บทที่ 130 ความไม่รู้นั้นไม่ผิดหรอกตราบใดที่ยอมรับว่าตัวเองไม่รู้จริงๆ
คําถามของเจียงฮ่าวนั้นได้ทําให้ทุกคนหันมามองเป็นทางเดียว
อย่างไรก็ตาม เจียงฮ่าวนั้นไม่ได้เกรงกลัวและยังคงสงบเสงี่ยม
ถึงแม้ว่าซ่งหว่านกัวจะไม่รู้ว่าทําไมเจียงฮ่าวถึงพูดออกมา แต่เธอก็ยังคงตอบออกไป
“อื้ม ช่วงไม่กี่วันมานี้ป้าคิดมากจนนอนไม่ค่อยหลับน่ะ แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก”
เจียงฮ่าวยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อได้ยิน
“ถ้าคุณป้าแค่นอนไม่หลับล่ะก็ ก็ไม่จําเป็นต้องยุ่งยากไปตรวจเลยครับ”
เป็นตอนนี้ที่เฟิงเจียนกัวสบถออกมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความดูแคลน
“อะไร อย่าบอกนะว่านองชายเจียงคนนี้จะมีวิธีแก้อาการนอนไม่หลับของคุณป้าน่ะ”
“กับแค่ไอ้เด็กขนยังขึ้นเนี่ยนะมาทําวางท่าใหญ่โตต่อหน้าฉัน”
เป็นตอนนี้เองที่ซ่งหว่านซึ่งได้ขมวดคิ้วและจ้องมองเจียงฮ่าวอย่างสงสัย
เมื่อเห็นสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว ซ่งหว่านเอ๋อได้กระตุกชายเสื้อของเจียงฮ่าวอย่างลับๆ เป็นการเตือนว่าไม่อยากให้เขาพูดอะไรออกมาโดยไม่ระวัง
เจียงฮ่าวนั้นกลับไม่ได้สนใจท่าทางล้อเลียนของเฟิงเจียนกัวแต่อย่างใด เขาได้ล้วงเข้าไปในกระเป๋าและดึงขวดยาเล็กๆที่เหมือนขวดยาทั่วไปออกมา
ภายใต้สายตาที่สับสนของผู้คน เขาได้วางนาตรงหน้าของซ่งหว่านกัว
“คุณป้า นี่คือยาผ่อนคลายประสาทที่มีชื่อว่าบุปผาหยกทั้งเก้าที่อาจารย์มอบไว้ให้ผม มันมีสรรพคุณช่วยฟื้นฟูพลังงานและเสริมสร้างจิตวิญญาณ”
“แต่เดิมแล้วยานี้อาจารย์ของผมทําการแลกเปลี่ยนบางอย่างกับปรมาจารย์ยาผู้หนึ่งเพื่อที่จะส่งเสริมและเสริมสร้างจิตวิญญาณของผม”
“แต่ในเมื่อคุณป้าต้องการมันมากกว่า ผมเองก็จะมอบให้คุณป้าเป็นของขวัญแล้วกันครับ คุณป้าอย่าได้เป็นกังวลไป”
คําพูดที่แสดงสรรพคุณอันสูงล้ําและการพูดถึงตัวตนที่ยากจะหยั่งถึงนี้ทําให้ทุกคนที่ได้ยินต่างก็ตกตะลึง
อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่ซ่งหว่านซ่งเองก็อยู่ในวงการนี้มานานมากแล้วก็รู้อะไรมาบ้าง จึงบอกได้ว่ายาเล็กๆขวดนี้นั้นย่อมไม่ใช่ของธรรมดาอย่างแน่นอน
แต่ก็ที่จะได้พูดอะไรออกมานั้น เฟิงเจียนกัวกลับพูดออกมาด้วยถ้อยคําหยาบคายพร้อมใบหน้าที่ดูถูก
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
“ฉันจะขําตายอยู่แล้วเนี่ย น้องชายเจียน ฉันว่านายอ่านนิยายมากเกินไปแล้วนะถึงได้ ถูกหลอกได้ง่ายๆขนาดนี้”
“อาจารย์เหรอ ส่งเสริมจิตวิญญาณเหรอ ปรมาจารย์ยาเหรอ”
“เรื่องพวกนั้นมีแต่ในนิยายกําลังภายในเท่านั้นแหล่ะน่า” ของแบบนั้นจะไปมีอยู่จริงในโลกได้ยังไงกัน
เมื่อพูดออกมา เขาได้ยืนขึ้นและเอื้อมมือไปหยิบยาขวดนี้ในทันที
“กับเอาของแบบนี้อ่ะนะ ไม่ว่าดูยังไงก็มีค่าแค่สามสี่หยวนเท่านั้นเอง”
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่มือของเขาจะไปถึงขวดเล็กๆนั่น มือหนึ่งก็ได้ฉวยเข้ามาด้วยความเร็วกว่าตัดหน้าไป
เมื่อเขาหันไปมองก็พบว่าเป็นข่งหว่านข่งที่กําลังถือขวดนี้อยู่ เขาค่อยๆตรวจสอบยาในขวดนี้ด้วยสายตาที่ไม่อยู่สุข
นี่ทําให้เฟิงเจียนกัวต้องประหลาดใจอย่างมาก
“ลุง อย่าบอกนะว่าลุงจะเชื่อไอ้บ้านี่น่ะ”
อย่างไรก็ตาม ซ่งหว่านซ่งไม่สนใจไยดีคําพูดของเฟิงเจียนกัวแต่อย่างใด
เป็นตอนนี้ที่ซ่งหว่านกัวได้ยินคําพูดอันอวดดีของเฟิงเจียนกัวว่าอวดดีขนาดไหนแล้วก็ได้ดุออกมาในทันที
“คําพูดดูถูกแบบนี้อย่าได้อาจพูดออกมาอีก”
คําพูดนี้ทําให้แม่ของเฟิงเจียนกัวเองมีสีหน้าที่ไม่มีความสุขในทันที
“น้องสาว คําพูดของเจียนกัวนั้นถูกต้องแล้ว ทําไมล่ะ อย่าบอกว่าเธอเองก็เชื่อ”
“เหอะ พวกเธอเนี่ยน้าหลงชื่อกับคําปลิ้นปล้อนอย่างนี้”
เมื่อพูดจบ เธอก็ชี้มาที่เจียงฮาวที่กําลังมีท่าทีสงบด้วยสายตาขยะแขยง
หลังจากนั้นก็ได้พูดออกมา
“ฉันคิดว่าแกควรจะรีบบอกทุกคนได้แล้วนะว่าแค่แต่งเรื่องขึ้นมาแล้วก็รีบๆไสหัวไปให้ห่างจากหว่านเอ๋อได้แล้ว หว่านเอ๋อต่างหากที่คู่ควรกับเจียนกัวและควรจะมาอยู่ข้าง…”
ซ่งหว่านเอ๋อในตอนนี้ได้จ้องมองไปยังป้าห่างๆของเธอในตอนนี้ด้วยท่าทีขยะแขยงยิ่งกว่า
เมื่อเจียงฮ่าวได้ยินแล้วก็รู้ในทันทีว่าทําแม่ลูกตระกูลซ่งนี้ถึงได้หาเรื่องเขานัก
อีกฝากฝั่งหนึ่ง ซึ่งหว่านกัวได้ขมวดคิ้วพร้อมใบหน้าที่ไม่ปลื้มแบบสุดๆ
พี่สาวห่างๆของเธอคนนี้มีตาหาได้มีแววไม่ เฉกเช่นเดียวกันทั้งแม่ลูก
เฟิงเจียกัวที่ในตอนนี้ยืนขึ้นอยู่อีกฝากฝั่งโต๊ะที่ไม่รู้ว่าฝังคํากล่าวเยินยอของแม่ของตนซื้อย่างไรในตอนนี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความภูมิอกภูมิใจและความทึกเหิมที่ทอประกายออกมาทางสายตาอย่างที่สุด