ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 195 หวังผล

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 195 หวังผล

สถานการณ์ในวังบูรพายังคงไม่สงบ

ไม่ได้รับการตอบกลับจากจักรพรรดิหย่งอันเสียที ผู้อื่นคาดเดาความคิดของฮ่องเต้ไม่ออก

เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนยา พระชายารัชทายาทก็พุ่งไปข้างหน้ากระจกมองบาดแผลอันน่าสะพรึงบนแก้มด้านซ้าย ปัดเครื่องประทินโฉมที่วางเต็มโต๊ะอย่างคลุ้มคลั่ง ทรุดตัวร้องไห้อย่างหนัก

กุ้ยหมัวหมัวไล่คนอื่นออกไปหมดแล้ว นางกอดพระชายาไว้พลางปลอบประโลมว่า “พระชายาเพคะ พระองค์ต้องทรงเข็มแข็งไว้นะเพคะ แม้ทำเพื่อองค์หญิงน้อยก็ต้องเข็มแข็งนะเพคะ”

พระชายาน้ำตาไหล “เข้มแข็งหรือ ใบหน้าของข้าโดนทำลายไปแล้ว เจ้าบอกมาสิว่าจะให้ข้าเข็มแข็งอย่างไร สตรีเสียโฉมสามารถเป็นพระชายารัชทายาทหรือกระทั่งฮองเฮาได้หรือ…”

กุ้ยหมัวหมัวรีบปิดปากของพระชายาเอาไว้ “พระชายา ทรงระวังคำพูดด้วยเพคะ!”

หากเป็นยามปกติ พระชายาไม่มีทางพูดคำพูดอันตรายเช่นนี้ออกมาแน่ นางเสียสติไปแล้วจริงๆ

ไม่น่าแปลกใจเลยที่รูปลักษณ์ภายนอกสำคัญต่อสตรีมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีที่อยู่ในตำแหน่งชายารัชทายาท

“ระวังคำพูด?” พระชายาหัวเราะอย่างขมขื่น “หมัวหมัว สภาพข้าตอนนี้ จะระวังหรือไม่ระวังคำพูดต่างกันตรงไหน”

กุ้ยหมัวหมัวปลอบใจ “พระชายา ฮ่องเต้ยังไม่ทรงตรัสสิ่งใด เซียวกุ้ยเฟยก็ไม่ชอบยุ่งเรื่องพรรค์นี้ แม้องค์รัชทายาทจะไม่พอพระทัยพระองค์ รัชทายาทก็ไม่สามารถทำอะไรพระองค์ได้ ทรงอย่ายอมแพ้ก่อนสิเพคะ”

พระชายาสั่นศีรษะด้วยความสิ้นหวัง “ตอนนี้ที่องค์รัชทายาทไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะข้าเป็นพระชายาที่ได้รับการแต่งตั้งจากเสด็จพ่อ แต่ต่อไปเล่า”

เมื่อรัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์ กลายเป็นบุรุษที่มีอำนาจสูงสุดในต้าโจว เขาจะยังยอมให้สตรีเสียโฉมคนหนึ่งเป็นฮองเฮาของเขาหรือ

แม้รัชทายาทจะยอมรับได้ แต่เหล่าขุนนางก็ต้องคัดค้าน

มารดาแห่งแผ่นดินจะเป็นประธานในพิธีสำคัญอย่างไร จะรับคำแสดงความยินดีจากรัฐต่างๆ ได้อย่างไร

นั่นไม่กลายเป็นเรื่องตลกหรือ

ชุ่ยหงนังสาวใช้สารเลวนั่น ทำเช่นนี้โหดร้ายยิ่งกว่าการคร่าชีวิตนางเสียอีก!

นี่คือต้องการให้นางสูญเสียทุกอย่างไปโดยไม่สามารถทำอะไรได้

“พระชายา ตอนนี้อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดของพระองค์คือเสียโฉม หากกำจัดรอยแผลเป็นได้ อุปสรรคก็จะคลี่คลายนะเพคะ”

เนื่องจากพระชายาวางแผนจัดการเสวี่ยนซื่อเพราะความหึงหวง อย่างมากสุดรัชทายาทก็แค่ไม่พอใจ ถึงอย่างไรก็ไม่ถึงขั้นหย่าร้าง

หากรัชทายาททำเช่นนี้จริงๆ เหล่าขุนนางต้องไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน

แต่ว่าทุกอย่างกลับกันเมื่อนางเสียโฉม นี่เป็นเรื่องสำคัญที่กระทบต่อภาพลักษณ์ของต้าโจว

พระชายาเงยหน้าขึ้น จ้องกุ้ยหมัวหมัวเขม็ง “หมอหลวงบอกว่าปิ่นทองแทงลงไปลึกมาก เฉือนเอาเลือดเนื้อออกไป รอยแผลเป็นไม่อาจหายได้”

“ยังมีหมอเทวดามิใช่หรือเพคะ”

พระชายาชะงัก พึมพำว่า “หมอเทวดา?”

“ใช่เพคะ พระชายา ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าหมอเทวดาสามารถช่วยชีวิตคนให้ฟื้นคืนได้ หม่อมฉันคิดว่าแค่ลบรอยแผลเป็นไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก”

ดวงตาของพระชายาค่อยๆ เป็นประกายขึ้นมา จับมือของกุ้ยหมัวหมัวแน่น “เจ้าพูดถูก ข้าจะเชิญหมอเทวดามา!”

หมอเทวดาเชิญยาก ทุกคนในเมืองหลวงรู้ดี

พระชายาไม่หวังพึ่งเว่ยเชียง นางหาวิธีส่งข่าวให้ตระกูลมารดา

ตระกูลฝั่งมารดาของพระชายาเป็นตระกูลมีชื่อเสียงในเป่ยเหอ ท่านพ่อเป็นหงหลูซื่อชิง[1]คนปัจจุบัน

เฉียวฮูหยินทราบข่าวแล้วร้องไห้จนตาบวม วันต่อมาไปชานเมืองเมืองหลวงเชิญหมอเทวดาแต่เช้า นางถูกปฏิเสธอย่างไม่ต้องสงสัย

วันที่สองไปอีกครั้ง ถูกปฏิเสธอีกครา

เป็นเช่นนี้ติดต่อกันสามวัน ในที่สุดเฉียวฮูหยินก็ทนไม่ไหว ดึงเฉียวซื่อชิงพลางร้องไห้ “นายท่าน ท่านต้องหาวิธีนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นหยวนเหนียงจะทำอย่างไร”

ตลอดสามวันนี้เฉียวซื่อชิงไม่ได้นิ่งเฉย เขาพยายามสืบหาสิ่งที่หมอเทวดาชอบ

สืบความไปสืบความมาก็ทราบเรื่องลั่วเซิงเข้า

“ฮูหยิน ข้าถามมาแล้ว ในเมืองหลวงมีเพียงคนเดียวที่เชิญหมอเทวดาได้ถึงสองครา”

“คือใครหรือ”

“คุณหนูลั่ว บุตรสาวคนโปรดของแม่ทัพใหญ่ลั่ว”

ครั้งแรกเชิญหมอเทวดามารักษาชีวิตแม่ทัพใหญ่ลั่วได้ อีกครั้งหนึ่งคือช่วยผิงหนานอ๋องซื่อจื่อเชิญหมอเทวดามาช่วยถอนธนูและรักษาบาดแผลให้ผิงหนานอ๋อง

เรื่องสองเรื่องนี้หากตั้งใจสืบจริงๆ ย่อมรู้ได้ไม่ยาก

เฉียวฮูหยินชะงัก “คุณหนูลั่วที่เคยถีบหยวนเหนียงและเอ้อร์เหนียงลงคูน้ำหรือ”

“ใช่แล้ว”

“แต่คุณหนูลั่วรู้เพียงกระทำผิดไม่ยำเกรงกฎหมายมิใช่หรือ” เฉียวฮูหยินไม่ค่อยเชื่อ

เฉียวซื่อชิงถอนหายใจ “กระทำผิดไม่ยำเกรงกฎหมายไม่เกี่ยวข้องกับเชิญหมอเทวดานี่ ใครจะไปรู้ว่าคุณหนูลั่วได้ใจหมอเทวดาได้อย่างไร อันที่จริงไม่ใช่แค่สองครั้งนั้นเท่านั้น ว่ากันว่าก่อนหน้านี้ที่หมอเทวดาไปจวนไคหยางอ๋องก็เป็นเพราะคุณหนูลั่ว แต่เรื่องนี้ยังไม่มีข้อสรุป”

ส่วนเรื่องที่เว่ยเชียงขอให้ลั่วเซิงช่วยเหลือ ตอนนี้ข่าวยังไม่แพร่ออกไป เฉียวซื่อชิงจึงไม่ทราบข่าว

เฉียวฮูหยินฟังพลางสีหน้าแปรเปลี่ยนไม่หยุด สุดท้ายพูดถอนหายใจว่า “ช่างโชคดีจริงๆ”

เกิดแก่เจ็บตาย มนุษย์ทุกคนบนโลกหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อมีความเกี่ยวข้องกับหมอเทวดา คุณหนูลั่วก็ไม่ใช่คุณหนูลั่วธรรมดาๆ คนนั้นแล้ว

“คุณหนูลั่วเปิดร้านมีหอสุรามิใช่หรือ คืนนี้เจ้าลองพาเอ้อร์เหนียงไปกินแล้วหาโอกาสขอให้นางช่วย”

เฉียวฮูหยินพยักหน้า

ฮูหยินก็มีแวดวงของฮูหยินเอง นางได้ยินเรื่องคุณหนูลั่วเปิดหอสุราที่เปิดร้านในเวลากลางคืนที่ถนนชิงซิ่งตั้งนานแล้ว

เพียงแต่คิดถึงเรื่องที่ลั่วเซิงทำร้ายลูกสาวสองคนเมื่อไม่กี่ปีก่อน อีกทั้งมีสถานะเป็นแม่ยายของรัชทายาท นางจึงไม่อยากไปอุดหนุนอีกฝ่าย

คิดไม่ถึงว่ายังคงต้องไปสักครั้งอยู่ดี

“ใช่แล้ว นำเงินติดตัวไปเยอะหน่อยนะ” เฉียวซื่อชิงเหมือนกับคิดอะไรขึ้นได้ เอ่ยปากเตือน

เฉียวฮูหยินสายตาแปรเปลี่ยนเล็กน้อย “นายท่านเคยไปแล้วหรือ”

เฉียวซื่อชิงสีหน้าเคร่งเครียด “ไม่เคยไป แค่ได้ยินมาว่าแพงมาก”

เขาพูดความจริงไม่ได้แน่นอน ไม่เช่นนั้นหากฮูหยินถามว่าเอาเงินจากที่ไหนมา จะให้เขาตอบอย่างไรเล่า

เงินที่เอาไว้เลี้ยงอนุนอกเรือนจะขาดไม่ได้เด็ดขาด

พูดความจริง ไปมีหอสุราแค่ไม่กี่คราก็จะเลี้ยงอนุไม่ไหวแล้ว…

เฉียวฮูหยินพาคุณหนูรองเฉียวมายังมีหอสุราตั้งแต่เช้า

หอสุราเพิ่งเปิดพอดี

“เชิญข้างในเจ้าค่ะ” หงโต้วเหลือบมอง รู้สึกว่าเด็กสาวข้างกายฮูหยินผู้นี้ดูคุ้นตามาก

“มีห้องส่วนตัวหรือไม่” เฉียวฮูหยินถาม

“ห้องว่างพอดี เชิญตามข้ามาเจ้าค่ะ” หงโต้วพาเฉียวฮูหยินและลูกสาวเข้าไปในห้องส่วนตัว อ่านรายการอาหารและราคาให้ฟังอย่างคล่องแคล่ว “ไม่ทราบว่าจะสั่งอะไรดีเจ้าคะ”

กินอะไรงั้นหรือ แค่ได้ยินราคาก็กินไม่ลงแล้ว!

เฉียวฮูหยินเก็บความตะลึงไว้ สั่งอาหารสองสามจานอย่างส่งๆ จากนั้นก็ยัดถุงเงินสีพื้นใส่มือของหงโต้ว “ช่วยเชิญคุณหนูลั่วมาหน่อยได้หรือไม่”

หงโต้วจับถุงเงินแน่น ยิ้มตาหยีถามว่า “ท่านคือผู้ใดเจ้าคะ”

“ข้าคือฮูหยินหงหลูซื่อชิง” เฉียวฮูหยินตอบอย่างสำรวม

หงโต้วกะพริบตาสองสามที มองเด็กสาวที่คุ้นตาผู้นั้นก็ถึงบางอ้อ “ท่านคือคุณหนูรองเฉียว น้องสาวของชายารัชทายาทหรือ”

คุณหนูรองเฉียวหน้านิ่งไม่ได้ตอบอะไร

สาวใช้สารเลวนี่จำนางไม่ได้ แต่นางจำได้แม่น

ปีนั้นลั่วเซิงถีบนางลงคูน้ำ ด้วยความตื่นตระหนกนางจับกอหญ้าที่อยู่ข้างขอบคูน้ำไว้ สาวใช้สารเลวผู้นี้ควงกริชออกมาตัดกอหญ้าทิ้ง

นางและท่านพี่กลายเป็นไก่ตกน้ำ สุดท้ายไม่มีแม้แต่คำขอโทษ เรื่องกลับจบลงไปเช่นนี้

หลังจากนั้นท่านพี่ของนางกลายเป็นชายารัชทายาท นางไม่ใช่สตรีสูงศักดิ์ทั่วไปอีกแล้ว

แต่ท่านแม่บอกว่าเพราะท่านพี่ของนางกลายเป็นชายารัชทายาทจึงต้องยิ่งระวังคำพูดและการกระทำ อย่าทำให้ท่านพี่ต้องเดือดร้อน

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ที่ที่มีลั่วเซิงนางก็จะหลบหลีกไปยิ่งไกลยิ่งดี

ช่วยไม่ได้ เห็นลั่วเซิงและสาวใช้ของนางแล้วนางก็รู้สึกขยะแขยงและโมโห อยากจะล้างแค้นเรื่องปีนั้นให้รู้แล้วรู้รอดไป

[1] หงหลูซื่อชิง คือ วัดหงหลู ‘ชิง’ หมายถึงตำแหน่งที่มาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น เป็นแผนกหนึ่งในวังหลวง ดูแลจัดการเรื่องการเซ่นไหว้บูชา และงานเลี้ยง

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท