เซียนหมากข้ามมิติ – ตอนที่ 413 รู้ความขึ้นไม่น้อย

เซียนหมากข้ามมิติ

ตอนที่ 413 รู้ความขึ้นไม่น้อย

หลังจากนั้นช่วงหนึ่ง นอกจากใช้ชีวิตอย่างสงบอยู่กับบ้านแล้ว จี้หยวนยังคอยดูสถานการณ์ของบัญชาเวทอสนีด้วย ถ้าเทียบกับยันต์จอมพลังก่อนหน้านี้ถือว่าดีกว่ามาก ความพิเศษของเวทอสนีทำให้มันกำราบผลกระทบจากเคราะห์อสนี

แต่ด้วยอานุภาพของเวทอสนีค่อนข้างยิ่งใหญ่ ไม่เหมาะกับการวิเคราะห์โดยละเอียดภายในสถานที่อย่างเรือนสันติ ดังนั้นจี้หยวนจึงพับการตรวจสอบเชิงลึกก่อนชั่วคราว ถึงอย่างไรสถานการณ์ของเวทอสนีย่อมเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดี

ปลายเดือนสิบสอง อำเภอหนิงอันต้อนรับกระแสลมหนาวระลอกหนึ่ง แม้อุณหภูมิลดลงอย่างหนัก แต่บรรยากาศในอำเภอรื่นเริงขึ้นเรื่อยๆ ทุกครัวเรือนแปะกลอนคู่แขวนโคมแดง ศาลหลักเมืองตรงตรอกศาลเจ้าประดับโคมหลากสีเช่นกัน

ด้วยเป็นเทศกาลพิเศษ ปีนี้เรือนสันติย่อมไม่เงียบเหงา แต่บางครั้งเอะอะเกินไปจนทำให้จี้หยวนไม่ชอบ พวกอักษรจิ๋วจึงอดกลั้นไม่น้อย อย่างน้อยก็ไม่เพิ่มเสียงตนอย่างกำเริบเสิบสาน ไม่พูดกระชั้นเกินไป เสียงนุ่มนวลลงบ้าง

วันที่ยี่สิบห้าเดือนสิบสอง จี้หยวนกำลังถือพู่กันอนุมานมรรคจักรวาลแขนเสื้อซึ่งหนทางยังอีกยาวไกลอยู่กลางลาน นอกเรือนมีเสียงฝีเท้าระลอกหนึ่งดังมา

ไม่นานเสียงเคาะประตูดัง ‘ก๊อกๆๆ’ ดังขึ้นตรงประตูเรือน

ซุนฝูเพิ่งเคาะประตูสองสามครั้ง เขาพบว่าประตูเรือนสันติแค่แง้มเอาไว้ เคาะสองครั้งก็ถูกเปิดออกเล็กน้อย

“เข้ามาเถอะ ประตูไม่ได้ลงกลอน”

เสียงจี้หยวนดังมาจากในเรือน ซุนฝูมองซุนหย่าหย่าที่อยู่ด้านข้างเล็กน้อย เอ่ยกำชับเสียงเบาว่า ‘รู้จักมารยาทด้วย’ จากนั้นมือหนึ่งค่อยถือของ มือหนึ่งเปิดประตูเรือนสันติ เห็นจี้หยวนกำลังค้อมตัวถือพู่กันเขียนอักษรบนโต๊ะหินกลางลาน

จี้หยวนเงยหน้ามองผู้มาเยือน ในมือซุนฝูถือถุงผ้าป่านใบหนึ่งกับสุราขวดหนึ่ง ส่วนซุนหย่าหย่าตามติดข้างกายซุนฝู แม้ว่าสวมชุดนวมฝ้ายลายดอกหนาปึก แต่ใบหน้าเล็กยังถูกลมหนาวจนแดงก่ำ

“ท่านจี้ ข้านำของไหว้ปีใหม่มาให้ท่าน ภายในถุงคือไก่รมควัน เป็ดรมควัน เนื้อรมควันจากทางบ้าน ยังมีกุนเชียงด้วย ล้วนเป็นสิ่งที่พวกเราหมักเอง สุราขวดนี้มาจากตรอกสุรา ท่านอย่ารังเกียจเลย!”

ซุนฝูถือถุงพลางยิ้มระรื่น จากนั้นค่อยมองหลานสาวของตน ฝ่ายหลังรีบกล่าวอย่างน่าเอ็นดู

“คารวะท่านจี้!”

“ดียิ่งๆ!”

จี้หยวนไม่ปฏิเสธจริงๆ ยิ้มพลางกล่าวขอบคุณ

“ขอบคุณสำหรับความหวังดี วางของตรงห้องครัวเถอะ ตอนนี้ข้าคนแซ่จี้ไม่อาจหยุดเขียน คงไม่ห่างโต๊ะไปช่วยท่าน ข้างนอกหนาว พวกท่านเข้ามานั่งในเรือนหลักก่อนเถอะ”

“อ้อๆ ท่านทำธุระต่อเถอะ เรื่องเล็กแค่นี้ข้าจัดการได้ ข้าจัดการเอง! พวกเราแค่มาส่งของไหว้ปีใหม่ ทางบ้านยังมีธุระ!”

ซุนฝูรีบถือของเข้าห้องครัว แต่ซุนหย่าหย่าไม่ตามเข้าไป มองซ้ายมองขวาทั่วเรือนเล็ก ความสนใจหลักอยู่ที่จี้หยวน

นางมองจี้หยวนเขียนอักษรด้วยหน้าตาสงสัย รู้สึกว่าท่าทางน่ามองนัก เดินเข้ามาใกล้สองสามก้าวอย่างอดไม่ได้ จากนั้นค่อยมองอักษรบนกระดาษตรงโต๊ะ รู้สึกว่าตัวอักษรยิ่งน่ามอง

เดิมตอนมาซุนหย่าหย่ายังรู้สึกเกร็งด้วยต้องไปเป็นแขกที่บ้านคนแปลกหน้า ไม่รู้ว่าเพราะอะไรหลังจากมาถึงเรือนสันติความรู้สึกนั้นกลับหายไป ท่านปู่จากไปนางยังกล้าเข้าใกล้คนนอก

จี้หยวนมองเด็กสาวตัวน้อยซึ่งจ่อติดข้างโต๊ะหินโดยไม่รู้ตัว ด้านหนึ่งคอยอนุมานไม่หยุด ด้านหนึ่งแบ่งสมาธิมองนาง แม้ว่าเห็นหน้าตาโดยละเอียดไม่ถนัด แต่ยังมีความน่ารักอยู่รางเลือน

เมื่อเห็นนางมองอักษรอย่างจริงจัง เขาเอ่ยถามด้วยเสียงอ่อนโยน

“รู้อักษรหรือยัง อ่านออกว่าบนกระดาษเขียนอะไรหรือไม่”

ซุนหย่าหย่าเงยหน้ามองจี้หยวนก่อนส่ายหัว

“ยังไม่รู้อักษรเจ้าค่ะ ท่านปู่พูดว่ารอข้ามปีจะส่งข้าไปสำนักศึกษา ถึงตอนนั้นอาจารย์จะสอนข้าจนรู้อักษรอ่านตำราได้ เมื่อนั้นย่อมอ่านออกเจ้าค่ะ”

ยามพบกันครั้งก่อนเด็กสาวไม่พูดสักคำ ครั้งนี้จี้หยวนที่เพิ่งเคยได้ยินนางพูด รู้สึกว่าเสียงของซุนหย่าหย่ากระจ่างมาก เสียงของเด็กคนนี้ตรงตามที่เขาคิดไว้

“หึๆ อ่านตำรารู้อักษรย่อมดีแน่ อ่านตำรามากเปิดโลกทัศน์ ถ้าสำนักศึกษามีเด็กชายล้อเด็กหญิงอย่างเจ้าที่มาเรียน ไม่ต้องสนใจพวกเขา”

“อืม!”

