ตอนที่ 248 อี๋เหนียง
ลั่วเซิงชะงักฝีเท้า ถามด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “อี๋เหนียงคนไหนหรือ”
“อี๋เหนียงใหญ่อย่างไรเจ้าคะ” โค่วเอ๋อร์ไม่รู้สึกแปลกใจที่ลั่วเซิงถามเช่นนี้
สิ่งที่คุณหนูสนใจไม่เคยเหมือนสตรีนางอื่นอยู่แล้ว แค่นางสามารถแยกอี๋เหนียงเหล่านั้นออกได้ก็ไม่เลวแล้ว
โค่วเอ๋อร์รู้สึกว่าการพูดคุยถึงอนุของแม่ทัพใหญ่ไม่ค่อยจะเหมาะนัก นางจึงลดเสียงลงเอ่ยเสริมให้อย่างใส่ใจว่า “อี๋เหนียงใหญ่เดิมทีก็เป็นสาวใช้ที่ติดตามฮูหยินมาตอนแต่งงาน คอยช่วยจัดการงานในบ้านตั้งแต่ฮูหยินยังมีชีวิตอยู่ ได้ยินว่าตอนฮูหยินเสียชีวิต อี๋เหนียงใหญ่กำลังตั้งครรภ์อยู่ทีเดียว นางร้องไห้อย่างหนักเพราะเสียใจมากเกินไป สุดท้ายเลยแท้ง…”
“เช่นนั้นหรือ” ลั่วเซิงนึกย้อนถึงหน้าตาของอี๋เหนียงใหญ่
ภาพสตรีในอาภรณ์สีอ่อน ท่าทางสุขุมผึ่งผายแล่นเข้ามาในหัว
จะว่าไปอี๋เหนียงใหญ่แทบจะเหมือนไม่มีตัวตนอยู่ เลือนรางจนคล้ายภาพสีน้ำหมึกที่ซีดจาง
แต่พอลองคิดดูโดยละเอียด เอาเข้าจริงก็เป็นสตรีที่หน้าตาหมดจดงดงามคนหนึ่ง
ลั่วเซิงนิ่งไปพักหนึ่ง พอเดินเข้าเรือนเสียนอวิ๋นย่วนก็สั่งบ่าวไพร่ว่า “ไปส่งข่าวให้คุณหนูทั้งสามกับเหล่าอี๋เหนียงที บอกแค่ว่าวันนี้คุณชายน้อยได้รับบาดเจ็บ”
เวลานี้ถึงแม้จะล่วงเข้าสู่ยามราตรีแล้ว แต่กลับยังไม่ถึงเวลาเข้านอน ลั่วเฉินได้รับบาดเจ็บ จะให้คนไปบอกข่าวให้ถ้วนทั่วก็เป็นเรื่องสมควร
คุณหนูทั้งสามกับเหล่าอี๋เหนียงหากรู้เรื่องจะต้องไปเยี่ยมแน่นอน
แล้วก็เป็นอย่างที่ลั่วเซิงคิด พวกลั่วอิงพอรู้ข่าวก็แทบจะเปลี่ยนชุดไปยังเรือนของลั่วเฉินกันทันที
แม่ทัพใหญ่ลั่วเพิ่งมาเยี่ยมลั่วเฉินหลังจากกินขนมเปี๊ยะพันชั้นเสร็จ จู่ๆ เห็นบุตรสาวกับเหล่าอี๋เหนียงมากันกลุ่มใหญ่ก็อึ้งงันไปทันที
“นี่พวกเจ้ามา…”
อี๋เหนียงหกเช็ดหางตาพลางเอ่ยว่า “นายท่าน คุณชายน้อยได้รับบาดเจ็บเป็นเรื่องใหญ่ เหตุใดท่านถึงไม่บอกกับพวกเราเลยเล่า ยังเป็นคุณหนูที่ส่งคนมาบอกพวกเรา พวกเราถึงได้รู้เรื่อง”
“จริงด้วย นายท่าน เรื่องใหญ่เพียงนี้ท่านไม่ควรปิดบังพวกเรานะเจ้าคะ…”
พอเห็นเหล่าอี๋เหนียงพากันต่อว่าต่อขาน แม่ทัพใหญ่ลั่วก็หน้าบึ้งลงด้วยความรำคาญ
แค่ก้นถูกอะไรทิ่มเข้าใช่เรื่องใหญ่เรื่องโตเพียงนั้นเมื่อไรกัน
อี๋เหนียงพวกนี้เก่งแต่ทำให้เรื่องยุ่ง!
เหล่าอี๋เหนียงเห็นสีหน้าแม่ทัพใหญ่แต่กลับไม่นึกกลัวเท่าไรนัก
อี๋เหนียงหกม้วนผ้าเช็ดหน้า “นายท่าน ข้าน้อยได้ยินว่าคุณชายน้อยเป็นแผลที่ก้น เป็นอะไรมากหรือไม่เจ้าคะ”
ที่ก้นเชียวนะ หากว่าเบนออกไปสักนิด… ซี๊ด ไม่กล้าคิด ไม่กล้าคิด
อี๋เหนียงทุกคนดูจะคิดได้เหมือนกันเลยจ้องไปทางแม่ทัพใหญ่ลั่วกันใหญ่
คุณชายน้อยเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวในจวนตระกูลลั่ว ต่อไปพวกนางยังต้องหวังพึ่งคุณชายน้อยอยู่นะ จะให้เขาเป็นอะไรไม่ได้
แม่ทัพใหญ่ลั่วโกรธจนหน้าคล้ำ “เป็นมากบ้าอะไรเล่า พวกเจ้ารีบกลับไปเดี๋ยวนี้!”
“ยังไม่ได้พบคุณชายน้อยเลยนะ…”
ระหว่างที่อี๋เหนียงคนหนึ่งพูดอยู่นั้น บ่าวฝูซงก็รีบเดินออกมาจากในห้อง “คุณชายบอกว่าเขาพักผ่อนแล้ว เชิญคุณหนูและอี๋เหนียงทุกท่านกลับไปก่อนเถิดขอรับ”
ลั่วอิงเป็นคนแรกที่หันไปย่อเข่าให้แม่ทัพใหญ่ลั่ว “ท่านพ่อ เช่นนั้นลูกขอตัวกลับก่อน วันพรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยมน้องชายอีกที”
พอลั่วอิงไป ลั่วฉิงกับลั่วเย่ว์ก็ตามไปด้วย
“นายท่าน พวกเราก็ขอตัวกลับด้วย พรุ่งนี้เช้าจะค่อยมาเยี่ยมคุณชายน้อยอีกที” อี๋เหนียงใหญ่ที่เงียบมาตลอดเอ่ยขึ้น
อี๋เหนียงพากันกลับไปด้วยความเป็นห่วง
คงไม่ได้เจ็บหนักเกินไปจนไม่ยอมให้พวกนางเยี่ยมหรอกกระมัง
ไม่ได้การแล้ว พรุ่งนี้ต้องรีบมาแต่เช้า
แม่ทัพใหญ่ลั่วยกเท้าเดินเข้าไปในห้อง
ลั่วเฉินโมโหจนหน้าซีด พอเห็นแม่ทัพใหญ่ลั่วเข้ามาก็ไม่พูดไม่จาสักคำ
คราวนี้ดีเลย นายบ่าวทั้งจวนรู้กันหมดแล้วว่าเขาเป็นแผลที่ก้น
เพราะลั่วเซิงคนเดียว!
พอนึกด่าไปในใจ เด็กหนุ่มก็รู้สึกว่าไม่สมควร
อันที่จริงลั่วเซิงทำไปเพราะหวังดี ว่าไปแล้วเป็นเพราะอนุที่ท่านพ่อรับมามีมากเกินไปต่างหาก
เมื่อคิดเช่นนี้ลั่วเฉินจึงขมวดคิ้วมองแม่ทัพใหญ่ลั่ว
“เฉินเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง ยังเจ็บอยู่หรือไม่ พ่อเอายาสมานแผลชั้นดีมาให้สองขวด อีกเดี๋ยวให้ฝูซงมาใส่ยาให้เจ้านะ”
ลั่วเฉินตอบเสียงเรียบ “ขอบคุณท่านพ่อมาก แต่ไม่ต้องหรอกขอรับ หมอเทวดาให้ยาสมานแผลข้ามาขวดหนึ่งแล้ว”
“หมอเทวดา?” แม่ทัพใหญ่ลั่วอึ้งไป
ตรงข้ามหอสุราแห่งหนึ่งมีโรงหมอมาเปิดใหม่ เรื่องนี้เขารู้และรู้ว่าเจ้าของโรงหมอนั่นคือหมอเทวดาหลี่
แต่หมอเทวดาหลี่ถึงกับให้ยาสมานแผลเฉินเอ๋อร์เชียวหรือ
“โรงหมอของหมอเทวดาอยู่ฝั่งตรงข้ามเอง พอลูกบาดเจ็บ พี่สาวก็ไปเชิญท่านหมอเทวดามาให้” ลั่วเฉินอธิบายให้ฟัง
แม่ทัพใหญ่ลั่วจมสู่ความเงียบ
หลังจากเขาโดนลอบสังหาร เขานอนอยู่บนเตียงไม่รู้ว่าเป็นหรือตายอยู่ตั้งหลายวัน พวกผิงลี่ไปเชิญหมอเทวดาอยู่หลายครั้งก็ยังเชิญมาไม่ได้ หากไม่ใช่เพราะเซิงเอ๋อร์กลับมาทัน เขาคงได้ทิ้งชีวิตตัวเองไปแล้ว
แต่เฉินเอ๋อร์แค่บาดเจ็บที่ก้น เซิงเอ๋อร์ไปเชิญก็มาทันที ซ้ำยังให้ยามาอีก…
หน้าของเขากับเซิงเอ๋อร์ต่างกันมากเพียงนั้นเชียวหรือ
เขาขอทำใจหน่อย
“ลูกไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วง รีบกลับไปพักผ่อนเถิดขอรับ”
แม่ทัพใหญ่ลั่วพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดี เจ้าก็รักษาตัวให้ดี สองสามวันนี้ไม่ต้องไปที่หอสุราแล้ว”
พอคิดว่าจะไม่ได้ไปที่หอสุรา จิตใจลั่วเฉินก็ยิ่งหอเหี่ยวจึงตอบรับเพียงแกนๆ
แม่ทัพใหญ่ลั่วเข้าใจความรู้สึกบุตรชายยิ่งนัก
หากเปลี่ยนเป็นเขาที่วันๆ ได้กินอาหารรสเลิศที่หอสุราทุกวันแล้วจู่ๆ ไม่ได้ไป เขาคงอารมณ์ไม่ดียิ่งกว่านี้
พอแม่ทัพใหญ่ลั่วไปแล้ว ลั่วเฉินก็กำชับฝูซงว่า “หากพรุ่งนี้พวกอี๋เหนียงมาเยี่ยมข้า ให้บอกไปว่าข้ายังหลับอยู่”
แค่คิดว่าสตรีมากเพียงนั้นเป็นห่วงแผลที่ก้นเขา เขาก็รำคาญแล้ว
“เช่นนั้นหากคุณหนูสามมาเล่าขอรับ”
ลั่วเฉินหันไปส่งสายตาดุให้ฝูซง
ฝูซงเข้าใจทันที “เข้าใจแล้ว ให้บอกว่าท่านยังหลับอยู่”
ลั่วเฉินยิ่งหน้าบึ้งกว่าเดิม
ฝูซงลังเลเอ่ยว่า “เช่นนั้น… เชิญคุณหนูสามเข้ามา?”
ลั่วเฉินไม่ได้บอกว่าใช่ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าไม่ใช่ เพียงเอ่ยเสียงเรียบว่า “ไปรินน้ำมาให้ข้าถ้วยหนึ่ง”
ฝูซงมุมปากกระตุกเล็กน้อย
เขามองออกแล้ว กับคุณหนุสามคุณชายปากแข็งแต่ใจดี
เฮ้อ บ่าวข้างกายก็เป็นยากเหมือนกันนะนี่
ระหว่างเหล่าอี๋เหนียงกำลังเดินกลับ หงโต้วก็เข้ามาขวางไว้
“อี๋เหนียงทุกท่านออกมาจากเรือนของคุณชายน้อยกระมัง”
อี๋เหนียงทุกคนพยักหน้าด้วยใจที่หวาดระแวง
“อี๋เหนียงใหญ่ คุณหนูของข้าอยากเชิญท่านไปพบเพื่อถามเรื่องคุณชายน้อยสักหน่อยเจ้าค่ะ”
อี๋เหนียงใหญ่ไม่ได้ถามอะไรมาก เดินเข้าไปหาหงโต้ว
อี๋เหนียงหกเป็นห่วงว่าอี๋เหนียงใหญ่จะถูกทำให้ลำบากจึงทำใจกล้าถามว่า “เหตุใดคุณหนูถึงไม่ส่งคนไปดูคุณชายน้อยเองเลยเล่า”
หงโต้วปรายตามองอี๋เหนียงหก “คุณหนูคิดว่าคุณชายน้อยอาจจะพักผ่อนแล้วจึงไม่อยากรบกวนน่ะเจ้าค่ะ”
อี๋เหนียงใหญ่หันกลับไป “พวกเจ้ากลับกันไปก่อนเถิด”
“พี่หญิงใหญ่…”
อี๋เหนียงใหญ่ส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วเดินตามหงโต้วไป ทิ้งอี๋เหนียงคนอื่นๆ ให้กังวลหนักกว่าเดิม
“ไม่ทราบว่าคุณหนูเรียกข้ามาด้วยเรื่องอันใดหรือ” เมื่อมาอยู่ต่อหน้าลั่วเซิง อี๋เหนียงใหญ่ถามขึ้นด้วยท่าทีสงบนิ่ง
“อี๋เหนียงใหญ่เชิญนั่งก่อน”
อี๋เหนียงใหญ่นั่งลงเงียบๆ
“อี๋เหนียงใหญ่ได้พบน้องชายข้าหรือยัง”
“คุณชายน้อยพักผ่อนไปแล้วจึงไม่ได้พบ ได้แค่ถามอาการจากฝูซง”
ลั่วเซิงส่งสัญญาณบอกให้โค่วเอ๋อร์ยกน้ำชามาให้อี๋เหนียงใหญ่ ลั่วเซิงถือถ้วยชาพลางเอ่ยช้าๆ ว่า “อี๋เหนียงใหญ่เคยเป็นสาวใช้ของท่านแม่ข้าใช่หรือไม่”
อี๋เหนียงใหญ่อึ้งไปก่อนจะหลุบตาลง “ใช่เจ้าค่ะ”
“ท่านแม่ข้าเป็นคนอย่างไรหรือ”
อี๋เหนียงใหญ่นิ่งมองลั่วเซิง
เด็กสาวถือถ้วยชาอยู่ ท่าทางดูสบายๆ น้ำเสียงเกียจคร้าน ดูไม่ออกสัดนิดว่ากำลังคิดอะไร
ในความทรงจำของอี๋เหนียงใหญ่ นี่แทบจะเป็นครั้งแรกหลังจากนางหกขวบที่เอ่ยถามถึงฮูหยิน
อี๋เหนียงใหญ่ไม่ได้ตอบทันที ลั่วเซิงเลยนิ่งรออย่างอดทนเต็มที่
ในที่สุดอี๋เหนียงใหญ่ก็บอกว่า “ฮูหยินน่ะหรือ นางไม่เหมือนกับคุณหนูเลยแม้แต่นิดเดียว”