ่งเสี่ยวซื่อผ่อนลมหายใจ เอ่ย “เช่นนั้นครั้งนี้ท่านก็ยังมาหรือ”
“ข้าต้องมั่นใจสักหน่อย ว่าปรมาจารย์ไท่เฉิงได้จัดการเจ้าสิ่งนั้นที่นักพรตไท่หย่งฝึกขึ้นมาสำเร็จหรือไม่ มิเช่นนั้น เกรงว่าคงมีคนโชคร้ายมากมายต้องตายภายใต้น้ำมือของเขา” ฉินหลิวซีเอ่ยตอบ
จิ่งเสี่ยวซื่อเงียบลง คิดถึงว่าของสิ่งนั้นที่ฉินหลิวซีเอ่ยถึงเคยเป็นน้องชายของตน ทว่าตอนนี้กลับกลายเป็นสิ่งแปลกประหลาดตัวหนึ่ง ไม่รู้ในใจมีความรู้สึกอย่างไร อดไม่ได้เหลือบมองไปยังฉังอันโหว
“เจ้ามองอะไร ตอนนั้นไม่ใช่บอกแล้วหรือ ข้ามีเจ้าเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวมิใช่หรือ” ฉังอันโหวเอ่ยเสียงหยัน สะบัดแขนเสื้อเดินออกไป มองเขาทำไมกัน จะบอกว่าเขาเป็นคนโง่ สร้างเรื่องจนมาถึงตัวเองอย่างนั้นหรือ
น่าโมโหจริงๆ
จิ่งเสี่ยวซื่อถอนสายตากลับคืนมา เอ่ยกับฉินหลิวซี “แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ก็เกี่ยวข้องกับสุสานบรรพบุรุษ คงต้องไปดูสักหน่อยจึงจะวางใจ ท่าน…”
“เช่นนั้นก็ไปดูเถิด” ฉินหลิวซีใบหน้าเรียบเฉย เอ่ย “จบเรื่องนี้ พวกข้าควรกลับเมืองหลีแล้ว”
จิ่งเสี่ยวซื่อมองไปยังตะกร้าไม้ไผ่บนหลังเถิงเจา เอ่ย “จะไปแล้วหรือ”
“วัตถุประสงค์การมาครั้งนี้สำเร็จลุล่วงแล้ว อยู่เมืองหลวงต่อก็ไม่มีความหมาย”
จิ่งเสี่ยวซื่อไม่กล้ายื้อเอาไว้ รอทุกคนได้พักผ่อนแล้ว กินอาหารเช้าเสร็จจึงมุ่งหน้าไปยังสุสานบรรพบุรุษ
พื้นที่ที่สุสานบรรพบุรุษตระกูลจิ่งเลือกแน่นอนว่าต้องเป็นพื้นที่ที่เป็นสมบัติทางฮวงจุ้ย มิฉะนั้นตระกูลจิ่งก็คงไม่รุ่งเรืองอย่างทุกวันนี้ และสิ่งที่ฉินหลิวซีคาดเอาไว้ไม่ผิด ที่พวกเขาโชคร้ายมีไอแห่งความโชคร้ายปกคลุมตัวเป็นเพราะสุสานบรรพบุรุษถูกแตะต้อง
หลุมศพของบิดาฉังอันโหว ด้านบนยอดของหลุมศพมีร่องรอยถูกขุด ฉินหลิวซีตรวจดูอย่างละเอียด หยิบดินขึ้นมาเกลี่ยเบาๆ บนมือ เคลื่อนเข้ามาใกล้จมูกสูดดมเบาๆ มีกลิ่นเน่าเปื่อย
เป็นเลือดของสัตว์บางชนิด ยังผสมด้วยกลิ่นยันต์ที่ถูกเผา นี่คงเป็นฝีมือของปรมาจารย์ไท่เฉิง
ฉังอันโหวจับจ้องอยู่ตลอด กัดฟันจนเกิดเสียง รู้สึกว่ารากฐานจุดกำเนิดลูกหลานเจ็บจนชาแล้ว เอ่ยด้วยความโกรธแค้น “ตระกูลจิ่งของข้าและอารามจินหัวไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้แล้ว”
ฉินหลิวซีปลายตามองเขา เอ่ย “ล้างแค้นคงไม่ต้องแล้ว เรื่องเหล่านี้ ท่านทำไม่ได้”
ฉังอันโหวสะอึก อยากเถียงกลับไป แต่นึกถึงความสามารถของคนผู้นี้ เขาจึงกลืนคำพูดกลับคืนไป
เขายอมอดทนกับนาง
ฉินหลิวซีเก็บก้อนหยกฝังกลับคืนไป ลุกขึ้นยืนมองผังของสุสาน ถัดไปด้านหน้าของหลุมนี้ มีการฝังยันต์เอาไว้อีกหนึ่งแผ่น
“นี่คืออะไรหรือ”
“ยันต์ทำให้บริสุทธิ์ สามารถกำจัดพลังหยินที่มีในสุสานได้เร็วยิ่งขึ้น” ฉินหลิวซีเอ่ยจบ ปลายเท้าดีดตัว ลอยไปบนต้นไม้ต้นหนึ่งในสุสาน แขวนทงเม่ยเอาไว้หนึ่งเหรียญ
ฉังอันโหวดวงตาหดเกร็งด้วยความตกใจ นักพรตมีวิชาตัวเบาด้วย
ฉินหลิวซีแขวนทงเม่ยนี่เอาไว้ ตรวจสอบดูอยู่ชั่วครู่ เคลื่อนย้ายตำแหน่งค่ายอาคมที่ปรมาจารย์ไท่เฉิงวางเอาไว้เล็กน้อย จากนั้นจึงปัดมือ ก่อนจะเอ่ย “เรียบร้อยแล้ว”
ฉังอันโหวมองนางเคลื่อนย้ายเครื่องรางหยกที่ไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นคนวางเอาไว้ก่อนหน้านี้ หัวคิ้วพลันขมวดขึ้น “ไม่ได้บอกว่าปรมาจารย์ไท่เฉิงหยุดเต๋าชั่วผู้นั้น ป้องกันไม่ให้ฮวงจุ้ยสุสานถูกทำลายหรอกหรือ ไยท่านต้องเคลื่อนย้ายของสิ่งนั้นอีกเล่า”
ฉินหลิวซีลุกขึ้นพลางเอ่ย “เขามาเพื่อหยุดการทำชั่วของนักพรตไท่หยาง ได้ช่วยให้สุสานบรรพบุรุษของพวกท่านกลับมาเป็นปกติ นับว่าเป็นโชคดีของพวกท่านแล้ว ยังจะหวังให้เขาวางตำแหน่งฮวงจุ้ยที่ดีเยี่ยมหลบลมรวมพลังให้ด้วยหรืออย่างไร ปรมาจารย์สวรรค์วางตำแหน่งเหล่านี้ต้องศึกษาคำนวณและใช้พลังงาน ไม่ได้ปล่อยทิ้งให้จากจุดโชคดีเป็นโชคร้ายเข้ามาต่อเนื่อง นั่นนับว่าเป็นโชคดีของตระกูลจิ่งแล้ว ยังคิดจะให้เขาช่วยจัดการให้ท่านอีกหรือ”
หากปรมาจารย์ไท่เฉิงเย่อหยิ่งสักนิด ใจร้ายสักหน่อย เขาสามารถไล่ตามจับไท่หยางต่อไป โดยเมินเฉยต่อมันไปก็ได้ จะสนใจว่าจุดมงคลจะถูกทำลายไปทำไมกัน
ฉังอันโหวสะอึก เอ่ย “เช่นนั้นตอนนี้ท่านเคลื่อนย้ายคืออะไรหรือ”
“ข้าย้ายให้เป็นตำแหน่งถูกต้องแล้ว นี่ถึงจะเป็นจุดมงคลหลบลมรวมพลังชี่ สามารถอวยพรตระกูลจิ่งของพวกท่านได้ เป็นอย่างไร ตอนนี้รู้สึกรอบกายสบายขึ้น หายใจราบรื่น สุขภาพดีขึ้นเท่าตัวหรือไม่” ฉินหลิวซีเหลือบมองเขาด้วยความภาคภูมิใจ
ฉังอันโหว “…”
เหอะๆ ช่างเป็นปากของนักพรตปลอม หลอกลวงจริงๆ
เขากำลังจะบอกว่าร่างกายเจ็บปวดไปทุกส่วน แต่เมื่อขยับมือเท้า ยังรู้สึกว่าอาการหนักอึ้งของร่างกายเบาลงไม่น้อยจึงยิ้มอย่างเขินอาย เอ่ยชื่นชมหนึ่งประโยค “เจ้าอาวาสอารามจินหัวผู้นั้นไม่อาจเทียบเท่าท่านจริงๆ”
ปรมาจารย์ไท่เฉิง ความจริงใจใช้ไปผิดที่แล้ว ทำเสียเปล่าจริงๆ
ฉินหลิวซีใช่ว่ารับคำชมแล้วจะไม่เก็บเงิน เอ่ย “ไม่ต้องชื่นชม อย่าลืมทำบุญตามจิตศรัทธา”
ความกระอักกระอ่วนของฉังอันโหวหายไปทันใด เอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “วางใจ ตระกูลจิ่งข้าไม่ได้ไร้อารยธรรมเพียงนั้น”
“อืม ท่านเองไม่กล้าก็พอ”
ฉังอันโหวโกรธ เดินไปคุกเข่าไหว้หน้าหลุมศพ เขาไม่ลดตัวไปต่อปากต่อคำกับนักพรตปากร้ายเช่นนี้
จิ่งเสี่ยวซื่อรับคำ “เช่นนั้นสุสานของตระกูลเราก็ไม่เป็นอะไรแล้วหรือ ไม่จำเป็นต้องย้ายสุสานใช่หรือไม่”
“ไม่จำเป็น พวกท่านไหว้บรรพบุรุษสักหน่อย คร่ำครวญไม่คู่ควรกับการเป็นลูกหลานสองสามครั้งก็พอ”
จิ่งเสี่ยวซื่อ “!”
ฉังอันโหวที่คุกเข่าอยู่หน้าหลุมศพร่างกายแข็งทื่อ เขาจะไหว้ต่อไปได้อย่างไร