ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 211 กลิ่นหอม

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 211 กลิ่นหอม

เว่ยหานเดินช้าๆ อย่างไร้จุดหมาย เขาเด็ดดอกไม้ป่าดอกหนึ่งขึ้นมาพิจารณา

ดอกไม้งดงามมาก

ดอกไม้ที่งดงามเหมาะกับคนงามจริงๆ

เมื่อคิดถึงฉากที่เห็นในป่า ชายหนุ่มที่ถือดอกไม้ก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้

บางทีเขาอาจจะมอบดอกไม้ให้คุณหนูลั่วเป็นของขวัญขอบคุณได้ นางอาจจะชอบก็ได้

หน้ากระโจมทองที่เรียงราย กองไฟและหม้อเหล็กถูกตั้งไว้ในพื้นที่กลางแจ้งขนาดใหญ่เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเฉลิมฉลองหลังจากผู้ที่ออกล่ากลับมา

ข้างหน้ากระโจมที่พี่น้องของลั่วเซิงพำนัก เนื้อหมูป่าและเนื้อกวางเสียบไม้ชิ้นใหญ่กำลังย่างและเริ่มส่งกลิ่นหอม น้ำมันหยดลงในกองไฟเป็นครั้งคราว กลิ่นหอมเย้ายวนกว่าเดิม

ด้านข้างยังมีหม้อเหล็กขนาดเล็ก ไอน้ำเล็ดลอดออกมาจากรูของฝาหม้อ พาเอากลิ่นหอมออกมาด้วย ไม่รู้ว่าข้างในกำลังตุ๋นอะไร

คุณชายสามเซิ่งนั่งยองๆ อยู่ระหว่างเนื้อย่างและหม้อตุ๋น น้ำลายกำลังจะหยดลงมาแล้ว

“อาซิ่ว เนื้อย่างเสร็จหรือยัง”

“น้องลั่ว เนื้อกระต่ายน้ำแดงเสร็จหรือยัง”

“อาซิ่ว เนื้อหมูป่าย่างอร่อยหรือว่าเนื้อกระต่ายย่างอร่อยกว่าหรือ”

เทียบกับคุณชายสามเซิ่งที่พูดไม่หยุดแล้ว ลั่วเฉินกลับเงียบกว่ามาก

เด็กหนุ่มสีหน้าบึ้งตึง ยืนกอดอก สีหน้าเยือกเย็น ไม่เข้ากับบรรยากาศครึกครื้นเลยแม้แต่น้อย

คุณชายสามเซิ่งรอจนรู้สึกเบื่อ เขาฉีกยิ้มให้ลั่วเฉิน “น้องชาย ยังโมโหอยู่หรือ ล่าอะไรไม่ได้เลยก็ไม่เป็นไร พี่ชายล่ากวางได้สองตัวมิใช่หรือ ถือว่าเป็นของเจ้าตัวหนึ่งดีหรือไม่”

เด็กหนุ่มได้ยินก็ยิ่งโมโห

อะไรคือถือว่าเป็นของเขา

เขาจำเป็นต้องคนอื่นมาสงสารเช่นนี้หรือ

ฮึ

มือข้างหนึ่งตบลั่วเฉินเบาๆ เนื่องจากน้ำหนักมือหนักไปเล็กน้อยจึงเกือบจะตบเขาจนล้มลง

“เจ้าทำอะไรน่ะ” ลั่วเฉินถลึงตามองเด็กหนุ่มหน้าดำ

“คุณชายลั่ว อย่ากังวลเลย กินอิ่มแล้วข้าจะสอนท่านยิงธนู”

ลั่วเฉินมองเด็กหนุ่มหน้าดำครู่หนึ่ง อยากจะถ่มน้ำลายใส่หน้าเขา

ลั่วเซิงบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าจะสอนเขา ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าเด็กตัวดำคนนี้สอน

ใบหน้าของลั่วเฉินย่ำแย่ลงไปอีกเมื่อคิดถึงตนที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ขี่ม้าวนไปมา แต่สุดท้ายก็ล่าอะไรไม่ได้เลย แต่เจ้าเด็กตัวดำตรงหน้าล่าฮวานจื่อได้หนึ่งตัว

เจ้าเด็กตัวดำจงใจสินะ มีกวางและกระต่ายมากมายแต่ยังดึงดันจะล่าฮวานจื่อตัวหนึ่ง

นี่คงอยากจะพิสูจน์ให้ลั่วเซิงเห็นว่าเขาไม่ได้โกหก เมื่อก่อนเขาเคยล่าฮวานจื่อได้จริงๆ

หางตาของเด็กหนุ่มมองหาลั่วเซิงตามสัญชาติญาณ

ไหนว่าจะสอนเขายิงธนูอย่างไร คงไม่ได้หลอกเขาหรอกนะ

ราวกับว่าลั่วเซิงจะรู้สึกได้ นางเหลือบมองลั่วเฉิน

“ลั่วเฉิน เสี่ยวชี พวกเจ้ามานี่สิ”

ลั่วเฉินสงวนตัวไม่ตอบสนอง จากนั้นก็เห็นเจ้าเด็กตัวดำพุ่งตัวไปข้างกายลั่วเซิงอย่างรวดเร็ว

ลั่วเฉิน “…”

เขาเดินเข้าไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง ถามว่า “ทำไมรึ”

ลั่วเซิงรับเนื้อกวางย่างที่ย่างเสร็จแล้วไม้หนึ่งมาจากมือซิ่วเย่ว์แล้วยื่นให้เขา “กินเถอะ”

เด็กหนุ่มรับเนื้อกวางไปด้วยใบหน้าบูดบึ้ง

โมโหก็ส่วนโมโห แต่เนื้อย่างก็ยังต้องกิน

“ประเดี๋ยวข้าจะสอนเจ้ายิงธนู”

เมื่อได้ยินคำนี้ ใบหน้าเยือกเย็นของเด็กหนุ่มก็ดูอ่อนโยนขึ้น แต่ก็รู้สึกว่าหากเผยสีหน้าชัดเจนเกินไปจะดูน่าเกลียด เขากัดเนื้อย่างร้อนฉ่าและมันเยิ้มชิ้นหนึ่งอย่างแรง

“เสี่ยวชีก็กินสิ” ลั่วเซิงยื่นเนื้อย่างไม้หนึ่งให้เสี่ยวชี

ลั่วเฉินขมวดคิ้ว

มีมือมีเท้า หยิบเองไม่เป็นหรือ

เขาไม่เหมือนกัน เขาเป็นน้องชาย

เสียงสดใสเสียงหนึ่งดังขึ้น “คุณหนูลั่วให้ข้าไม้หนึ่งได้หรือไม่”

ลั่วเฉินเงยหน้าขึ้นมอง มุมปากกระตุก

ไคหยางอ๋องมาขอข้าวกินอีกแล้ว

เดิมเด็กหนุ่มอยากจะพูดประชดประชัน แต่จู่ๆ ก็คิดถึงเงินหนึ่งหมื่นตำลึงนั่นขึ้นมา เขากลืนคำพูดลงไปเงียบๆ

ลั่วเซิงเงยหน้ามองเว่ยหาน นึกถึงชายหนุ่มรู้กาลเทศะเมื่อครู่นี้ก็เอ่ยเสียงเรียบว่า “เนื้อกวางและเนื้อหมูป่าย่างเสร็จแล้ว ท่านอ๋องอยากกินอะไรก็เชิญตามสบายเลยเจ้าค่ะ”

เว่ยหานยกมุมปากขึ้นน้อยๆ

แม้ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่เหมือนกับว่าท่าทีที่คุณหนูลั่วมีต่อเขาจะไม่เลวเลย…

ทันทีที่คิดเช่นนี้ เขาก็มีกำลังใจขึ้นมา

เขาหยิบเนื้อย่างที่ย่างจนหอมกรุ่นไม้หนึ่งขึ้นมา ถามถึงเรื่องที่คิดถึงอยู่ตลอดเวลา “คุณหนูลั่ว ขาหมูขอทานเสร็จหรือยัง”

เด็กหนุ่มที่คอยระมัดระวังผู้ชายที่หมายปองท่านพี่ของตนมุมปากกระตุกอย่างรุนแรง

ลั่วเฉินมองชายหนุ่มที่มีสีหน้าจริงจัง รู้สึกสับสนเล็กน้อย

บางทีเขาอาจจะเข้าใจผิดไปเอง สิ่งที่คนผู้นี้ต้องตาไม่ใช่ท่านพี่ แต่เป็นขาหมูขอทานต่างหาก

เขาได้ยินพี่สามเล่าเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว ระหว่างทางเข้าเมืองหลวงลั่วเซิงทำอาหารชื่อขาหมูขอทาน หอมจนแม้แต่โจรป่าก็อยากจะปล้นเพียงขาหมู

ก็ไม่รู้ว่าโจรป่าโง่เขลามาจากไหนกัน

เอ่อ พี่สามยังบอกอีกว่าครานั้นบังเอิญเจอไคหยางอ๋อง ไคหยางอ๋องและสือซานหั่วก็เอาแต่คะนึงถึงขาหมูขอทานตั้งแต่ครานั้น

ลั่วเฉินมองเว่ยหานด้วยสายตาเยือกเย็น ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกขัดตา

ขาหมูขอทานสำคัญกว่าท่านพี่ของเขาหรือ

เจ้าคนนี้คงไม่ได้โง่หรอกนะ แต่งงานกับท่านพี่เขาแล้วก็จะได้ทานขาหมูขอทานทุกวันมิใช่หรือ

ริมฝีปากเด็กหนุ่มเผยอออกเล็กน้อย ทำท่าอยากจะพูดอะไร แต่ก็กลืนคำพูดนั้นลงไปอีกครั้ง

เขาไม่เตือนเจ้าคนตะกละนี่หรอก

“น่าจะเสร็จแล้วเจ้าค่ะ” ลั่วเซิงพูดพลางหยิบพลั่วขนาดเล็กขึ้นมา

“น้องลั่ว งานหยาบแบบนี้ให้ข้าทำเอง” คุณชายสามเซิ่งแย่งพลั่วในมือลั่วเซิงมา ขุดบางอย่างที่มีสีดำและแข็งสี่ลูกออกมาอย่างคล่องแคล่ว

เสียงประหลาดใจเสียงหนึ่งดังขึ้น “อันนี้กินอย่างไรหรือ”

“ต้องกะเทาะออกถึงจะกินได้” คุณชายสามเซิ่งหยิบก้อนหินที่เตรียมไว้ตั้งแต่แรกกระแทกเปลือกที่เป็นดินพอกออกพลางตอบ

พูดจบก็รู้สึกไม่ชอบมาพากลจึงเงยหน้าขึ้นมอง

“ถวายพระพรองค์ชาย” ทุกคนพากันทำความเคารพเว่ยเชียง

“มิต้องมากพิธี” เว่ยเชียงโบกมือ มองเว่ยหาน “คิดไม่ถึงว่าเสด็จอาก็อยู่ที่นี่ด้วย”

“อืม” เว่ยหานตอบสั้นๆ นึกระแวดระวังในใจ

รัชทายาทตั้งใจมาเวลากินข้าว เห็นได้ชัดว่ามาขอข้าวกิน

ครานี้เปลือกที่เป็นชั้นดินดูอัปลักษณ์ถูกกะเทาะออก เผยให้เห็นใบบัวที่ห่อหุ้มอยู่ด้านใน กลิ่นหอมประหลาดก็พวยพุ่งออกมาในทันที

“นี่คืออะไรน่ะ” เว่ยเชียงขยับมุมปากเล็กน้อย

เขาคิดว่าตนเองไม่ใช่คนตะกละ แต่กลิ่นนี้ช่างเย้ายวนจริงๆ

โดยเฉพาะตอนที่กระเพาะยังว่างเช่นนี้

“เรียกว่าขาหมูขอทาน” ผู้ที่เอ่ยปากคือเว่ยหาน

เว่ยเชียงมองเขาอย่างงงงัน

ปกติแล้วไคหยางอ๋องเป็นคนพูดน้อย เหตุใดจึงเป็นคนตอบคำถามนี้นะ

เว่ยหานไม่สนใจว่าหลานหน้าด้านที่มาขอข้าวกินคนนี้จะคิดอย่างไร เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “หมูป่าข้าเป็นคนล่า หนังหมูป่าข้าเป็นคนถลก ขาหมูป่าข้าก็เป็นคนเฉือนและขอร้องให้คุณหนูลั่วทำให้กิน”

เว่ยเชียงเข้าใจในทันที

ไคหยางอ๋องหมายความว่าให้เขาอย่าหวังว่าจะได้กินจานนี้หรือ

มองดูชายหนุ่มสีหน้าเยือกเย็น เว่ยเชียงก็รู้สึกหัวเสีย

แม้ไคหยางอ๋องจะอาวุโสกว่า แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นรัชทายาท ให้เขากินขาหมูชิ้นหนึ่งจะเป็นอะไรไป

เห็นได้ชัดว่าไคหยางอ๋องไม่เห็นเขาผู้เป็นรัชทายาทคนนี้อยู่ในสายตาจริงๆ

ทว่าแม้จะหัวเสีย แต่ก็มิอาจเผยสีหน้าให้เห็นได้

เสด็จพ่อโปรดปรานไคหยางอ๋อง หากมีข่าวแพร่ออกไปว่าเขาขัดแย้งกับไคหยางอ๋อง มีแต่จะเป็นอันตรายมากกว่าเป็นประโยชน์ต่อเขา

เมื่ออดกลั้นอารมณ์โมโหไว้ได้ก็ยิ้มให้ลั่วเซิง “คุณหนูลั่ว องค์รักษ์ของข้าก็มีคนล่าหมูป่าได้เช่นกัน ข้าส่งมาให้คุณหนูลั่วทำขาหมูขอทานให้ได้หรือไม่”

ลั่วเซิงส่ายศีรษะ “ขาหมูต้องหมักล่วงหน้า ส่งมาตอนนี้คงไม่ทันอาหารมื้อนี้แล้วเพคะ”

รอยยิ้มเว่ยเชียงแข็งค้าง

นี่ไม่ไว้หน้าเขาเลยหรือ

จากนั้นก็เห็นเด็กสาวยิ้มให้ชายหนุ่มในชุดสีแดงเข้มอย่างอ่อนหวาน “ท่านอ๋องบอกว่าขอขาหมูแค่สองขา เช่นนั้นขาหมูขอทานอีกสองขาแบ่งให้รัชทายาทขาหนึ่งได้หรือไม่เจ้าคะ”

เว่ยหานพยักหน้าด้วยใบหน้าไร้อารมณ์

รู้เช่นนี้แต่แรก เขาคงบอกว่าเอาทั้งสี่ขาไปแล้ว

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท