บทที่ 133 ทรงพลังจนคิดได้
หัวกะหล่ำกลายพันธุ์นี้รสชาติดีเกินคาดอย่างมาก รสชาติของมันนั้นเหนือล้ำกว่ากะหล่ำธรรมดามากมายนัก
แต่สิ่งที่ทําให้เจียงฮ่าวต้องตกตะลึงยิ่งกว่าคือสรรพคุณเสริมความงามของหัวกะหล่ำนี้
เพียงแค่ไม่นานหลังจากกินอาหารที่ทําจากหัวกะหล่ำเข้าไปนั้น เขารู้สึกได้ว่าไม่สบายตัวไปทั่วไปทั้งร่างว่ามีอะไรบางอย่างเปลี่ยนแปลงและไหลเวียนไปทั่วร่างกาย
หลังจากทั้งครอบครัวเรียงแถวเข้าไปอาบน้ำแล้วนั้นบอกได้เลยว่าพวกเขาอาบน้ำกันจนเหนื่อยเพราะว่าแต่ละคนใช้เวลารวมกันแล้วไม่น้อยกว่าสามชั่วโมงถึงอาบกันเสร็จ
แต่หลังจากได้อาบน้ำแล้ว เจียงฮ่าวนั้นรู้สึกสบายตัวเป็นอย่างมาก และเมื่อเขาได้เห็นใบหน้าของตัวเองในกระจกแล้วก็ต้องรู้สึกประหลาดใจในทันที นั่นก็เพระใบหน้าของเขาเปล่งปลั่งแบบสุดๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่ของเขานั้น ในตอนนี้ดูอ่อนเยาลงไปหลายปีเลยทีเดียว
หัวกะหล่ำนี่ช่างทรงพลังจนน่าตกตะลึง
“ถ้าเอาเจ้านี่ไปขายล่ะก็ไม่รู้ว่าจะได้สักเท่าไหร่เลยแหะ”
เจียงฮ่าวแสดงออกมาด้วยท่าทีที่มีความสุข และไม่นาน เขาก็ได้อะไรอย่างหนึ่งได้ขึ้นมาอย่างแสดงให้เห็นชัดได้บนใบหน้า
“ถึงจะขายได้แพงยังไงก็แค่ร้อยสองร้อยหยวนเท่านั้นเองนี่นา แถมฉันยังปลูกมากๆไม่ได้อีก”
“จะดีกว่ารึเปล่านะถ้าทําให้มันเป็นของหายาก มันน่าจะขายได้แพงกว่านี้อีกเยอะเลย”
เมื่อคิดได้ดังนั้น เจียงฮ่าวก็ไม่ได้กังวลเรื่องนี้อีกต่อไป
“ในเมื่อได้ผักกลายพันธุ์พวกนี้มาแล้ว สงสัยฉันคงต้องไปคุยกับซิ่วไจ๋ยี่สักหน่อยแหะ”
เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็รู้สึกได้ว่ามันมีผลกระทบอย่างมาก เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเขาจึงนั่งลงและคิดขึ้นมาอย่างถี่ถ้วนดีๆ
“เอาตามนี้ก็แล้วกัน”
คําพูดของพ่อของเขานั้นแน่นอนว่าเขานั้นย่อมไม่ลืม แต่เขาก็ไม่โง่พอที่จะเผยความลับนี้ให้ใครรู้ไปทั่วเช่นเดียวกัน เพราะตัวเขาเองนั่นแหล่ะ ที่เป็นคนที่หลีกหนีปัญหามากที่สุดในบ้านแล้ว
หนึ่งคืนผ่านไปอย่างเงียบงัน
เช้าวันถัดมา เขาตื่นแต่เช้าและก็ต้องพบเรื่องน่าประหลาดใน นั่นก็เพราะผักกลายพันธุ์ของเขาที่ปลูกไว้เมื่อวาน ในตอนนี้พร้อมเก็บเกี่ยวแล้ว
เจียงฮ่าวได้เก็บเกี่ยวพวกมันและทําอาหารเช้าง่ายๆให้คนในครอบครัว
และด้วยเหตุนี้ เมื่อทุกคนได้กินข้าวเช้าแล้วก็ต้องพบกับสิ่งน่าประหลาดใจขึ้นอีกครั้ง
เพียงชั่วพริบตา ก็ถึงตอนเที่ยง
เมื่อเห็นว่าใกล้ถึงเวลาตามแผนแล้ว เจียงฮ่าวได้โทรศัพท์ออกไปยังเบอร์โทรของซิ่วไจ๋ยี่ที่ให้ไว้
ในออฟฟิศหรูและดูสะอาดตาแห่งหนึ่ง ซิ่วไจ๋ยี่ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เมื่อเห็นชื่อที่ปรากฎก็ต้องรู้สึกประหลาดใจ
“ห้ะ”
“เขาเหรอ”
“ทําไมเขาถึงโทรมาล่ะ”
หลังจากนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ซิ่วไจ๋ยี่จึงได้รับโทรศัพท์อย่างสนใจจนเห็นได้ชัด
“สวัสดีคุณเจียง ช่างเป็นสายที่นึกไม่ถึงจริงๆ”
“มีอะไรให้รับใช้คะ”
เจียงฮ่าวเองก็ได้พูดเข้าเรื่องในทันที
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ผมแค่อยากจะทําธุรกิจด้วยนิดหน่อยก็เท่านั้นเอง”
หลังจากพูดคุยกันเสร็จแล้ว เจียงฉ่าวก็ได้นําผักกลายพันธุ์นี้ไปยังภัตตาคารสวรรค์ชั้นฟ้า
ในทันที่เขาไปถึงนั้น เจียงฮ่าวนํากระเป๋าใบหนึ่งมาด้วย ทันทีที่เขาก้าวเข้าไปนั้น เขารู้สึกได้ว่าตัวเองนั้นหล่อเป็นพิเศษ
แต่ความรู้สึกหล่อเท่นี้อยู่ได้เพียงสามวินาทีเท่านั้น
ทันทีที่เขาก้าวเข้าไปนั้น บอดี้การ์ดสองคนที่ประตูต่างก็มองไปที่หน้าของเขาด้วยความประหลาดใจและกางมือของออกมาขวามงทางเขาไว้
“สวัสดีครับท่าน โปรดแสดงบัตรสมาชิกด้วยครับ”
นี่ทําให้เจียงฮ่าวพึ่งจะนึกออกมาว่าภัตตาคารอาหารชั้นฟ้าแห่งนี้มีระบบสมาชิกอยู่
และซิ่วไจ๋ยี่นั้นเคยให้บัตรระดับเพชรให้เขามาแล้ว
แต่เขานั้นดูเหมือนจะลืมเรื่องนี้ไปจนสนิท
เจียงฮ่าวได้ร้อนรนแตะไปที่กระเป๋าทุกที่แต่ก็ไม่พบแต่อย่างใด
เป็นตอนนี้ที่เขานั้นหันไปมองบอดี้การ์ดสองคนพร้อมกับท่าทีอายๆ
“พี่ใหญ่ พอดีฉันลืมเอามาน่ะ แต่พอดีว่าฉันนัดกับเจ้าของร้านไว้แล้ว ช่วยปล่อยฉันไปหน่อยได้รึเปล่า”