ตอนที่ 642 ทำสัญญาฟ้าดิน
ฉินหลิวซีตามเหนียนโหย่วเหวยมายังบ้านตระกูลเหลย ในตอนที่เขาเคาะประตู นางมองไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของบ้านตระกูลเหลย พลังหยินกำลังรวมตัว แสดงสัญญาณของวิญญาณชั่วร้าย
แย่แล้ว
ด้านในมีเสียงเท้าฝีเดินมาเปิดประตู เป็นสตรีแต่งกายในชุดสาวใช้คนหนึ่ง มองสำรวจทุกคน “พวกท่านมาหาผู้ใด”
เหนียนโหย่วเหวยก้าวขึ้นมา เอ่ย “ข้าคือเหนียนโหย่วเหวยสหายร่วมห้องเรียนของพี่เหลย ครั้งนี้สอบได้จิ้นซื่อ ตั้งใจมาเยือน ช่วยเข้าไปแจ้งด้วยเถิด”
“ไม่ทันแล้ว” ฉินหลิวซีหันไปทางบ่าวรับใช้ “ทิศตะวันตกเฉียงเหนือคือที่พักผู้ใด”
บ่าวรับใช้มองไปตามทางที่นิ้วของนางชี้ไป เอ่ยตอบ “นั่นคือเรือนของนายหญิงผู้เฒ่า”
“ข้านำเข้าไปก่อน” ฉินหลิวซีเดินเข้าไป มุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางของพลังหยินชั่วร้าย
“เฮ้ยๆ ท่านผู้นี้ไยจึงบุกรุก…”
เหนียนโหย่วเหวยเห็นบ่าวรับใช้จะเข้าไปขวางก็รีบดึงนางเอาไว้ เอ่ย “อย่าเพิ่งกวน เดี๋ยวจะให้พี่เหลยตบรางวัลให้เจ้า”
เขาเอ่ยจบก็จูงมือเถิงเจาตามเข้าไป
บ่าวรับใช้แทบเป็นบ้า รีบตามเข้าไปด้วยความโกรธ คนพวกนี้บุกเข้ามาเช่นนี้ได้อย่างไร
บ้านตระกูลเหลยไม่ใหญ่ เป็นเพียงบ้านขนาดเล็กที่มีสองทางเข้า ไม่นานฉินหลิวซีก็หาเรือนของนายหญิงผู้เฒ่าเหลยเจอ ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวด้านใน รีบพุ่งเข้าไป
“เจ้าชั่ว”
นางเข้าประตูไป เห็นภาพที่เกิดขึ้นด้านใน สองนิ้วหยิบยันต์ต่อสู้เอาไว้ สะบัดออกไปยังร่างของชายผอมบางที่หันหลังให้นาง
ฉึก
ชายผู้นั้นถูกโจมตี วิญญาณสั่นไหว มือที่บีบคอหวงซื่ออยู่คลายออก
หวงซื่อร่วงลงมา กุมลำคอหอบหายใจลึก ไอออกมาหลายครั้ง สายตาหวาดกลัว แต่เมื่อเหลือบมองเห็นแม่สามีที่เป็นลมอยู่อีกฝั่งก็รีบคลานเจ้าไปหา ประคองนางขึ้นมา “ท่านแม่ ตื่นเจ้าค่ะ”
ฉินหลิวซีเดินเข้าไป บังเอิญปะทะเข้ากับเหลยหมิงที่หันกลับมาพอดี
“เหอะ”
เท้านางชะงัก มองพิจารณาเหลยหมิงตั้งแต่หัวจรดเท้าขึ้นลง ใบหน้ายากที่จะเอ่ยวาจาออกมา
อีกฝ่ายอยู่ในชุดสีขาว สวมสายคาดเอวสีแดงปักลายเมฆา ใบหน้าโบกแป้งสีขาวหนึ่งชั้น ผมม้วนเป็นมวยปักด้วยปิ่นปักผมดอกโบตั๋นสีชมพู
หนุ่มปักดอกไม้หรือ
ฉินหลิวซีนึกถึงภาพลักษณ์ของบุรุษในบางยุคสมัยที่มีการปักดอกไม้ ไม่ได้จะเอ่ยถึงว่ารับได้หรือไม่ เพียงแต่ใบหน้าขาวอย่างกับผี ท่าทางราวกับสตรีในยุคสมัยต้าเฟิง แปลกประหลาดอยู่สักหน่อย
เหลยหมิงมองเห็นความตกใจในดวงตาของนาง คิ้วที่ตั้งใจเขียนขมวดขึ้น กำลังจะขยับตัว
“อย่าขยับ เพียงเจ้าขยับ ผงแป้งที่เจ้าโบกเอาไว้บนใบหน้าจะลอยลงมา” ฉินหลิวซียกมือขึ้นห้ามเขา
คนผู้นี้ราวกับนำแป้งทั้งตลับโบกเอาไว้บนใบหน้า คนตายไปหลายวันยังไม่หน้าขาวเท่าเขา
ใบหน้าเหลยหมิงบิดเบี้ยว “เจ้าเป็นใครกัน”
“อ่า”
เหนียนโหย่วเหวยมาถึงทันเวลา มองการแต่งตัวของเหลยหมิง ตกใจจนร้องตะโกนออกมา “พี่เหลย ท่าน นี่ท่าน…”
ผีที่สิงอยู่ในร่างของพี่เหลย เป็นผีผู้หญิงอย่างนั้นหรือ
เถิงเจาคว้าเขาเอาไว้ ไม่ให้เขาสะดุดล้มลงไปกองกับพื้น เหลือบมองเหลยหมิงเล็กน้อย เอ่ย “ประวัติศาสตร์เว่ยจิ้นมีบุรุษทาหน้าด้วยแป้งสีขาว สมัยซ่งมีบุรุษปักดอกไม้ มีสิ่งใดแปลกประหลาดกัน”
เพียงแต่คนผู้นี้ทาขาวเกินไปสักหน่อย คงกลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้ว่าเขาเป็นผีที่ตายไปแล้ว
ใบหน้าเหนียนโหย่วเหวยร้อนขึ้นมา เขาถูกเด็กดูถูกแล้ว
เขามองไปยังหวงซื่อที่อยู่บนพื้น รีบเดินเข้าไปหา “พี่สะใภ้ พวกท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
หวงซื่อรู้จักเขา เมื่อก่อนเคยมาบ้านอยู่สองสามครั้ง คุ้นเคยกับสามีเป็นอย่างดี ครั้งนี้ก็สอบได้จิ้นซื่อด้วยเช่นกัน เมื่อมองเห็นเขาราวกับมองเห็นแสงสว่าง น้ำตาไหลทะลักออกมา
“น้องเหนียน” หวงซื่อกอดแม่สามีเอาไว้ มองไปยัง ‘สามี’ ด้วยความหวาดกลัว เมื่อครู่เขาคิดสังหารนางแล้ว
ฉินหลิวซีมองเหลยหมิงตรงหน้า หัวคิ้วขมวดขึ้น สีหน้าไม่น่ามองขึ้นมา
และเหลยหมิงผู้นั้น เมื่อเห็นสายตาของนางกลับรู้สึกโมโหขึ้นมา
ยังไม่เอ่ยถึงยันต์นั่นทำให้วิญญาณของเขาสั่นไหว เพียงสายตาที่มองมาของนางก็ทำให้เขารู้สึกระแวดระวังถึงอันตราย
คนตรงหน้านี้ไม่อาจล่วงเกินได้ง่ายๆ
“ไต้ซือ ช่วยบุตรชายข้าด้วย” นายหญิงผู้เฒ่าเหลยที่ถูกหวงซื่อปลุกให้ตื่น อีกทั้งรู้จากเหนียนโหย่วเหวยว่าฉินหลิวซีคือนักพรตจากอารามเต๋า จึงรีบร้องไห้อ้อนวอน “ไม่รู้ปีศาจวิญญาณร้ายมาจากที่ใดมาสิงร่างบุตรชายของข้า”
เหลยหมิงไม่เอ่ยวาจา สีหน้าเรียบนิ่ง
ฉินหลิวซีมองเขา เอ่ย “เจ้ากับเหลยหมิงทำสัญญาฟ้าดินหรือ”
ทุกคนชะงักไป
ดวงตาเหลยหมิงเป็นประกาย ยิ่งมีท่าทีสงบยิ่งขึ้น เอ่ย “ดูเหมือนเจ้าจะเป็นเทียนซือที่มีความสามารถ ปราดเดียวก็มองออกแล้ว”
ใบหน้าฉินหลิวซีทะมึนลง ไม่แปลกใจที่คนผู้นี้ไร้ความเกรงกลัว ต่อให้เข้ามาสิงยึดร่างโดยที่เจ้าของร่างยังอยู่ก็ไม่มีสิ่งใดเข้ากันไม่ได้หรือมีการต่อต้าน ที่แท้ก็เป้นเพราะทำสัญญาฟ้าดินแล้ว
เมื่อทำสัญญาฟ้าดิน ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นโดยได้รับความยินยอมจากสวรรค์และโลกมนุษย์ ยามที่เขาเข้ามายึดร่างเองก็เช่นกัน
ดังนั้นเหลยหมิงถูกยันต์ต่อสู้โจมตีเข้าไป แม้จะหวาดกลัว เขาก็ยังไม่มีความหวั่นเกรง
“สัญญาฟ้าดินคืออะไรหรือ” เหนียนโหย่วเหวยเอ่ยถามเสียงเบาขึ้นมาหนึ่งประโยค
เถิงเจาเอ่ยเสียงเข้ม “ก็คือทำสัญญาฟ้าดินขึ้นด้วยความเต็มใจของทั้งสองฝ่าย เมื่อทำสัญญาสำเร็จ ต่อให้เหลยหมิงตัวปลอมผู้นี้ยึดครองร่างและวิญญาณของเหลยหมิงตัวจริง สวรรค์และโลกก็จะไม่ลงโทษอะไรใดๆ กับเขา เพราะมีการทำสัญญา ได้รับการยินยอมจากสวรรค์และโลกมนุษย์”
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเคยเห็นในห้องตำราของอาราม
สิ่งนี้ยุ่งยากเสียยิ่งกว่าการสิงร่างทั่วไปอีก
นายหญิงผู้เฒ่าเหลยได้ฟังก็ร้องเรียกหมิงเอ๋อร์แล้วเป็นลมไปอีกครั้ง
หวงซื่อเองก็ตกใจไม่น้อย วิงเวียนขึ้นมา กัดลิ้นหนักๆ กลิ่นคาวเลือดคลุ้งอยู่ในปาก มองเหลยหมิงนิ่ง
ทำไมกัน ไยสามีต้องทำสัญญาฟ้าดินกับคนผู้นี้
เขาไม่คิดถึงผลที่จะตามมา ไม่คิดถึงครอบครัวหรือ
เหนียนโหย่วเหวยเองก็ตกใจ เอ่ยออกมา “พี่เหลย หากท่านถูกบีบบังคับท่านก็ส่งเสียงออกมาเถิด ไต้ซือมาแล้ว”
ดวงตาของเหลยหมิงกวาดมองมา
เหนียนโหย่วเหวยตัวสั่น สองขาสั่นระริก แทบจะหลบไปอยู่หลังเถิงเจาแล้ว
“สัญญาฟ้าดินคนธรรมดาทั่วไปไม่รู้จัก เจ้าเป็นผีอะไร หรือเป็นคนในลัทธิเต๋า” ฉินหลิวซีเอ่ยถามหน้านิ่ง “เจ้าล่อลวงให้เหลยหมิงทำสัญญา เป้าหมายเพื่อยึดครองร่างหรือ”
เหลยหมิงหัวเราะขึ้นมา “เรื่องที่ยินยอมทั้งสองฝ่าย จะบอกว่าล่อลวงได้อย่างไรกัน”
“ยินยอมทั้งสองฝ่ายหรือ เจ้าไม่ได้ใช้การหลอกล่อเลยสักนิดหรือ” ฉินหลิวซียิ้มหยัน
เหลยหมิงชะงัก
“เจ้ารับปากจะสอบแทนเขา เพื่อให้ผ่านเข้ารอบใช่หรือไม่”
ดวงตาของเหลยหมิงหรี่ลง
หวงซื่อเอ่ยตะกุกตะกัก “จะเป็นไปได้เช่นไร”
เหนียนโหย่วเหวยหัวใจหนักอึ้ง เอ่ย “พี่สะใภ้ ก่อนที่จะเข้าสอบ พี่เหลยจิตใจไม่สงบ กลัวว่าจะสอบตกอย่างเช่นหลายครั้งก่อนหน้านี้”
หวงซื่อใบหน้าซีดขาว
“ไม่ผิด หากไม่ใช่เพราะความกังวลของเขาก็คงไม่อาจปลุกข้าขึ้นมาได้ เขาปรารถนามีชื่อในการประกาศผล สอบได้จิ้นซื่อ ข้าได้กลับมาชื่นชมความครึกครื้นบนโลกใบนี้อีกครั้ง ทำสัญญากัน ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ยุติธรรมยิ่งแล้ว” เหลยหมิงไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย
ฉินหลิวซียิ้มเย็น “แต่เจ้าไม่ได้บอกถึงความหมายที่แท้จริงในการทำสัญญาฟ้าดินกับเขา ยิ่งไม่เอ่ยให้ชัดเจนว่าเจ้าจะยึดครองร่างกายของเขา ยึดครองทุกอย่างของเขา รวมทั้งจิตวิญญาณ”
“อะไรนะ วิญญาณของสามีข้าไม่อยู่แล้วหรือ” หวงซื่อตกใจจนหน้าถอดสี ร่างกายอ่อนยวบ เป็นลมล้มไปกับพื้น
เดิมเหนียนโหย่วเหวยก็นั่งประคองร่างนายหญิงผู้เฒ่าเหลยอยู่บนพื้น เห็นหวงซื่อเป็นเช่นนี้ รู้สึกปวดหัวขึ้นมา เอ่ย “เจ้าอาวาสน้อย อย่าได้เสียเวลาพูดมากกับเขา ลงมือเถิด”
ทุกคน “!”