ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 234 รอคอย

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 234 รอคอย

ทุ่งหญ้ากว้างไกล ม้าห้อตะบึงขึ้นมาอย่างโอหังตามใจนึก

ม้าพุทราแดงที่สลัดม้าสีขาวตัวใหญ่ไว้ด้านหลังไกลๆ กลับผ่อนความเร็วภายใต้การส่งสัญญาณของเจ้านาย

เว่ยหานควบม้าตามมา พิจารณามองสีหน้าท่าทางของลั่วเซิง

แววตาของเด็กสาวลึกล้ำ มองไม่เห็นคลื่นความรู้สึกใดๆ คล้ายกับทะเลสาบน้ำลึก

ดำมากและสวยมาก

แต่เทียบกับดวงตาเช่นนี้ เว่ยหานยินดีที่จะได้เห็นท่าทางก่อนหน้านี้มากกว่า

เมื่อก่อนนัยน์ตาของคุณหนูลั่วก็สงบนิ่งเช่นกัน แต่ไม่ใช่ความสงบนิ่งที่ทำให้ผู้คนใจสั่นเช่นนี้ แต่เป็นความสงบและไม่ใส่ใจเหมือนทะเลสาบในฤดูใบไม้ร่วง

“คุณหนูลั่วยังจะไปที่ใดอีกไหม”

“กลับไปรอข่าวจากท่านอ๋องเจ้าค่ะ”

“ข้าจะพยายามให้คำตอบกับคุณหนูลั่วโดยเร็ว” เว่ยหานเอ่ยจบ เห็นนางไม่มีความเคลื่อนไหว ก็เกิดความสงสัยขึ้นมาหลายส่วน

หรือว่าคุณหนูลั่วจะมีเรื่องอื่นอีก เพียงแต่ไม่ยินยอมที่จะพูดกับเขา

ขณะที่กำลังสงสัย ก็ได้ยินลั่วเซิงเอ่ยว่า “ข้าหลงทาง ท่านอ๋องนำทางได้ไหมเจ้าคะ”

เสี้ยววินาทีนั้น เว่ยหานโค้งมุมปากขึ้นเล็กน้อย พิจารณาถึงอารมณ์ของคนตรงหน้าก็พยักหน้าเคร่งขรึม “ได้”

ม้าพันธุ์ดีหนึ่งแดงหนึ่งขาวห้อตะบึงไปด้วยกันและค่อยๆ เห็นเหยื่อกับคนที่ไล่ตาม

สัตว์ป่าดุร้ายที่เข้ามาอยู่ในเขตล่าสัตว์ จำนวนและชนิดของสัตว์ร้ายล้วนมีการวางแผนไว้ เพื่อรับรองความปลอดภัยของเหล่าผู้สูงศักดิ์

ในสายตาลั่วเซิงมองไปยังกวางป่าที่ห้ออย่างโดดเดี่ยว ชายหนุ่มผู้หนึ่งขี่ม้าไล่ตาม

นางยกธนูขึ้นแล้วเก็บลงมา

ชายหนุ่มที่ไล่ตามกวางยิงธนูออกไปดอกหนึ่ง

ลูกธนูดอกหนึ่งบินผ่านข้างตัวลั่วเซิงไป ยิงธนูที่ชายหนุ่มยิงออกมาอย่างรวดเร็วออกไป

ชายหนุ่มที่ยกธนูขึ้นมาเผยสีหน้าโมโหออกมาก่อน เมื่อมองเห็นว่าเป็นเว่ยหานก็รีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้ม “ท่านอ๋อง”

เว่ยหานเอ่ยเรียบๆ “กวางเมื่อครู่นั้นตั้งท้องอยู่”

ชายหนุ่มเข้าใจทันที “ท่านอ๋องสายตาเฉียบคม เป็นข้าน้อยที่บุ่มบ่ามเอง”

เว่ยหานพยักหน้า เอียงคอมองลั่วเซิง พลางเอ่ย “ไปเถอะ”

ชายหนุ่มมองส่งทั้งสองคนจากไป แววตาก็เกิดเพลิงซุบซิบนินทาขึ้นมา

ไคหยางอ๋องกับคุณหนูลั่วถึงกับมาล่าสัตว์ด้วยกัน ทว่าสองคนนี้ดูเหมือนจะล่าเหยื่อไม่ได้สักตัว

บางที…สองคนนี้จะเป็นเหยื่อของกันและกัน?

ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนว่าค้นพบเรื่องมหัศจรรย์อะไรบางอย่าง ขณะเผยรอยยิ้มบางๆ อย่างเข้าใจ เมื่อเห็นลูกธนูที่ปักอยู่บนพื้น

มิน่าไคหยางอ๋องถึงได้แข็งใจฆ่ากวางป่าที่ตั้งท้องอยู่ไม่ลง

ลั่วเซิงขี่ม้าและวิ่งอีกครู่หนึ่งจึงได้พบกับหงโต้วที่กำลังวิ่งอย่างไรจุดหมายไปทั่ว

เมื่อเห็นลั่วเซิง หงโต้วก็รีบเร่งม้าเข้ามา “คุณหนู ท่านไปที่ใดมาหรือเจ้าคะ ทำให้บ่าวต้องตามหา…”

เมื่อเห็นชายหนุ่มในชุดสีแดงข้างกายลั่วเซิง วาจาด้านหลังพลันชะงักไปทันที

ที่แท้ก็ถูกไคหยางอ๋องลักพาตัวไป นี่ก็ไม่แปลกอะไร เพื่อที่จะได้กินอาหารที่คุณหนูทำ ไม่ว่าเรื่องอะไร ไคหยางอ๋องก็ทำออกมาได้ทั้งนั้น

“เช่นนั้นไม่รบกวนท่านอ๋องแล้ว” ลั่วเซิงเอียงหน้า ทิ้งประโยคนี้ไว้ให้เว่ยหานแล้วพาหงโต้วควบม้าจากไป

เว่ยหานนั่งอยู่บนม้าอย่างสง่า จ้องมองเงาร่างสีดำที่ค่อยๆ ไกลออกไป

คนที่ถูกสายตาไล่ตามไม่ได้หันหน้ากลับมาสักนิด

เขากระตุกบังเหียนเบาๆ แล้วห้อตะบึงไปอีกทิศทางหนึ่ง

เสียงเป่าแตรเขาสัตว์ให้กลับค่ายดังขึ้น

การล่าสัตว์ในหนึ่งวันยังไม่สิ้นสุดลง เพียงแค่กลับกระโจมไปพักผ่อน ปรับตัวและกินมื้อกลางวัน

คุณชายสามเซิ่งถือกระต่ายป่าหลายตัว ยืนมองรอบๆ อยู่หน้ากระโจมอย่างงุนงง

เมื่อกวาดตาไปเห็นลั่วเซิงพลิกร่างลงจากม้าเขาจึงรีบเข้าไปต้อนรับ “น้องลั่ว วันนี้เจ้าเก็บเกี่ยวได้ไม่น้อยเลย ถึงกับล่าสัตว์ได้มากขนาดนั้น“

“วันนี้เล็งได้ดีน่ะ” ลั่วเซิงเดินผ่านร่างคุณชายสามเซิ่ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

คุณชายสามเซิ่งไม่รู้สึกประหลาดใจ เขาเร่งฝีเท้าเดินตามไปถาม “ทำไมถึงไม่เห็นอาซิ่วเลยล่ะ”

ลั่วเซิงฝีเท้าชะงักแล้วหันมาตอบคุณชายสามเซิ่ง “วันนี้อาซิ่วไม่ค่อยสบาย ข้าให้นางไปพักผ่อนในห้องวันหนึ่ง”

“มิน่าล่ะ” คุณชายสามเซิ่งมองกระต่ายป่าในมือและมองเหยื่อที่วางอยู่เต็มไปหมดบนหลังม้า แล้วหน้าหนาเอ่ยว่า “มื้อกลางวันวันนี้…”

“พี่ชาย” เสียงเย็นชาของเด็กหนุ่มดังขึ้น ขัดวาจาของคุณชายสามเซิ่ง

คุณชายสามเซิ่งกลับไปทางลั่วเฉิน “น้องชายเรียกข้าทำไมหรือ”

“ข้าจะย่างเนื้อเอง พี่มาช่วยข้าเถอะ”

คุณชายสามเซิ่งมีสีหน้าประหลาดใจ “น้องจะทำเองหรือ”

นี่จะกินได้ไหมนะ

แต่ทว่า เมื่อมองสีหน้าจริงจังและเคร่งขรึมของอีกฝ่าย คุณชายสามเซิ่งก็ทำได้แค่พยักหน้า “ได้ ลงมือทำเองก็น่าสนุกเช่นกัน”

“ต้องถลกหนังกระต่ายหรือไม่” ลั่วเฉินถาม

คุณชายสามเซิ่งเงียบแล้วถอนหายใจ “น้องชายรออยู่ตรงนี้ ข้าจะไปถลกหนังกระต่ายริมลำธาร…”

สำหรับการย่างเนื้อของน้องชาย เขาอย่าได้โอบกอดความคิดเพ้อฝันอะไรจะดีกว่า

เสี่ยวชีตามไป “คุณชาย ข้าจะไปด้วย”

ลั่วเฉินไล่สองคนนั้นไปได้แล้วก็ยกเท้าเดินไปข้างกายลั่วเซิง

ลั่วเซิงนั่งอยู่หน้าเตาหยาบๆ ที่ยังไม่ได้จุดไฟ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

ลั่วเฉินรอประเดี๋ยวหนึ่งก็ไม่เห็นอีกฝ่ายจะสนใจตนเองจึงเม้มปาก ถามว่า “ท่าน…อารมณ์ไม่ดีหรือ”

ลั่วเซิงมองเขาแวบหนี่ง “เปล่านี่”

ลั่วเฉินมุ่นคิ้ว

เห็นอยู่ชัดๆ ว่าอารมณ์ไม่ดี ก็มีแต่ญาติผู้พี่สามนี่แหละที่มองไม่ออก

นิ่งเงียบกันอีกครู่หนึ่ง เด็กหนุ่มก็ถาม “เกี่ยวข้องกับอาซิ่วหรือ”

ลั่วเซิงมองเขาแวบหนึ่ง

ลั่วเฉินถูกสายตานี้มองจนไม่สบอารมณ์เล็กน้อย “ข้าไม่ใช่เด็กแล้ว อย่าเห็นข้าเป็นคนโง่งมที่ไม่รู้ความนักเลย”

“อายุสิบสามไม่ใช่เด็กหรือ” ลั่วเซิงเอ่ยเสียงเบาประโยคหนึ่ง แต่ใบหน้านั้นไร้คลื่นความรู้สึกใดๆ

“ตอนท่านอายุสิบสามก็เลี้ยงดูชายหนุ่มรูปงามในจวนแล้ว” เด็กหนุ่มเอ่ยแทงใจดำ

ลั่วเซิงจ้องเตาที่เย็นเยียบแล้วเอ่ยเรียบๆ “เจ้าพูดแบบนี้ อารมณ์ข้าก็ยิ่งไม่ดีแล้ว”

“ดังนั้นเพราะเหตุใดท่านจึงอารมณ์ไม่ดี”

ลั่วเซิงแพขนตาสั่นไหว

เมื่อได้ข่าวการตายของเฉาฮวา ตอนที่เผชิญหน้ากับแม่ทัพใหญ่ลั่ว นางไม่ได้ร้องไห้ เผชิญหน้ากับซิ่วเย่ว์ นางไม่กล้าร้องไห้ เผชิญหน้ากับไคหยางอ๋อง นางไม่อาจร้องไห้ได้

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับความเป็นห่วงระคนหงุดหงิดของเด็กหนุ่ม นางกลับอยากร้องไห้อยู่บ้าง

“เด็กสาวนั้นเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีช่วงเวลาที่อารมณ์ไม่ดีอย่างไร้สาเหตุ” ลั่วเซิงให้คำตอบไปเรื่อย แล้วลุกขึ้นเดินเข้าไปในกระโจม

เด็กหนุ่มมุ่นคิ้วเป็นปม ยืนอยู่ที่เดิมครู่หนี่งแล้วก้าวเท้าไปตามหาคุณชายสามเซิ่งที่ริมลำธาร

การกินเนื้อปิ้งย่างมื้อหนึ่งนั้นไม่สามารถอธิบายออกมาได้ชัดเจนภายในประโยคเดียว ทำให้อารมณ์ในการล่าสัตว์ต่อไปของหลายคนหมดลง

เหยื่อที่ล่าได้นั้นมีไว้เพื่อกิน กินไม่อร่อยแล้วยังจะล่าสัตว์อะไรอีก

ลั่วเซิงกลับจูงม้าพุทราแดงออกมาตรงเวลา

นางกำลังรอข่าวของคนคนหนึ่งและการรอคอยนั้นทรมานเกินไป มีเพียงแต่ทำให้ตนเองยุ่งวุ่นวายขึ้นมา ถึงจะไม่รู้สึกแย่ขนาดนั้น

การรอนี้ รอจนถึงยามค่ำคืน

คนที่ล่าสัตว์ บ้างกลับตำหนักราชนิเวศน์ บ้างกลับเรือนรับรองไปแล้ว

ไฟแต่ละดวงบริเวณตีนเขาและไหล่เขาสว่างขึ้น ขับเน้นซึ่งกันและกันกับดวงดาราบนท้องฟ้า

ปีละครั้ง นี่คือช่วงเวลาที่ครึกครื้นที่สุดในเขตล่าสัตว์เป่ยเหอ

แต่ในเรือนของลั่วเซิงกลับหนาวเย็น

ลั่วเซิงไม่ได้ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ แต่อ่านหนังสืออยู่ในห้องตะวันตกตลอด

ห้อตะบึงบนทุ่งหญ้ามาทั้งวัน ทั้งยังไม่ค่อยได้กินอะไร หงโต้วกลับง่วงงุนเล็กน้อยจึงพิงฉากกันลมงีบหลับไป

“หงโต้ว เจ้าไปนอนก่อนเถอะ”

“แต่ว่าคุณหนู…”

“ไปเถอะ เชื่อฟังนะ”

หงโต้วเอ่ยรับคำพลางขยี้ตา ขณะเดินไปทางห้องตะวันออก

ลั่วเซิงหลุบตาอ่านหนังสือต่อไป ความจริงแล้วอ่านไม่เข้าสมองเลยสักตัวอักษร

นางไม่รู้ว่าที่ไคหยางอ๋องเอ่ยว่า จะบอกนางทันทีที่หาเฉาฮวาเจอนั้น ต้องรอไปถึงเมื่อใด

วันพรุ่งนี้ มะรืนนี้ หรือว่าจะนานกว่านี้

เปลวเทียนบนเชิงเทียนซึ่งวางอยู่บนโต๊ะพลันไหววูบ

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท