คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 632 วิชาตามรอยพันลี้

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 632 วิชาตามรอยพันลี้

เมื่อก่อนเฟิงซิวเคยบอกเล่าถึงอานุภาพของธงนำวิญญาณเก้าหยินนี้ให้เถิงเจาได้ฟังแล้ว เพียงเซ่นไหว้ วิญญาณเด็กก็จะร้องไห้ ทำให้สูญเสียประสาทหูทั้งสองข้าง สติสั่นไหวไม่นิ่งสงบ หากจิตใจไม่มั่นคงยิ่งชักนำให้เข้าสู่ความลุ่มหลงได้ง่ายขึ้น

ซาหยวนจื่อเซ่นไหว้ต่อธงนำวิญญาณเก้าหยิน ผีเด็กทารกออกมา เสียงร้องไห้ดังสนั่น เสียงแหลมร้ายกาจปนความโกรธแค้นนั้นแทรกซึมเข้าไปในแก้วหู ทำให้อดยกมือขึ้นมาปิดหูไม่ได้

ฉินหลิวซีกลับหยิบกระดิ่งจินกังออกมาโดยไม่ทุกข์ร้อน เขย่าเบาๆ เสียงกระดิ่งใสรื่นหูคล้ายมารดากำลังร้องกล่อมเบาๆ ก็ปลอบประโลมทารกน้อยที่กำลังเจ็บปวดเอาไว้

ผีทารกเหล่านั้นต่างก็ลอยมาหาฉินหลิวซี มือเท้าปีนขึ้นมาบนร่างของนาง ราวกับกลืนนางให้หายไปท่ามกลางพวกเขา

เสียงร้องไห้ ความโกรธแค้น ห้อมล้อมฉินหลิวซีเอาไว้เต็มไปหมด

ดวงตาของซาหยวนจื่อปรากฏความตื่นเต้นออกมา รอดูฉินหลิวซีถูกกลืนกินจนหมด

ทว่าเพียงไม่กี่อึดใจ เหล่าผีทารกน้อยกลับรุมออดอ้อนฉินหลิวซี ราวกับลูกได้เจอมารดาอย่างไรอย่างนั้น เกิดอะไรขึ้น

ตามที่วาจาของฉินหลิวซีเอ่ยไว้ เครื่องรางขับไล่สิ่งชั่วร้ายก็ควรมีสำนึกรู้ในตนเอง จัดการนางให้ตายถึงจะถูกงั้นหรือ การจำนนต่อศัตรูมีกี่ความหมายเล่า

ซาหยวนจื่อกรุ่นโกรธ หยิบนกหวีดสีแดงเลือดออกมาจากแขนเสื้อตนเอง เอาใส่ปาก เป่าเสียงแหลมเสียดหูออกมาคล้ายกับกำลังเป่าแตร

เสียงนกหวีดดังขึ้น ผีทารกเหล่านั้นราวกับถูกกระตุ้น โผเข้าหาฉินหลิวซีแล้วอ้าปากกัด

ฉินหลิวซีถอนหายใจ เมื่อความคิดเคลื่อนไหว ผีทารกตัวแรกที่อ้าปากกัดก็เกิดไฟลุกขึ้นทันใด เสียงร้องไห้แหลมสูงดังขึ้น ไม่นานก็แตกสลายไป

มีหนึ่ง ต้องมีสอง และมีสาม

ซาหยวนจื่อมองผีทารกเหล่านั้นที่เผาไหม้ไปเองเมื่อเตรียมจะทำร้ายฉินหลิวซี ดวงวิญญาณถูกแผดเผาไป ดวงตาของเขาเบิกกว้างโดยไม่รู้ตัว

เป็นเช่นนี้อีกแล้ว ไฟอีกแล้ว นางมีเครื่องรางใดปกป้องคุ้มครองอยู่กันแน่ หรือใช้วิชาอะไร ไยท่านอาจารย์จึงไม่เคยเอ่ยถึงว่าอารามชิงผิงมีวิชาเช่นนี้อยู่

ดวงตาคู่นั้นลุ่มลึกไม่เห็นก้นบึ้ง ไม่มีความรู้สึกใดๆ แม้เพียงนิด

ซาหยวนจื่อรู้สึกเสียใจอยู่ในใจ ราวกับในตอนเด็กที่แอบขี้เกียจไม่ท่องคาถาให้ดี จึงถูกอาจารย์ลงโทษให้คุกเข่าบนพื้นหิมะเพื่อปลุกสติอย่างไรอย่างนั้น

ครืน

ผีเด็กบนตัวฉินหลิวซีมอดไหม้ไปจนหมด วิญญาณแตกสลาย ธงนำวิญญาณนั่นไม่นานก็กลายเป็นมืดมัวไร้แสง ลอยร่วงลงมา

ซาหยวนจื่ออยากไปเก็บ ฉินหลิวซีกลับดีดนิ้ว ประกายไฟตกลงไปยังธงนำวิญญาณนั้น ไฟลุกไหม้ขึ้นมา

วิญญาณทารกที่แตกสลายกรีดร้องและร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวด คิ้วของฉินหลิวซีขมวดขึ้นอย่างเย็นชา คว้ากริชกิเลนพุ่งเข้าไปทันใด

วันนี้ที่กำจัดมีแต่เด็ก นางรู้สึกไม่สบายใจ

ซาหยวนจื่อเห็นนางพุ่งเข้ามา ร้องขึ้นว่าซวยอยู่ในใจ ท่ามกลางไอสังหาร

เขาหยิบยันต์ปิดล้อมขึ้นมาแล้วสะบัดไปหาฉินหลิวซีหลายแผ่น ล้อมนางเอาไว้ กัดปลายนิ้ว ใช้เลือดเขียนยันต์เข็มบินกลางอากาศหนึ่งแผ่น ก่อนจะสะบัดเข้าหาฉินหลิวซี

และเมื่อยันต์เข็มบินออกไป เข็มนับหมื่นก็พุ่งออกไป ตรงดิ่งเข้าหาฉินหลิวซี เพียงปักเข้าไป ร่างกายคนผู้นี้ก็จะมีเลือดไหลทั่วทุกที่

ฉินหลิวซีไม่หลบหลีก เพียงรวบรวมพลังสร้างเกาะป้องกันตนเอง ขณะเดียวกันก็ควบคุมการเคลื่อนไหวของกริชกิเลน แทงไปที่เขา

ฉึก

กริชกิเลนปักเข้าที่ขา ซาหยวนจื่อส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดขึ้นมา สิ่งที่ทำให้เขาตกใจกลัวก็คือ บาดแผลที่มีดกริชนี้สร้างขึ้น แสบร้อน ราวกับมีไฟลุกโชนในบาดแผล

เขาอยากจับกริชกิเลนเอาไว้ ทว่าฉินหลิวซีดึงกลับคืนไปก่อนจะแทงมันลงมาอีกครั้ง

ซาหยวนจื่อเบิกตากว้างจ้องนาง

คิดจะแทงเขาจนเป็นหลุมเลือดหรืออย่างไร

“ศิษย์น้อง”

“หุบปาก” ฉินหลิวซีจ้องเขาเขม็ง เอ่ย “เจ้าบอกว่าฉายาทางเต๋าของเจ้าคืออะไรนะ”

ซาหยวนจื่อ “?”

“ท่านอาจารย์ของข้านามว่าชื่อหยวน เจ้านามว่าซาหยวน[1] คนที่ตั้งฉายาทางเต๋านี้ให้เจ้า มีความไม่พอใจต่อชายชราของข้ามากยิ่งนัก” ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเย็น “อยากสังหารอาจารย์ข้า ข้าจะสังหารเจ้าก่อน”

นางดีดนิ้ว เกิดไฟดวงเล็กๆ ขึ้นมาก่อนจะดีดไปทางเขา

ดวงตาซาหยวนหดเกร็ง รู้สึกถึงความน่าเกรงขามและอันตราย รีบสะบัดยันต์เปลี่ยนร่างหนึ่งแผ่นออกมา พาสองขาหนีไป

ไฟนรกดับลง

ฉินหลิวซีมองทิศทางที่ซาหยวนหนีไป สายตามีแสงสว่างวาบขึ้นมา

เจ้าโง่

นางไล่ตามไป

หุบเขาเก้าหยิน

บ้านไม้เรียบง่ายแห่งหนึ่ง ตำแหน่งตั้งอยู่ส่วนกลางท้องมังกรของหุบเขา

ชายวัยกลางคนร่างกายซูบผอมอ่อนแอ หน้าตาหม่นหมองนั่งขัดสมาธิอยู่หน้าบ้านไม้ สองมือร่ายคาถา หากสังเกตให้ชัดเจน จะเห็นว่าพลังวิญญาณในหุบเขาที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่รอบๆ ถูกเขาดึงเข้าสู่ร่างกายทีละนิด และในมือของเขา กำลังบีบกระดูกคิ้วที่เงาแวววาวรับกับหยกอยู่หนึ่งชิ้น

ชายผู้นั้นเดินลมปราณมาพักใหญ่ ลมหายใจค่อยๆ สงบลง ลืมตามองพื้นที่วางเปล่า เก็บกระดูกคิ้วกลับเข้าไปอกเสื้อ น้ำเสียงเรียบเรื่อย “กลับมาแล้ว”

ซาหยวนเดินออกมาจากความว่างเปล่า ไม่มีความร้ายกาจเช่นตอนอยู่ต่อหน้าฉินหลิวซี ทว่าทำความเคารพเขาอย่างนอบน้อม “ท่านอาจารย์”

“อืม” ชื่อเจินจื่อมองเขา ดวงตาคู่นั้นลุ่มลึก เอ่ย “ออกไปข้างนอกครั้งนี้ได้รับสิ่งใดหรือไม่”

ซาหยวนจื่อเงยหน้าขึ้น ดวงตาวาว “ท่านอาจารย์ ข้ารู้ที่อยู่ของไข่มุกมังกรวารีแล้วขอรับ”

ซาหยวนจื่อหดตัวลงเล็กน้อย “ศิษย์ช้าไปหนึ่งก้าว ไข่มุกมังกรวารีนั่นถูกคนเอาไปก่อนขอรับ”

เห็นว่าสีหน้าอาจารย์กำลังเปลี่ยน เขารีบเอ่ยขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค “เป็นลูกศิษย์ของชื่อหยวนเอาไปขอรับ ท่านอาจารย์ ศิษย์เจอเข้ากับลูกศิษย์ของเจ้าชื่อหยวนชั่วนั่น อึก…”

เขายังเอ่ยไม่ทันจบก็ถูกชื่อเจินจื่อเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วมาอยู่ตรงหน้า มือข้างหนึ่งบีบลำคอเขาเอาไว้แน่น

“อาจารย์บอกไปกี่ครั้งแล้ว ข้ากับชื่อหยวนมีความแค้นเป็นตายต่อกัน ความแค้นนี้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก เจ้าอยู่ข้างนอก มองคนของอารามชิงผิงให้เหมือนมองคนที่มีความแค้นสังหารบิดา เหยียบอีกฝ่ายให้จมดินอยู่แทบเท้าของเจ้า” เสียงของชื่อเจินจื่อดุร้าย สีหน้าทะมึน เอ่ย “แต่เจ้าบอกว่าอย่างไรนะ ไข่มุกมังกรวารีถูกคนของเขาเอาไปแล้ว เจ้าได้แค่กลับมาบอกข่าวนี้กับข้าอย่างนั้นหรือ ไร้ประโยชน์”

เขาสะบัดอีกฝ่ายทิ้ง แม้ร่างกายผอมบางทว่าสามารถสะบัดซาหยวนจื่อที่ร่างกายสูงใหญ่กว่าเขาให้กระเด็นออกไปได้

ซาหยวนจื่อกระอักเลือดออกมา ทว่าไม่กล้าแม้แต่จะยกมือขึ้นเช็ด คุกเข่าก้มหน้าอยู่บนพื้น “ศิษย์ไร้ความสามารถ”

ชื่อเจินจื่อก้มต่ำมองลงมาที่เขา “อาจารย์คาดหวังกับเจ้ามาก มิเช่นนั้นคงไม่ตั้งชื่อเจ้าว่าซาหยวนจื่อ เพียงหวังว่าเจ้าจะจดจำความแค้นของเราศิษย์อาจารย์เอาไว้ในใจ ชื่อหยวน ก็เพียงชายชราหัวโบราณที่ไม่รู้วิธีปรับตัว จะพาอารามชิงผิงรุ่งเรืองได้เช่นไร มีเพียงเราที่จะขึ้นสูงไปสู่การบรรลุได้ น่าโมโหที่ตอนนั้นเขาไล่ล่าคิดสังหารข้าให้สิ้น กระทั่งไม่เสียดายที่จะตายไปพร้อมกับข้า หากมิใช่เพราะข้ามีไหวพริบ ก่อนระเบิดตัวเองได้ใช้วิชาทดแทนวิญญาณ ถอดดวงจิตเอาไว้ในร่างตัวแทนที่เหมาะสม เกรงว่าคงไม่ได้อยู่บนโลกนี้ตั้งนานแล้ว”

ต้องรู้ว่าเมื่อเป็นเช่นนี้การบำเพ็ญตบะของเขาก็ถดถอยลง หลายสิบปีมานี้เขาใช้ร่างต่อชีวิตมาสามร่างแล้ว ร่างที่เห็นอยู่นี้ก็ใกล้จะไม่ไหวแล้ว

ไข่มุกมังกรวารีสามารถช่วยในการฝึกตนของเขา ทำให้การบำเพ็ญตบะของเขาเติบโตจนสมบูรณ์ กระทั่งมีความหวังในรากฐาน ถึงตอนนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องถอดเปลี่ยนร่างอีกแล้ว

แต่เจ้าโง่นี่บอกว่าอย่างไร เจอลูกศิษย์ของชื่อหยวนเอาไข่มุกมังกรวารีไปแล้วอย่างนั้นหรือ

ชื่อเจินจื่อแทบอยากถีบเขากระเด็นออกไปในทันที

นึกบางอย่างขึ้นมาได้จึงเดินไปอยู่ตรงหน้าเขา เชยปลายคางเขาขึ้น “เจ้ามั่นใจนะว่านั่นคือลูกศิษย์ของชื่อหยวน เขารับลูกศิษย์แล้ว นี่คืออะไร…ไม่ใช่สิ เจ้าเอาอะไรกลับมาด้วย”

ชื่อเจินจื่อมองไปด้านหลัง ปลายนิ้วจรดร่ายคาถาจากนั้นกดลงไป มีรอยสัญลักษณ์บางอย่างโผล่ขึ้นมาที่ลำคอของเขา

ชื่อเจินจื่อ “!”

เจ้าไร้ประโยชน์นี่ โดนวิชาตามรอยพันลี้ก็ยังไม่รู้ตัวอีก

[1] ความหมายคือ ชื่อของเขาคือ ซาหยวน พ้องเสียงกับคำว่า ซา ที่แปลว่า ฆ่า จึงหมายถึงฆ่าหยวน คือฆ่าชื่อหยวน อาจารย์ของฉินหลิวซี

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท