ตอนที่ 633 ศิษย์ทรยศอารามชิงผิงยังไม่ตาย
ชื่อเจินจื่อโกรธศิษย์โง่ผู้นี้จนแทบอยากกระอักเลือดออกมาอาบตัว วิชาตามรอยพันลี้ วิชานี้หากไม่กำจัดทิ้ง เมื่อเขาไปที่ใดอีกฝ่ายก็จะหาตำแหน่งของเขาเจอจากนั้นก็จะตามมา
ซาหยวนจื่อมึนงง วิชาตามรอยพันลี้หรือ
ร่ายคาถาใส่เขาตั้งแต่เมื่อใดกัน
ชื่อเจินจื่อเห็นท่าทางโง่เขลาของเขาก็โกรธจนใบหน้าดุร้ายบิดเบี้ยว ยกนิ้วขึ้นมาคำนวณ แย่แล้ว
ผลการทำนายปรากฏดาวหายนะกำลังใกล้เข้ามา เมฆดำจับตัว สรรพสิ่งถูกตีพ่าย
นี่คือสัญญาณแห่งความหายนะ
เจ้าศิษย์โง่นี่ นำพาดาวหายนะยังไม่รู้ตัวอีก
“รีบไปเก็บกวาด พวกเราต้องไปเดี๋ยวนี้” ชื่อเจินจื่อไม่คิดจะอยู่ที่นี่รอให้คนตามรอยมาเจอ
เขาปิดชื่อฝังแซ่มาสามสิบปี ก็เพื่อให้ตบะของเขาฟื้นคืนกลับมากระทั่งอยู่ในจุดสูงสุด ดังนั้นจึงอยู่อย่างระมัดระวังมาโดยตลอด ดูแลรักษาตนเพื่อรอรับอนาคต
เพราะเหตุนี้เขาจึงไม่คิดจะอยู่ที่เดิมเพื่อรอให้คนมาต่อสู้ด้วย
การเสี่ยงทายออกมาเช่นนี้
เขาไม่กล้าเดิมพัน
ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการฟื้นฟูตบะของเขา
ซาหยวนจื่อขมวดคิ้ว เอ่ยว่า “ท่านอาจารย์ พวกเราศิษย์อาจารย์สองคนยังต้องกลัวนางเพียงคนเดียวด้วยหรือ”
“หุบปาก หากเจ้ามีความสามารถคงไม่ถูกคนร่ายคาถาตามรอยพันลี้โดยไม่รู้ตัวหรอกกระมัง รีบไปเก็บ…ไม่ได้ ไม่ทันแล้ว” ชื่อเจินจื่อสะบัดยันต์หลายแผ่นไปที่บ้านไม้ ใช้สายฟ้าดึงลงมาระเบิดที่พัก ทำให้บ้านเกิดไฟลุกไหม้ขึ้นมาทันใด
ซาหยวนจื่อเบิกตาอ้าปากค้าง ไยครั้งนี้กลับมายังไม่ทันเดินเข้าประตู บ้านก็ไม่เหลือแล้ว
ชื่อเจินจื่อ ไม่เหลือเพราะเหตุใดเจ้าก็ไม่รู้หรือ
และในตอนที่ประตูเส้นทางหยินหยางเพิ่งปิดลง ฉินหลิวซีก็ทะลุออกมาจากความว่างเปล่ากลางอากาศอีกฝั่ง มองเห็นบ้านไม้ที่มีไฟลุกโซน ส่งเสียงหยัน
“หนีเร็วดีนี่”
นางวาดยันต์กลางอากาศขึ้นมาหนึ่งแผ่น นิ้วมือจรด ร่ายคาถาเรียกลมฝน ฝนค่อยๆ ตกลงมาบริเวณบ้านไม้ เพียงไม่นานไฟที่ลุกไหม้ก็ดับลง เหลือเพียงควันล่องลอยขึ้นมา
ฉินหลิวซีไม่รีบเข้าไป ทว่ามองไปรอบๆ ก่อน เพ่งมองพลังของหุบเขาแห่งนี้ เมื่อสังเกตให้ดีแล้ว สีหน้าพลันทะมึนลงหลายส่วน
หุบเขาแห่งนี้ ซุกซ่อนเส้นเลือดมังกร[1]เล็กๆ อยู่ มิน่าพวกเขาถึงได้ตามหาที่แห่งนี้เพื่อซ่อนตัวบำเพ็ญตบะ พลังงานชี่เข้มข้นมากกว่าสถานที่อื่นมาก เมื่อบำเพ็ญตบะแน่นอนว่าต้องเร็วขึ้นเป็นเท่าตัว
แต่ตอนนี้คนได้หนีไปแล้ว สถานที่แห่งนี้ยกให้นางก็แล้วกัน ให้ตาเฒ่ามาบำเพ็ญตบะที่นี่
ฉินหลิวซีเห็นดวงพื้นที่แห่งนี้แล้วจึงได้เดินไปรอบๆ บ้านไม้ มาถึงก้อนหินก้อนใหญ่เรียบแบนนั่น
ดูเหมือนหินก้อนใหญ่นี้จะถูกคนแกะสลักและขัดมาก่อน ด้านบนยังแกะสลักหัวใจพระสูตรลัทธิเต๋า ยังใช้ชาดแดงเติมสี ฉินหลิวซีดูหัวใจพระสูตรนั้นให้ชัดเจน ดวงตาเย็นยะเยือกลงไปอีกหนึ่งระดับ
นี่คือหัวใจพระสูตรพื้นฐานของอารามชิงผิง ไม่เผยแพร่แก่บุคคลผู้ที่ไม่ใช่ลูกศิษย์สายตรง แต่กลับสลักเอาไว้ที่นี่ ข้างๆ หัวใจพระสูตร ยังเขียนอักษรคาถาที่ช่วยในการบำเพ็ญตบะ
ฉินหลิวซีย่อตัวลง มือลูบลงไปข้างล่าง สัมผัสตัวอักษรได้กี่ตัว
ชื่อเจินจื่อ
เป็นศิษย์น้องทรยศที่ทำร้ายตาเฒ่าจริงๆ ด้วย เขายังไม่ตายจริงๆ คาดไม่ถึงว่ายังปิดบังชื่อแซ่ใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้เงียบๆ แล้วยังเลี้ยงลูกศิษย์หนึ่งคน ตั้งชื่อว่าซาหยวนจื่อ
เขามีความตั้งใจจะสังหารอาจารย์
ฉินหลิวซีลุกขึ้นมา สีหน้าเย็นทะมึน หมุนตัวเดินไปยังบ้านไม้ที่ยังมีควันลอยขึ้นมา
นางมาได้ประจวบเหมาะ แต่ไม่อาจต้านทานไฟรุนแรงของอีกฝ่ายได้ ยังใช้ยันต์ดึงดูดสายฟ้าด้วย เผาไหม้บ้านไม้จนดำเกรียม ด้านในบ้านเละเทะ นอกจากของใช้ในชีวิตประจำวันยังมีคัมภีร์ที่ถูกเผาไหม้ไปบ้าง
นางพลิกเปิดคัมภีร์ที่ขาดหายไปบางส่วน สิ่งที่บันทึกเอาไว้ล้วนเป็นคัมภีร์ที่มีอยู่ในอารามชิงผิง นางเดินวนมาถึงโต๊ะแห่งหนึ่ง ด้านบนวาดวงแปดเหลี่ยมที่มีตัวอักษรคาถา ชาดแดงที่ยังใช้ไม่หมดบางส่วนถูกวางเอาไว้บนโต๊ะ
ฉินหลิวซีเดินเข้าไปยังห้องเล็กในบ้านที่ดูมืดมิดเล็กน้อย ด้านในแขวนภาพเหมือนเทพเอาไว้หลายภาพ มีกระถางสำหรับปักธูป กระดาษเหลืองของใช้ต่างๆ ที่ลัทธิเต๋าควรมี
นอกจากนี้มุมกำแพงยังมีของสกปรกโสมมกองหนึ่ง
ฉินหลิวซีมองไปรอบๆ ดึงอิฐหนึ่งก้อนจากผนังลงมา แล้วจึงหยิบม้วนหนังสือหนึ่งม้วนออกมาจากในนั้น ก่อนจะเปิดออกดูก็เห็นว่าเป็นวิชามนต์ดำหลายบท
“อาจารย์สังหารเจ้าไม่ผิดจริงๆ” นางขมวดคิ้วอย่างขยะแขยง ความคิดเคลื่อนไหว เปลวเพลิงลุกขึ้นบนหนังสือม้วนนี้ นางโยนเข้าไปในบ้านก่อนจะเดินออกมา
นางล้วนไม่ชอบทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ทำลายเสียเถิด
เปลวไฟด้านหลังยิ่งลุกโชนขึ้นเรื่อยๆ เผาไหม้สิ่งชั่วร้ายทั้งหมด
ฉินหลิวซีหันหลังให้บ้านไม้ ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
กระต่ายสับปลับมีสามรัง[2] ที่นี่ไม่ได้มีของสำคัญมากมาย เช่นนั้นแน่นอนว่าคงจะมีสถานที่ซ่อนตัวที่อื่นอีก
อยู่เป็นจริงๆ
ชื่อเจินจื่อพาซาหยวนจื่อมายังฐานที่มั่นอีกหนึ่งแห่ง ถีบโต๊ะไม้หน้าบ้านพลิกคว่ำด้วยความโกรธ
หุบเขาแห่งนั้นเป็นสถานที่ที่เขาทุ่มเทตามหา ทั้งลึกลับและซุกซ่อนเส้นเลือดมังกรเล็กๆ หนึ่งเส้น พลังวิญญาณเพียงพอ เหมาะสมกับการบำเพ็ญเพียรเป็นที่สุด
ตอนนี้กลับถูกเปิดเผยแล้ว
เพราะเจ้าศิษย์โง่นี่แท้ๆ
ชื่อเจินจื่อทอดสายตามองไปยังซาหยวนจื่อด้วยสายตาโหดเหี้ยมอำมหิต เต็มไปด้วยความดุร้าย
ความคุ้นเคยมาหลายปี ทำให้ซาหยวนจื่อคุกเข่าลงทันใด ราวกับเด็กที่ทำอะไรผิด สายตามีความขลาดกลัวหลายส่วน
สายตาของชื่อเจินจื่อไม่มีความรู้สึกใดๆ แม้เพียงนิด เอ่ยเสียงเย็นชา “ทำผิดต้องได้รับโทษ กฎข้อนี้ระหว่างเราไม่เคยเปลี่ยนแปลง”
ซาหยวนจื่อสั่นไปทั้งร่าง ก้มหน้าลง “เชิญท่านอาจารย์ลงโทษขอรับ”
ชื่อเจินจื่อหยิบแผ่นแปดเหลี่ยม[3]ออกมาจากในบ้าน ยกมือขึ้นและร่ายอาคม น้ำเสียงเย็นยะเยือก “สำนึกผิดและตระหนักรู้อยู่ในนั้นให้ดี”
ฉากในหุบเขาที่มีต้นไม้เรียงรายเปลี่ยนไปทันใด
ซาหยวนจื่อมาอยู่ในหลุมศพของผู้คนมากมาย เต็มไปด้วยกระดูกและวิญญาณที่มีความขุ่นเคือง พลังหยินเข้นข้นราวกับน้ำหมึก รุมล้อมตัวเขาเอาไว้ พลังหยินมากมายแผ่ซ่านไปทั่ว
หนาวเหน็บเข้ากระดูก
สองมือของซาหยวนจื่อจรดกัน เปิดดวงตาขึ้น มองดูโครงกระดูกที่ทับถมพูนขึ้นมาจากพื้นดิน ดวงวิญญาณที่มีความแค้นลอยเข้าไปในกองกระดูก การเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับลมที่พัดแรง พุ่งเข้ามาทางเขา
ค่ายดูดวิญญาณหมื่นกระดูก
ค่ายอาคมนี้สร้างมาจากการเซ่นด้วยกระดูกและจิตวิญญาณของคนนับหมื่น เมื่อสร้างค่ายขึ้นมา โครงกระดูกสีขาวเดิมจะก่อตัวกลายเป็นโครงกระดูกร่างคน ฆ่าไม่มีวันตาย เมื่อแตกแยกก็สามารถก่อตัวขึ้นมาใหม่ โจมตีแข็งแกร่งราวกับคน นอกจากนี้วิญญาณแค้นที่ไม่ได้ครอบครองกระดูกยังสามารถกัดคนที่ถูกขังอยู่ในค่ายได้
เพียงถูกวิญญาณกัด แม้แต่กายเนื้อพร้อมวิญญาณก็ราวกับถูกกัดไปด้วยกัน เจ็บปวดเป็นที่สุด
และยิ่งอยู่ในค่ายนาน ก็จะยิ่งถูกพลังหยินกัดกร่อนร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ คนที่ร่างกายอ่อนแอทั้งยังเป็นคนประเภทหยินยิ่งทนไม่ไหว ต่อให้ทนไหวก็จะถูกพลังหยินเข้าสู่กระดูก ร่างกายหนาวเหน็บ ยากที่จะอายุยืนยาว
แต่มีคำกล่าวที่ว่า เรื่องถึงที่สุดแล้วกลับตาลปัตร หากมีจิตใจแข็งแกร่งยืนหยัดต่อสู้ก็ย่อมสามารถใช้สิ่งนี้ฝึกฝนร่างกาย การบำเพ็ญตบะเพิ่มทวีคูณ พลังหยินอย่างเดียวก็ไม่เป็นไร อย่างไรสามารถทำให้ตนเองกลายเป็นคนหยิน ก็คือแม้แต่เลือดก็ยังมีพิษของหยิน ทำลายจิตใจผู้คนได้
ค่ายอาคมนี้ ชื่อเจินจื่อสร้างขึ้นมาด้วยตนเอง หลุมศพผู้คนมากมายจากการทำสงครามถูกใช้เป็นหัวใจของค่าย ค่อยๆ เพิ่มอักษรคาถาเสริมอำนาจและพลัง ทำให้เป็นอาวุธในการต่อสู้ด้วยมนต์คาถา
และคนแรกที่ทดลองพลังอำนาจของค่ายหมื่นกระดูกนี้ก็คือตัวเขาเอง เพียงทำความผิดก็จะถูกท่านอาจารย์โยนเข้ามา
และเขาคุ้นเคยตั้งนานแล้ว
[1] เส้นเลือดมังกร เป็นแนวคิดในฮวงจุ้ย หมายถึงช่องทางพลังงานที่ไหลผ่านเทือกเขา เป็นช่องทางใต้ดินของชี่
[2]กระต่ายสับปลับมีสามรัง หมายถึงมีที่หลบภัยหลายแห่ง
[3]แผ่นแปดเหลี่ยม อาจมีลักษณะเ)นแผ่นหกเหลี่ยม หรือกลมๆ ก็ได้ จะมีเส้นขีดๆ เขียนๆ เหมือนตำแหน่งดาว เช่นเดียวกับเวลาลงค่ายอาคมป้องกันสถานที่ก็จะมีจุดจุดหนึ่งหรือพื้นที่ที่หนึ่งที่จะเขียนสัญลักษณ์โยงเส้นเหมือนดาว หากมีคนบุกเข้าไปทำลายตรงนี้ได้ ค่ายก็จะเสื่อมไป ในที่นี้ชื่อเจินจื่อสร้างขึ้นมาเป็นอาวุธ สามารถนำค่ายอาคมนี้ไปไหนมาไหนด้วยได้