ซุนหย่าหย่าพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนมองจี้หยวนตั้งแต่หัวจรดเท้า

“คุณชาย ท่านไม่หนาวหรือ”

เด็กสาวตัวน้อยสวมชุดหนาปึก ไม่ใช่แค่เสื้อกับกางเกงนวมฝ้ายลายดอกและรองเท้าสร้างความอุ่น ข้างในยังมีกางเกงชั้นในอีกหลายตัว แต่ใบหน้าเล็กยังแดงก่ำด้วยอุณหภูมิลดลง เมื่อมองจี้หยวนไม่ว่าอย่างไรก็รู้สึกหนาว

จี้หยวนส่ายศีรษะพลางยิ้มกล่าว

“เจ้าอย่าเห็นว่าคุณชายอย่างข้าสวมชุดไม่หนา ความจริงภายในเสื้อบุนวมหลายชิ้นแล้ว อบอุ่นนัก”

“จริงหรือ”

ซุนหย่าหย่ามองหน้าอกกับหลังจี้หยวนอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ดูเหมือนว่าไม่พองออกมา เมื่อมองตนกลับกลมดิก

“หย่าหย่า อย่ารบกวนท่านจี้เขียนอักษร!”

ซุนฝูเดินออกมาจากห้องครัว กล่าวกับซุนหย่าหย่าประโยคหนึ่ง จากนั้นค่อยรีบถามท่านจี้

“ท่านจี้ หย่าหย่าคงไม่รบกวนท่านกระมัง”

“ไม่เป็นไร หย่าหย่าน่ารักมาก”

สองมือของซุนฝูถูเสื้อไปมา ขอแค่เป็นคำชมเด็กบ้านตน เขาล้วนชอบฟัง

วันนี้แค่มาส่งของไหว้ปีใหม่ให้ท่านจี้ ไม่มีค่าเท่าไหร่นัก แต่ซุนฝูคิดว่าน่าจะเป็นน้ำใจอย่างหนึ่ง

ตอนนี้เขาอายุมากแล้ว เมื่อเห็นจี้หยวนกลับมา เขายิ่งรับรู้ถึงความมีสติปัญญาเรียบง่ายของบิดาตนเมื่อตอนนั้น สำหรับยอดบุคคลอย่างท่านจี้ การสร้างสัมพันธ์อันดีย่อมไม่ผิด

ก่อนหน้านี้ท่านจี้เคยพูดว่าลำบากอะไรล้วนมาหาเขาได้ เมื่อนึกย้อนไปก้าวหนึ่ง ความสัมพันธ์ของท่านจี้กับท่านอิ๋นมีหลายเรื่องที่จัดการได้ด้วยประโยคเดียว

เดิมควรวางของแล้วจากไป แต่เห็นจี้หยวนเขียนอักษรอยู่กลางลานเพียงลำพัง กอปรกับเมื่อครู่ซุนฝูเข้าไปดูห้องครัว โดยส่วนใหญ่นอกจากถังข้าวซึ่งมีข้าวอยู่เล็กน้อย เรือนสันติไม่ได้เตรียมตัวฉลองปีใหม่สักนิด

ซุนฝูจึงเดินเข้าใกล้โต๊ะหินสองสามก้าว ลังเลครู่หนึ่งก่อนกล่าวกับจี้หยวน

“ท่านจี้ พวกเราตระกูลซุน วันส่งท้ายปีเก่าครอบครัวพี่ชายข้ากับข้าล้วนมาฉลองปีใหม่ร่วมกัน คนมากย่อมครึกครื้น ข้าคิดว่าปีนี้ท่านมาบ้านพวกเราเป็นอย่างไร ถือว่านับถอยหลังขึ้นปีใหม่พร้อมพวกเรา”

จี้หยวนไม่หยุดมือ จรดทุกขีดทุกลายเส้นอย่างรวดเร็ว อักษรเปี่ยมท่องทำนองหนักแน่นงดงามทุกตัวกลายเป็นรูปร่างบนกระดาษ แน่นอนว่าปากกล่าวปฏิเสธความหวังดีของซุนฝูอย่างสุภาพ

“ความหวังดีของท่านซุนข้าคนแซ่จี้รับด้วยใจ งานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่าพวกท่านสองครอบครัวร่วมฉลองพร้อมหน้าพร้อมตาย่อมดีกว่าหน่อย ทั้งสองฝ่ายจะได้ไม่อักอ่วน”

เดิมซุนฝูควรลองโน้มน้าวอีกครั้ง แต่จี้หยวนกล่าวคำพูดนี้ออกมาอย่างนุ่มนวล รู้สึกว่าไม่อาจโต้แย้งอย่างบอกไม่ถูก ทำให้ยามหลุดปากออกมาคำพูดของซุนฝูกลับเปลี่ยนไป

“อ้อ หากท่านต้องการอะไรมาหาข้าได้ ท่านรู้ว่าบ้านพวกเราอยู่ตรอกต้นถง สุ่มคนถามย่อมรู้จัก”

“หึๆ ทราบแล้ว ข้าจะจำไว้ อีกอย่างช่วงปีใหม่ข้าอาจออกไปอีกรอบ”

“หา? ท่านจะไปอีกแล้วหรือ ไปไกลแค่ไหน เดินทางนานหรือไม่”

ซุนฝูถามอย่างตกตะลึง

“ไม่ไกลๆ ไม่นานๆ ไม่นานย่อมกลับมา”

“เช่นนั้นก็ดีๆ เอ่อ ถ้าอย่างนั้นข้าผู้ชราขอตัว!”

เถ้าแก่ซุนสบายใจ ประสานมือไปทางจี้หยวน จากนั้นค่อยจูงมือเล็กของซุนหย่าหย่าเตรียมจากไป แต่ตอนนี้จี้หยวนเรียกรั้งพวกเขาไว้

“ท่านทั้งสองรอสักครู่ ข้าคนแซ่จี้ขอเขียนบรรทัดนี้เสร็จก่อน”

ความเร็วในการจรดพู่กันของจี้หยวนยังไม่เร็วไม่ช้า เขียนอักษรบรรทัดสุดท้ายซึ่งอนุมานได้วันนี้เสร็จอย่างใจเย็น ปลายพู่กันแต้มจุดสุดท้ายเบาๆ กระดาษมีประกายแสงริบหรี่วาบผ่าน

เวลานี้จี้หยวนเพิ่งหยัดร่างขึ้น กุมพู่กันประสานมือไปทางซุนฝู

“ล่วงเกินแล้ว ปลายปีเด็กมาถึงหน้าประตูต้องดื่มชาหวานมอบเงินปราบปีศาจ”

จี้หยวนพูดพลางเดินเข้าไปในห้อง

“อ๊ะๆๆ ไม่ได้ๆ ท่านจี้ หย่าหย่ารับเงินท่านได้อย่างไร!”

ซุนฝูรีบวิ่งเข้ามาขวาง หันหน้ามากล่าวกับซุนหย่าหย่า

เซียนหมากข้ามมิติ

เซียนหมากข้ามมิติ

Status: Ongoing
เพราะกระดานหมากเก่าๆ จี้หยวน พนักงานบริษัทธรรมดาๆ จึงข้ามมิติมาสู่โลกใหม่ในร่างขอทานตาเกือบบอด เพื่อเอาตัวรอดในโลกที่ไม่คุ้นเคย เขาจึงต้องใช้ไหวพริบของคนยุคปัจจุบันและกลหมากพัฒนาตัวเองให้แกร่งกล้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท