ตอนที่ 748 ชายชราที่สงบและไร้กังวล
เหล่าจางมาแล้ว โจวเจ๋อยักไหล่อย่างจนใจอยู่บ้าง แต่ไม่รีบส่งชายชราคนนี้ลงนรกทันที บางทีอาจจะมีสิ่งที่เรียกว่าพรหมลิขิตอยู่จริงๆ เหมือนโกวซินที่อยู่ร้านข้างๆ ตอนบ่ายฟางฟางมาบอกโจวเจ๋อด้วยความดีใจว่า กำไรของร้านขายยาปีหน้ามีความหวังที่จะทำลายสถิติได้จริงแล้ว!
พอลองคิดดูก็รู้สึกเศร้า เดิมทีเป็นโอรสคนโปรดของสวรรค์ บุตรแห่งความโชคดี ตัวเอกของบทบาทนี้หลังจากได้เจอนักพรตเฒ่า กลับถูกหามเข้าห้องฉุกเฉินเป็นครั้งที่สามแล้ว
เมื่อก่อนโจวเจ๋อไม่ค่อยสังเกต แต่เมื่อดูการเปลี่ยนแปลงที่ผ่านมาของเหล่าจาง ภายในเวลาหนึ่งวัน จากยมทูตที่ไร้ประโยชน์ที่สุดไม่น่าสนใจที่สุดของร้านหนังสือ กลับมีพลังมหาศาลของเซี่ยจื้อผนึกอยู่ในร่างกาย เหตุและผลแห่งกรรมเหล่านี้ ความเกี่ยวโยงกันเช่นนี้ มีอยู่จริงใช่ไหม
ถึงแม้จะยังไม่แน่ใจ แต่โจวเจ๋อกลับปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่จำเป็นดื้อดึงตัดขาดมัน ในหนังสือนิยายหลายเล่มของร้านหนังสือ ตัวเอกชอบทำเรื่องเหล่านี้ และต้องสำเร็จแน่นอน แต่ระหว่างทางก็ลำบากมากเช่นกัน นี่คือสิ่งที่เถ้าแก่โจวไม่อยากรับมากที่สุด
ตอนที่เดินออกมาจากห้องส่วนตัว จางเยี่ยนเฟิงนั่งอยู่ริมโต๊ะแล้ว มือถือตะเกียบ กำลังซดน้ำซุปต้มยำกุ้งอยู่
โจวเจ๋อก็นั่งลงเช่นกัน แล้วพูดกับทนายอันที่อยู่ข้างๆ “คนนั้นน่ะ เหมือนจะมีเรื่องนิดหน่อย อีกสักพักคุณกับเหล่าจางไปดูหน่อยนะ”
ทนายอันเป็นคนฉลาดหลักแหลม รู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที เถ้าแก่กำลังผลักภาระ! เขาจึงรีบพูดว่า “ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ ช่างออกแบบที่ผมติดต่อบอกว่ามีแบบแปลนของฝั่งตรงข้ามที่อยากคุยกับผมตอนเย็น ต้องรีบตัดสินใจด่วน ไม่อย่างนั้นทีมงานจะไม่สามารถตกแต่งซ่อมแซมได้!”
“ไม่ต้องรีบร้อน ไปทำวันพรุ่งนี้ก็ยังได้ ไม่ว่ายังไงก็ไม่ได้รีบเข้าไปอยู่ที่นั่นเสียหน่อย”
“ไม่ใช่ครับ เถ้าแก่ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง คราวที่แล้วช่วยสร้างกระแสให้เด็กกระโดดตึกคนนั้นไม่ใช่เหรอ ตอนนี้เริ่มโดนแฉกลับแล้ว ผมต้องไปคุมงานด้วยตัวเอง จะปล่อยพลาดไม่ได้เลยสักนิด ถ้าหากเล่นหนักเกินไป ก็เท่ากับยกก้อนหิมทุ่มใส่เท้าของตัวเอง! วางใจได้เลย นักพรตเฒ่า ครอบครัวหมาป่าตาขาวนั่น ผมจะไม่ให้พวกเขาอยู่อย่างสุขสบายแน่นอน!” หลังจากพูดจบทนายอันวางตะเกียบลงทันที ใส่เสื้อคลุมตัวใหญ่ด้วยท่าทางรีบร้อน แล้วผลักประตูเดินออกไปโดยตรง
“เกิดเรื่องเหรอ” เหล่าจางไม่ลังเลแม้แต่น้อย ตักกับข้าวใส่ชามของตัวเองแล้วลุกขึ้นเดินไปที่ห้องส่วนตัวโดยตรง
โจวเจ๋อหยิบตะเกียบขึ้นมาอย่างจนใจ แล้วกินข้าวสองสามคำ ผ่านไปสักพักหนึ่ง เหล่าจางถือชามข้าวที่กินหมดเกลี้ยงเดินออกมา เขาไม่ได้พูดอะไรกับโจวเจ๋อ และไม่ได้พูดโน้มน้าวอะไร แต่นั่งลงบนเก้าอี้ว่างข้างโจวเจ๋อ ถอนหายใจหนึ่งที เอ่ยว่า “งานวัด เด็กๆ น่าจะเยอะใช่ไหม”
โจวเจ๋อกลืนข้าวหนึ่งคำ
“คนที่ทำงานข้างนอกนานเป็นปีมีเยอะมากมาย ต้องพาครอบครัวของตัวเองออกมาเดินเล่นในงานวัดใช่ไหม”
“ใกล้จะปีใหม่แล้ว ทุกคนน่าจะตื่นเต้นดีใจ”
โจวเจ๋อวางตะเกียบลง
“ก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้คุณไป คุณไปสืบเองเลย สืบดูว่าทงเฉิงช่วงนี้มีอาจารย์เชิดสิงโตชื่อดังคนไหนเพิ่งเสียชีวิต พอรู้ตัวตนของชายชรา ก็มีเบาะแสให้สืบต่อแล้วไม่ใช่เหรอ อีกอย่าง ชายชราหน้าตาเป็นยังไงคุณก็เห็นแล้ว”
เหล่าจางเกาศีรษะอย่างไม่ค่อยมั่นใจ เอ่ยว่า “ผมกลัวว่าผมคนเดียว จะไม่มีความสามารถพอ…”
โจวเจ๋อเอามือกุมหน้าผาก จากนั้นกล่าวด้วยความตกตะลึง “พวกเขาไม่ได้บอกคุณเหรอ”
นักพรตเฒ่าก้มหน้ากินข้าวต่อ มิน่าล่ะ ก็ว่าอยู่ว่าตัวเองดูเหมือนจะลืมพูดเรื่องอะไร ที่แท้ก็เรื่องนี้
“บอกอะไรผม” เหล่าจางพลันนึกอะไรออก จึงพูดกับโจวเจ๋อ “วันนี้ผมออกไปข้างนอกถูกรถชน แต่ไม่ตาย”
‘พรืด!’ นักพรตเฒ่าที่อยู่ข้างๆ พ่นข้าวออกมาจากในปากทันที เขาไอพร้อมกับพูดแซวว่า “วันพรุ่งนี้ลองหารถดันดินมาลองดูอีกสักที”
โจวเจ๋อหยิบทิชชูเปียกบนโต๊ะขึ้นมาเช็ดปาก แล้วเอ่ยว่า “เซี่ยจื้อตัวนั้น ตอนนี้อยู่ในร่างกายของคุณ แต่ตอนนี้มันไม่มีความคุกคามอะไร ช่วงนี้คุณค่อยๆ สัมผัสพลังของมันและลองใช้ดู”
“เซี่ยจื้อ ยังอยู่ในร่างกายของผม” เหล่าจางประหลาดใจมาก เขาคิดว่าถูกดึงออกมาทำลายแล้ว ทำไมถึงยังอยู่ในร่างกายของตัวเองได้
“อืม ไม่ว่ายังไงผลลัพธ์ก็เป็นแบบนี้ ไม่มีผลข้างเคียงอะไร คุณวางใจเถอะ ส่วนเรื่องหาผู้ช่วย พูดจริงๆ นะตอนนี้ในร้านหนังสือ คนที่สู้คุณได้ มีไม่เยอะเลยจริงๆ”
พลังของคุณเพิ่มขึ้นในพริบตาเดียว กลายเป็นยอดฝีมือไร้เทียมทานแห่งยุทธภพ มันเป็นประสบการณ์อย่างไรกันตอนนี้เหล่าจางมีความรู้สึกเช่นนี้ แต่เขาก็ยังรู้สึกเหลือเชื่อตามสัญชาตญาณ นี่ไม่ได้เป็นเพราะเถ้าแก่พูดให้กำลังใจเขาหรอกใช่ไหม
เขารู้ดี โจวเจ๋อไม่ชอบเรื่องประเภทนี้เป็นอย่างมาก โจวเจ๋อมีนิสัยเกียจคร้าน เป็นประเภทฉันแค่อยากนอนอาบแดดอยู่ตรงนี้ ไม่มี ‘ความตระหนักรู้’ และไม่สนใจว่าข้างนอกจะเกิดภัยพิบัติอย่างไร
“เถ้าแก่ไปเป็นเพื่อนผมสักครั้งเถอะ ผมรู้สึกว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ธรรมดา”
“ผมเลือก…”
“เถ้าแก่ ผมเป็นยมทูต คุณก็ต้องพาผมไปทำความคุ้นชินกับงานบ้างไม่ใช่เหรอ”
“เหล่าจาง ถึงแม้ร่างกายนี้ของคุณจะอายุสามสิบปี แต่สองชาติของคุณรวมกัน ก็อายุเกือบห้าสิบปีแล้ว คุณรู้ไหมว่าคุณอ้อนทำตัวแอ๊บแบ๊วอย่างนี้ให้ความรู้สึกยังไง”
“ไม่ใช่ พอนึกถึงงานวัดถ้าหากเกิดอุบัติเหตุอะไร ผมคงรู้สึกไม่สบายใจ ตอนจัดงานวัดคนเยอะมาก ถ้าหากเกิดความวุ่นวายขึ้นมา ต่อให้เป็นการเหยียบกัน ก็ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงอย่างหนึ่ง”
นี่คือความคิดและตรรกะของเหล่าจางที่ไม่เหมือนโจวเจ๋อและคนอื่นในร้านหนังสือ ในฐานะตำรวจอาชญากรรมอาวุโสคนหนึ่ง จากความรู้และความเข้าใจของเขา เหตุการณ์ทั่วไปมักจะมีระดับของความอันตราย และเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับคนกลุ่มใหญ่เช่นนี้ คือระดับสูงสุด
จะพูดว่าเหล่าจางคิดแต่จะรักษาความสงบมั่นคงก็ไม่ได้ ในความเป็นจริง ตำรวจที่ทำงานสายนี้เป็นเวลานานจะรู้ว่ายามที่กลุ่มคนมากระจุกอยู่รวมกัน หากเกิดความชุลมุน จะเกิดผลเสียที่น่ากลัวมากมายแค่ไหน
“โอเค คุณไปสืบตัวตนของชายชราคนนั้น…”
เวลานี้ นักพรตเฒ่ายกมือขึ้น เอ่ยว่า “เถ้าแก่ ไม่ต้องสืบแล้ว ข้ารู้ว่าน้องชายคนนั้นเป็นใคร” ขณะที่พูด นักพรตเฒ่าชูโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วพูดต่อ “ข้าล็อกอินไปที่บอร์ดเชิดสิงโตของทงเฉิง บอร์ดนี้มีคนน้อยมาก มีคนติดตามไม่กี่คน แต่โพสต์ที่เห็นอยู่ตอนนี้ มีแต่โพสต์ไว้อาลัย รูปภาพที่อยู่ในนั้น ก็คือชายชราที่อยู่ในร้านหนังสือของพวกเราตอนนี้
เหล่าจางรับโทรศัพท์มาเปิดดูโพสต์ ‘ขอไว้อาลัยต่อการจากไปของอาจารย์หลี่ว์เย่าจู่ศิลปินเชิดสิงโตในเมืองของพวกเรา…’
เวลานี้ ชายชราที่เชิดสิงโตคนนั้นจู่ๆ ก็ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้โดยไม่ให้สุ้มให้เสียง ดูหน้าจอโทรศัพท์พร้อมกับเขา แล้วพูดยืนยันว่า “ถูกแล้ว เป็นผม”
“โอ๊ย…” เหล่าจางมือสั่นเล็กน้อย เขาที่ไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตอย่างยมทูตเท่าไร เวลานี้รู้สึกตื่นเต้นเหมือนได้สัมผัสภาพยนตร์ผีจริงๆ
“พวกเราจะไปบ้านของคุณ ศพของคุณตอนนี้เผาไปแล้วใช่ไหม” เหล่าจางถาม แปลกมากจริงๆ ถามคำถามกับผี…
อาจารย์หลี่ว์เย่าจู่ไม่ตอบ แต่ใช้สองมือของตัวเองชูขึ้นไป ร่ายรำพลางเอ่ยว่า “ราชาสิงโตโกรธแล้ว ราชาสิงโตโกรธแล้ว ราชาสิงโตโกรธแล้ว …” เสียงแหบแห้งและน่าสงสาร เหมือนวิทยุเครื่องเก่าที่ปรับเสียงดังสุดแล้ว ดังก้องไปทั่วม่านราตรี
“นี่คือสื่อวิญญาณเหรอ” สวี่ชิงหล่างถือน้ำบ๊วยอยู่ในมือหนึ่งแก้วค่อยๆ ชิมขณะที่พูด
โจวเจ๋อเห็นน้ำบ๊วย ก็ยื่นมือแย่งแก้วมาจากในมือของสวี่ชิงหล่างโดยตรง ดื่มไปหนึ่งคำ รสชาติหวานสดชื่นที่คุ้นเคย ความหดเกร็งของกระเพาะที่คุ้นชิน เป็นรสชาติที่ทำให้หวนคิดถึงอดีตอย่างลึกซึ้ง
“สื่อวิญญาณอะไร” เหล่าจางเหมือนเด็กขี้สงสัย อยากขอความรู้อย่างจริงจัง ราวกับว่าเขาได้ย้อนกลับไปตอนที่เป็นเด็กใหม่เข้ามาทำงานกับทีมตำรวจอาชญากรรมในตอนนั้น
“ก็คือคุณทำงานบางอย่างเป็นเวลานาน จนอาจจะเกิดการตอบสนองกับบางสิ่งบางอย่างในสายงานของคุณ ชายชราคนนี้ น่าจะมอบทั้งชีวิตของตัวเองเพื่อสืบทอดการเชิดสิงโตโดยเฉพาะ ดังนั้นหลังจากเขาตาย จึงรับรู้ถึงบางสิ่งท่ามกลางความมืดมิด พวกเรามองเขาเหมือนคนบ้า แต่เขาเพียงแค่ใช้วิธีที่ตัวเองสามารถทำได้ในตอนนี้เตือนพวกเรา”
“ดังนั้น คือสื่อสารกับราชาสิงโตใช่ไหม”
“อันนี้ผมไม่รู้แล้ว แต่ราชาสิงโตเป็นแค่คำเรียกขานเท่านั้น ก็เหมือนสัตว์วิเศษ เหมือนเทพเจ้าแห่งท้องทะเลคนนั้นของผม ใครจะไปรู้ว่ามันเป็นตัวอะไร กระทั่งอาจจะเป็นความความเชื่อที่สืบทอดต่อกันมานับร้อยนับพันปี เหมือนกับ…”
สวี่ชิงหล่างหัวเราะ ไม่พูดต่อว่าเหมือนกับอาจารย์ของเขา
“อ้อใช่ เหล่าสวี่ มุกเม็ดนั้น นายพบเห็นอะไรบ้างไหม” โจวเจ๋อถาม
หลังจากกลับมาจากเสฉวนแล้ว ต่อมาก็ต้องจัดการปัญหาเรื่องอาจารย์ของสวี่ชิงหล่าง ประเด็นสำคัญคือเขาคนนั้นแวบเก่งเกินไป ก่อนที่เขาจะแวบมาหาอีกครั้งหน้า ต้องจัดการเขาทิ้งก่อน
สวี่ชิงหล่างส่ายหน้า กล่าวว่า “ยังไม่ได้อะไรชั่วคราว วันพรุ่งนี้ผมจะเริ่มเตรียมการใหม่ แต่ต้องรอพวกคุณกลับมาก่อนแล้วผมจะลองสัมผัสดูอีกครั้ง ผมกลัวว่าถ้าไปกระตุ้นมันเข้าแล้ว…”
“อ้อ ก็จริง” โจวเจ๋อพยักหน้า ถ้าหากตัวเองและคนอื่นไม่อยู่ เหล่าสวี่ลองเชื่อมต่อกับอาจารย์ของเขาในร้านหนังสือ และถูกกระตุ้นขึ้นมาจริงๆ ทำให้อาจารย์ของเขาเป็นศพเด้งขึ้นมา เมื่อไม่มีตัวเองกับเจ้าโง่เฝ้าอยู่ในร้านหนังสือ อาจจะซวยขึ้นมาจริงๆ ก็เป็นได้
ถ้าเป็นเหล่าจาง…อย่างน้อย เหล่าจางในตอนนี้ก็ยังสู้ไม่ไหว ตอนที่โจวเจ๋อกับสวี่ชิงหล่างพูดคุยกัน เหล่าจางเดินตามการเคลื่อนไหวของชายชราที่เชิดสิงโตคนนั้น ถามเขาไม่หยุด แต่อาจารย์เชิดสิงโตกลับพึมพำไม่หยุดเหมือนกัน “ราชาสิงโตโกรธแล้ว ราชาสิงโตโกรธแล้ว”
“ส่งลงนรกไปเถอะ ยังไงก็ถามไม่ได้อะไรหรอก หากปล่อยให้อยู่ในโลกมนุษย์ ผมกลัวว่าวิญญาณของเขาจะมีปัญหา” โจวเจ๋อเดินไปข้างชายชรา แล้วจับไหล่ของชายชรา “ลงไปเถอะครับ คำเตือนของคุณ พวกเรารับทราบแล้ว”
ร่างกายของชายชราเหี่ยวเฉาในทันใด อ้าปากกว้างเอ่ยว่า “ราชาสิงโตโกรธแล้ว ราชาสิงโตโกรธแล้ว เฮ้อ ราชาสิงโตโกรธแล้ว ราชาสิงโตโกรธแล้ว”
โจวเจ๋อเปิดประตูนรก ครั้งนี้ชายชราไม่ขัดขืน เป็นฝ่ายเดินเข้าไปด้วยตัวเอง แต่ก่อนที่จะก้าวเท้าอีกข้างหนึ่งจู่ๆ ชายชรากลับหยุดชะงัก หันกลับมามองโจวเจ๋ออย่างตั้งใจ พร้อมกับถามอย่างจริงจัง “ลงไปแล้ว ยังเชิดสิงโตได้ไหม”
โจวเจ๋อลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยังตอบว่า “ในใจมีสิงโต อยู่ที่ไหนก็เชิดได้ครับ”
ชายชราแสดงสีหน้าชื่นชมบนใบหน้า แหงนหน้าขึ้น แล้วพูดอย่างปลงอนิจจัง “เป็นประโยคที่โคตร…ไร้สาระ”
……………………………………………………………………….