ตอนที่ 261 โชค
ผู้คนที่หูผึ่งคอยฟังเรื่องผู้อื่นหันขวับกลับไปอย่างพร้อมเพรียงทันที
ชายชราที่มีหนวดเคราและผมสีขาวแต่กลับมีพลังและแข็งแรงยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของถนน กำลังมองมาทางนี้ด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
หมอเทวดาหลี่ใบหน้าไร้อารมณ์ในใจกลับเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
ใครกันมาก่อกวน ทำให้วันนี้ส่งอาหารให้เขาช้าไป เขาถึงกับต้องออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
มีคนอุทานขึ้นท่ามกลางฝูงชนว่า “หมอเทวดา!”
เสียงอุทานนี้ทำให้เกิดความปั่นป่วนในทันที
ไม่มีผู้ใดในต้าโจวไม่รู้จักชื่อเสียงของหมอเทวดา แต่ผู้ที่เคยเจอหมอเทวดากลับมีไม่มากนัก
โอ้ สวรรค์ วันนี้โชคดีจริงๆ ได้เห็นหมอเทวดาด้วย!
นอกจากความตื่นเต้นดีใจแล้ว กลับไม่มีคนกล้าพุ่งเข้าไปหา
พูดเป็นเล่น หมอเทวดามีป้ายทองคำที่จักรพรรดิองค์ก่อนประทานให้คุ้มกาย ทั้งยังเป็นเทพเดินดินที่สามารถฟื้นคืนชีวิตผู้คนได้ ใครจะกล้ารบกวนเขา
หมอเทวดาหลี่เดินเอามือไพล่หลังเข้ามา
ขณะที่หมอเทวดาหลี่เดินเข้าไปใกล้ ผู้คนที่มุงดูก็หลีกทางให้โดยสัญชาติญาณ
หมอเทวดาหลี่เห็นลั่วเซิงและเห็นคุณหนูรองเฉียวที่คุกเข่าอยู่บนพื้น
คุณหนูรองเฉียวหันศีรษะไป มองชายชราที่เดินเข้ามาใกล้ นางลืมตอบสนองไปชั่วขณะ
นางรู้เพียงว่าท่านพ่อและท่านแม่ไปเชิญหมอเทวดาหลี่แต่ถูกปฏิเสธหลายครา กลับไม่เคยเห็นเทพผู้มีชีวิตในตำนานท่านนี้
คนนี้หรือหมอเทวดา
ลั่วเซิงย่อเข่าให้หมอเทวดาหลี่เล็กน้อย
หมอเทวดาหลี่ชี้ไปที่คุณหนูรองเฉียวที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ถามลั่วเซิงว่า “แม่นางน้อย คงไม่ใช่เพราะว่าวันนี้หอสุราโต๊ะเต็มตั้งแต่เช้า นางเลยขอร้องให้เจ้าหาโต๊ะให้หรอกนะ”
จู่ๆ คุณหนูรองเฉียวก็หน้าแดง โกรธจนทั้งร่างสั่นระริก
นางคิดว่าการคุกเข่าต่อหน้าลั่วเซิงขอร้องให้นางช่วยเหลือถือเป็นความอับอายแล้ว ตอนนี้เพิ่งรู้ว่าความอับอายและโกรธเคืองที่แท้จริงเป็นอย่างไร
อะไรคือขอให้หาโต๊ะให้ นี่ไม่เท่ากับว่าบอกว่านางมาขอข้าวกินหรือ!
ผู้คนที่มุงดูได้ยินคำพูดของหมอเทวดาหลี่ก็อดหัวเราะไม่ได้
ลั่วเซิงยิ้มเล็กน้อย “หมอเทวดาเข้าใจผิดแล้ว คุณหนูรองเฉียวไม่ได้มาขอให้ข้าช่วยหาโต๊ะ แต่มาขอให้ข้าช่วยเชิญท่านไปรักษา”
หมอเทวดาหลี่ขมวดคิ้วแน่น “หาข้าหรือ แล้วเหตุใดจึงคุกเข่าให้เจ้า”
ลั่วเซิงส่ายศีรษะอย่างหมดหนทาง “ข้าเองก็ไม่ทราบ คุณหนูรองเฉียวคุกเข่าให้ข้าแบบนี้ ทำให้ข้าเกือบเข้าใจผิดไปแล้วว่าข้าตัดสินใจแทนท่านได้”
เสียงพ่นลมหายใจเย็นชาดังขึ้น หมอเทวดาหลี่หน้าบึงตึงพูดว่า “ไม่มีใครตัดสินใจแทนข้าได้ว่าข้าจะทำอะไร”
ลั่วเซิงยิ้มให้คุณหนูรองเฉียว “คุณหนูรองเฉียว เจ้าได้ยินแล้วใช่หรือไม่ เจ้าอยากช่วยท่านพี่เจ้าเชิญหมอเทวดา หมอเทวดาอยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว อย่าทำให้ข้าผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องต้องลำบากใจเลย”
“เจ้า…” คุณหนูรองเฉียวทำท่าจะพูดอะไร รู้สึกเพียงว่ารอยยิ้มของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความประชดประชัน
ในที่สุดคนที่มุงดูก็ฉุกคิดได้ พึมพำว่า “คุณหนูรองเฉียวนี่ประหลาดจริงๆ หมอเทวดายืนอยู่ตรงหน้าแล้วยังไม่ขอร้อง คุกเข่าให้คุณหนูลั่วทำไมกัน”
“ข้าว่านะนางคงรู้ว่าเชิญหมอเทวดาไม่ได้ก็เลยตามตอแยคุณหนูลั่วอย่างไรเล่า”
“นี่ก็ไร้เหตุผลเกินไปแล้ว มีใครเขาบังคับผู้อื่นให้ช่วยเหลือกัน…”
คุณหนูรองเฉียวฟังคำซุบซิบที่เอนเอียงไปทางอีกฝั่งเหล่านี้ รู้ตัวว่าจะยื้อต่อไปไม่ได้ นางหันหลังคุกเข่าร้องไห้วิงวอนต่อหน้าหมอเทวดาหลี่ “หมอเทวดาโปรดช่วยพี่สาวข้าด้วยเถอะเจ้าค่ะ!”
หมอเทวดาหลี่ขมวดคิ้ว
ปกติเวลานี้เขาได้กินอาหารที่มีหอสุราส่งมาให้แล้ว เขารำคาญคนที่มารบกวนเวลากินข้าวของเขาที่สุด
“แม่นางน้อย เจ้ารู้กฎของข้าหรือไม่”
คุณหนูรองเฉียวพยักหน้าอย่างงงงัน
แน่นอนว่านางรู้กฎการขอเข้ารับการรักษาของหมอเทวดาหลี่
หากไม่ใช่เพราะมีกฎเข้มงวดเช่นนั้น ท่านพ่อท่านแม่จะล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าได้อย่างไร
สีหน้าหมอเทวดาหลี่เคร่งขรึมกว่าเดิม “ในเมื่อรู้ ก็จงทำตามกฎ คุกเข่าให้ข้าหรือผู้อื่นล้วนไร้ประโยชน์ กฎที่ข้ากำหนดไว้ แม้แต่ข้าเองก็ไม่ฝ่าฝืน แล้วไยข้าต้องฝ่าฝืนเพราะคุณหนูลั่วหรือผู้อื่นเล่า”
“แต่ว่าคุณหนูลั่ว…” คุณหนูรองเฉียวรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง
คิ้วสีขาวของหมอเทวดาหลี่ขมวดกันแน่นกว่าเดิม “เหตุใดนังหนูอย่างเจ้าจึงเอาแต่พูดถึงผู้อื่น ที่คุณหนูลั่วเชิญข้าได้ นางก็ย่อมทำตามกฎเช่นกัน หรือว่าเจ้าคิดว่านางคือหลานสาวของข้าหรือไร”
เขาไม่เคยแต่งงานมีลูก ชื่อเสียงนี้เขารับไม่ได้
คุณหนูรองเฉียวตาเป็นประกาย รีบพูดทันทีว่า “ผู้เยาว์มาขอร้องให้คุณหนูลั่วช่วยบอกว่านางมอบสิ่งของอะไรทำให้เข้าตาหมอเทวดาเจ้าค่ะ”
ลั่วเซิงยิ้มน้อยๆ “หากข้าไม่บอกจะกลายเป็นคนเลือดเย็นไร้ความปรานี เห็นคนตายแล้วไม่ช่วยใช่หรือไม่”
คุณหนูรองเฉียวน้ำตาไหล “คุณหนูลั่ว ได้โปรดช่วยข้าเถอะ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของล้ำค่าเพียงใด ตราบใดที่เจ้าพูดออกมา จวนเฉียวย่อมหาวิธีไปหามาให้ได้ แม้จะหามาไม่ได้ก็มิโทษผู้อื่น เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยสำหรับเจ้า…”
ลั่วเซิงหลุบมองเด็กสาวที่คุกเข่าขอร้อง แทบอยากจะปรบมือให้
จำต้องพูดว่า สตรีสูงศักดิ์ที่ทุ่มสุดตัวอย่างคุณหนูรองเฉียวนั้นมีไม่มากจริงๆ
บอกว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย คงคิดจะกัดนางไม่ปล่อยจริงๆ
ตามนิสัยเดิมของคุณหนูลั่ว นางคงเตะคุณหนูรองเฉียวลอยไปแล้ว แต่ว่าถึงอย่างไรนางก็ไม่ใช่คุณหนูลั่วที่ทำตามใจตนเองคนนั้นแล้ว
แม้ว่าคุณหนูรองเฉียวจะสร้างความยุ่งยากในที่สาธารณะ แต่สามารถกำจัดภาระอย่างเรื่องที่ว่านางสามารถเชิญหมอเทวดาออกไปได้ ก็จะสามารถหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้คนที่มีความคิดเหล่านี้หลั่งไหลเข้ามาไม่สิ้นสุดในอนาคต
“เป็นเรื่องเล็กน้อย…” ลั่วเซิงเอ่ยซ้ำทีละคำ เสียงดังขึ้นเล็กน้อย “เจ้าไม่ใช่ข้า มีสิทธิ์อะไรคิดว่าเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยสำหรับข้า คุณหนูรองเฉียว วิธีการขอความช่วยเหลือแบบนี้ของเจ้า ข้าไม่เห็นด้วยหรอกนะ แต่ว่าเจ้าคุกเข่าที่นี่ก็ขัดขวางการเปิดหอสุราของข้าจริงๆ เช่นนั้นข้าบอกเจ้าก็ได้”
เมื่อได้ยินลั่วเซิงพูดเช่นนี้ ทุกคนก็อดเงี่ยหูฟังไม่ได้
คุณหนูลั่วจะบอกเหตุผลที่นางเชิญหมอเทวดาได้แล้วหรือ ช่างเป็นข้อมูลที่ดีจริงๆ
ทว่าหมอเทวดาหลี่ดูสงบมากเลย
“ที่ข้าเชิญหมอเทวดาได้นั้นง่ายมาก เพียงแค่ส่งยาที่หมอเทวดาปรุงไว้เมื่อหลายปีก่อนที่ข้าได้มาโดยบังเอิญคืนกลับไป”
แค่นี้หรือ
ปฏิกิริยาแรกของทุกคนคือไม่เชื่อ พากันมองไปที่หมอเทวดาหลี่
หมอเทวดาหลี่พยักหน้าอย่างสงบ “ข้าจะสนใจอะไรก็ได้ เมื่อข้าเห็นยาที่ข้าเคยปรุงไว้เมื่อหลายปีก่อนก็รู้สึกคุ้นเคยจึงรับไว้”
ทุกคน “…”
พูดตามตรง หมอเทวดาทำแบบนี้ช่างเอาแต่ใจจริงๆ หากนี่ไม่ใช่หมอเทวดาคงรุมอัดไปยกหนึ่งแล้ว
“แม่นางน้อยโชคดี” หมอเทวดาหลี่ส่งสายตาลุ่มลึกให้ลั่วเซิงก่อนจะหันหลังเดินจากไป
หากไม่รีบส่งอาหารมาให้อีก เขาจะไม่เล่นด้วยแล้ว
ตอนนี้เขาเริ่มสงสัยแล้วว่านังหนูคนนี้ตั้งใจส่งอาหารช้าเพื่อให้เขาออกมาช่วยนาง!
สายตาของทุกคนมองตามหมอเทวดาหลี่ที่เข้าไปในโรงหมอตรงข้าม จากนั้นก็มองกลับมาทางเดิม
ลั่วเซิงยกมุมปากยิ้มๆ “พื้นเย็น คุณหนูรองเฉียวรีบกลับจวนไปเตรียมของที่หมอเทวดาหลี่สนใจเถอะ ขอให้เจ้าโชคดีเหมือนข้า”
คุณหนูรองเฉียวรู้ว่าอยู่ต่อไปก็ไร้ประโยชน์ นางใช้มือยันพื้นลุกขึ้น แต่กลับขาอ่อนล้มกลับไปบนพื้น
นางคุกเข่านานเกินไปจนขาชา
หงโต้วถ่มถุย “ไม่เคยเห็นคนหน้าด้านเช่นนี้เลย คุณหนูของเราบอกชัดเจนแล้วยังเกาะแกะไม่ยอมไป คงไม่ใช่อยากให้คุณหนูของเราให้ข้าวกินหรอกนะ”
คุณหนูรองเฉียวหน้าแดง แทบอยากจะมุดหน้าหนี
สาวใช้สองคนที่เข้าวังกับคุณหนูรองเฉียวเบียดตัวเข้ามาประคองนางขึ้นและรีบเดินจากไป
เมื่อเห็นว่าไม่มีละครให้ดูแล้ว ผู้คนก็แยกย้ายอย่างรวดเร็ว เรื่องๆ หนึ่งแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว นั่นก็คือที่แท้คุณหนูลั่วเชิญหมอเทวดาได้ไม่ใช่เพราะความสามารถ แต่เพราะโชคต่างหาก
จึ๊ๆ พึ่งโชคน่ะยากยิ่งกว่าเสียอีก ต่อไปหากเจออุปสรรคต้องไปกินอาหารที่มีหอสุราสักมื้อแล้ว เผื่อว่าจะมีโชคกับเขาบ้าง