ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 188 ชิงคืน

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 188 ชิงคืน

ชิงเอ๋อร์มองเฉาฮวาแต่งแต้มใบหน้าตนเอง รูปหน้าเดิมค่อยๆ เปลี่ยนไป นางอดตะลึงไม่ได้

เสวี่ยนซื่อใช้วิชาเซียนเป็นด้วยหรือ

นางอดยกมือขึ้นมาลูบหน้าตนเองไม่ได้

“อย่าแตะ” เฉาฮวาที่กำลังแต่งหน้าเอ่ยเตือน

ชิงเอ๋อร์รีบชักมือกลับแล้วมองกระจกอีกครั้ง

ใบหน้าของนางเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

“รู้จักใบหน้านี้ใช่หรือไม่” เฉาฮวาเปิดกล่องเครื่องประทินโฉมกล่องหนึ่ง ปลายนิ้วแตะลงไปเล็กน้อย

ชิงเอ๋อร์ที่ยังตกตะลึงพยักหน้าอย่างงงงวย “รู้จักเจ้าค่ะ คือเหลียนฟังคนของชายารัชทายาท”

เฉาฮวาหันมา ลูบผมของชิงเอ๋อร์เบาๆ “ตอนนี้เจ้าก็คือเหลียนฟังแล้ว”

“ข้า…” ชิงเอ๋อร์รู้สึกวิตก

นาง… นางกลายเป็นเหลียนฟังแล้วหรือ

เสวี่ยนซื่อทำได้อย่างไรกัน

เมื่อสุดท้ายเฉาฮวาวางหินเขียนคิ้วลง ชิงเอ๋อร์ก็ยิ่งตกตะลึง นางชี้เสวี่ยนซื่อพลางพูดตะกุกตะกักว่า “สะ เสวี่ยนซื่อ เหตุใดท่านจึงกะ กลายเป็น…”

เสวี่ยนซื่อกลายเป็นชุ่ยหง!

ชิงเอ๋อร์ไม่เคยมีวันไหนที่รู้สึกตกตะลึงเท่าวันนี้ นี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว

“ชิงเอ๋อร์ เจ้ามานี่สิ” เฉาฮวาดึงชิงเอ๋อร์มาข้างกาย พูดกระซิบข้างใบหูของนาง

บัดนี้ชุ่ยหงกำลังงีบหลับอยู่ใต้ต้นไม้เก่าแก่ที่เขียวชอุ่มในสวน ข้างเท้าเต็มไปด้วยเปลือกเมล็ดแตงโม

หลังฝนตก มีแดดอ่อนๆ และลมพัดเย็นๆ การแอบพักผ่อนใต้ต้นไม้เย็นสบายกว่าอยู่ในบ้านแคบๆเตี้ยๆ มากนัก

ขณะที่กำลังสะลึมสะลือ เหมือนกับว่ามีคนมาตีนางเบาๆ

ชุ่ยหงขมวดคิ้ว น้ำหนักมือที่ตีนางหนักขึ้นกว่าเดิม

“ใคร…” ชุ่ยหงพึงพำเสียงอู้อี้ ในที่สุดก็ลืมตาขึ้น

เมื่อเห็นชัดว่าคือใคร นางก็รีบพลิกตัวลุกขึ้น พูดด้วยความประหลาดใจ “พี่เหลียนฟัง?”

เหลียนฟังใช้นิ้วชี้ทาบปาก ส่งเสียง ซู่ว์ เบาๆ จากนั้นก็หันหลังเดินออกไปทางประตู

ชุ่ยหงไม่ทันตั้งสติได้

เหลียนฟังที่เดินอยู่ข้างหน้าหยุดลง กวักมือเรียกนาง

ชุ่ยหงกระจ่างและรีบตามไปทันที

ประตูเรือนถูกเปิดแง้มไว้ครึ่งหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเหลียนฟังแอบเข้ามาหานาง

แน่นอนว่าที่แห่งนี้ไม่เหมาะสมที่จะพูดคุย หรือว่าชายารัชทายาททรงมีบัญชาอะไรอีกแล้วนะ

ชุ่ยหงคาดเดา เดินตามเหลียนฟังไปเรื่อยๆ จนยิ่งห่างไกลอย่างไม่รู้ตัว

“พี่เหลียนฟัง เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ ที่นี่ไม่มีใครเห็นเราแล้ว พูดมาเถอะ”

เหลียนฟังชี้ไปข้างหน้า ไม่ได้พูดอะไร

ชุ่ยหงใจกระตุก

เหลียนฟังทำตัวลึกลับเช่นนี้ หรือว่าชายารัชทายาทกำลังรอนางไปหา มีเรื่องใหญ่ให้นางจัดการ

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ชุ่ยหงก็เดินผ่านเหลียนฟังไปข้างหน้า

สถานที่วังเวงแห่งนี้ ใบไม้ที่ร่วงบนพื้นกองพะเนินเป็นชั้นๆ และยังส่งกลิ่นเหม็นชื้นเนื่องจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักเมื่อวานนี้

ชุ่ยหงมองไปรอบๆ “พี่เหลียนฟัง ไม่มีใครนี่เจ้าคะ”

“ทางนี้” เหลียนฟังที่เดินเงียบมาตลอดทางเอ่ยเพียงสองคำเบาๆ

ชุ่ยหงมองไปตามนิ่วที่นางชี้ไป จู่ๆ ในใจก็รู้สึกไม่ชอบมาพากล

แรงมหาศาลส่งมา

ชุ่ยหงสะดุดล้มลงไปในบ่อน้ำร้างบ่อนั้น

ชั่วขณะที่ร่างกายไม่สามารถทรงตัวได้ นางคว้าขอบบ่อด้วยมือตามสัญชาติญาณ แต่กลับคว้าได้เพียงความว่างเปล่า

ครานั้นเอง นางมองขึ้นไปอย่างสิ้นหวัง เห็นใบหน้าคนหนึ่งปรากฏขึ้นที่ปากบ่อ

ชุ่ยหงดวงตาเบิกโพลงในทันใด

นางรู้แล้วว่าเหตุใดเมื่อครู่นี้จึงรู้สึกไม่ชอบมาพากล

นั่นไม่ใช่เสียงของเหลียนฟัง!

เสียงของหนักที่ตกลงไปในน้ำดังขึ้น ‘เหลียนฟัง’ ที่เกาะขอบบ่อถอยหลังสองสามก้าว ร่างกายสั่นเทา

นางผลักชุ่ยหงลงไปแล้ว!

เสวี่ยนซื่อบอกว่าทำเรื่องนี้เสร็จแล้วให้กลับไปทันทีเพื่อลบเครื่องประทินโฉมออก

ใช่ ใช่แล้ว นางต้องกลับไป ต้องรีบกลับไป!

ผู้ที่มีใบหน้าเหลียนฟังนี้ก็คือชิงเอ๋อร์

นางเป็นคนผลักสหายที่อยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืนลงไปในบ่อน้ำ ความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นปรากฏชัดในตัวเอง

นางถอยหลังไปหลายก้าว หันหลังวิ่งจากไป

ขณะที่ชิงเอ๋อร์ล่อชุ่ยหงที่อยู่ในสวนออกไปด้วยใบหน้าของเหลียนฟัง เฉาฮวาที่แปลงโฉมเป็นชุ่ยหงก็เดินออกมาจากในห้อง

เทียบกับความประหม่าของชิงเอ๋อร์แล้ว เฉาฮวาสงบกว่ามาก

นางเดินออกไปด้วยฝีเท้าเบาสบาย เมื่อเดินผ่านสถานที่ที่ชุ่ยหงงีบหลับก็นั่งลงบนหินบริเวณนั้น

นางกำลังรอ

รอข่าวชิงเอ๋อร์ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลว

หากสำเร็จ นางก็จะเดินออกจากประตูนี้เพื่อไปทำสิ่งที่นางอยากทำทันที

หากชิงเอ๋ฮร์พาชุ่ยหงหลับมา… เฉาฮวาแตะแก้มตนเองเบาๆ ด้วยปลายนิ้ว

มี ‘ชุ่ยหง’ คนหนึ่งอยู่ แน่นอนว่าก็ไม่ต้องการชุ่ยหงอีกคนแล้ว

นางและชิงเอ๋อร์ร่วมมือกันทำให้ชุ่ยหงหลับไปตลอดกาลที่นี่ก็สามารถทำได้

เพียงแต่ว่าหากเป็นเช่นนั้น ย่อมสู้แผนการที่วางไว้อย่างเหมาะสมแต่แรกไม่ได้

เสียงฝีเท้าเร่งรีบดังมา

เฉาฮวาได้ยินก็ดีใจ

เห็นทีชิงเอ๋อร์จะกลับมาคนเดียว

เพราะกลับมาคนเดียวจึงหวาดกลัวและวิตกเช่นนี้

ชิงเอ๋อร์ปรากฏตัวอย่างรวดเร็วตามคาด เมื่อเห็น ‘ชุ่ยหง’ ที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ก็ตกใจปิดปากตนเอง

“ตกใจหรือ” เฉาฮวายิ้มเบาๆ

ชิงเอ๋อร์ยืนพิงประตูเรือนที่ปิดสนิท ร่างของนางค่อยๆ ไถลลงมา

เฉาฮวาลุกขึ้น เหยียบเปลือกเมล็ดแตงโมที่อยู่เต็มพื้นมาข้างหน้าชิงเอ๋อร์

มองดูใบหน้าที่เหมือนชุ่ยหงอย่างน้อยแปดเก้าส่วน ชิงเอ๋อร์ไม่กล้าเงยหน้าเลย นางพูดเสียงสั่นว่า “เสวี่ยนซื่อ สำ… สำเร็จแล้วจ้าค่ะ…”

“ข้ารู้แล้ว รีบไปล้างเครื่องประทินโฉมออกเถอะ”

ชิงเอ๋อร์พยักหน้าทันที นางเดินไปข้างหน้าสองก้าว หันกลับมามองเฉาฮวาที่ยืนข้างหน้าประตูเรือนอย่างไม่สบายใจ “เสวี่ยนซื่อ ท่าน…”

“วางใจเถอะ ขนาดเจ้ายังทำสำเร็จ ข้าจะทำไม่สำเร็จได้อย่างไร”

เฉาฮวาผลักประตูเรือนออก เดินมุ่งหน้าไปทางสวนดอกไม้

ดวงตาของนางมีดวงไฟลุกโชน ริมฝีปากที่เม้มแน่นของนางเผยให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและการตัดสินใจที่เด็ดขาด

แย่งกำไลกลับมาหรือไม่ก็ตาย

หากไม่กลัวตายก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว

ชายารัชทายาทกำลังยืนเชยชมสระดอกบัวในสวน

เป็นช่วงที่ดอกบัวบานสะพรั่ง สระน้ำกลายเป็นสีชมพูอ่อน ใบบัวสีเขียวแผ่กว้างไม่สิ้นสุด

ลมอ่อนพัดดอกบัวและใบบัว นำความเย็นมาสู่ศาลา

ชายารัชทายาทรู้สึกเพียงความสบายใจ นางเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ฤดูกาลแบบนี้ ฟ้าหลังฝนทำให้สบายที่สุด”

จะไม่สบายได้อย่างไร ฝนตกหนักทำให้รัชทายาทจับการกระทำเลวร้ายของอวี้เสวี่ยนซื่อได้ และยังลบล้างความโปรดปรานที่รัชทายาทมีต่ออวี้เสวี่ยนซื่อทิ้งได้ด้วย

“ชายารัชทายาท ชุ่ยหงขอเข้าเฝ้าเพคะ” เหลียนฟังที่ยืนอยู่นอกศาลาเข้ามารายงาน

ชายารัชทายาทมองไปข้างนอก

ไม่ไกลจากศาลา ชุ่ยหงย่อเข่าเล็กน้อย สีหน้าดูกังวล

ชายารัชทายาทขมวดคิ้ว

หรือว่าอวี้เสวี่ยนซื่อทางนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น

เมื่อคิดเช่นนี้ นางก็พยักหน้าให้เหลียนฟังเบาๆ “ให้นางเข้ามา”

เหลียนฟังเดินออกไป พูดด้วยน้ำเสียงดูแคลนเล็กน้อย “เข้าไปเถอะ”

นังโง่คนนี้ คิดว่าจะยกฐานะตนเองเป็นหงส์ฟ้าได้หรืออย่างไร

หารู้ไม่ว่าตั้งแต่ที่เปิดโปงอวี้เสวี่ยนซื่อในครานั้น นางก็ถูกลิขิตไว้แล้วว่าจะมีชีวิตอยู่อีกไม่นาน

ชายารัชทายาทจะอนุญาตให้คนแบบนี้อยู่บนโลกได้อย่างไร ที่ยังไม่ลงมือตอนนี้ก็เพราะกลัวว่ารัชทายาทจะสงสัยเท่านั้นเอง

เก็บนังคนโง่นี้ไว้ให้ทรมานอวี้เสวี่ยนซื่อไปก่อนค่อยจัดการทิ้ง ยิงหินนัดเดียวได้นกสองตัว

เฉาฮวาก้มศีรษะ เดินไปข้างหน้าชายารัชทายาท

“พูดเถอะ เรื่องอะไรหรือ”

เฉาฮวามองซ้ายทีขวาที ทำท่าจะพูดอะไร

ชายารัชทายาทส่งสัญญาณให้เหลียนฟังและคนอื่นๆ ออกไปนอกศาลา พูดน้ำเสียงราบเรียบว่า “ตอนนี้พูดได้หรือยัง”

เฉาฮวาพยักหน้า ทันทีที่นางพลิกมือก็เผยให้เห็นปิ่นปักผมสีทองที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของนาง นางแทงไปที่ใบหน้าของชายารัชทายาทอย่างแรง

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท