ตอนที่ 750 การเชิดสิงโตของเถ้าแก่โจว
โจวเจ๋อนั่งรถของเหล่าจาง เหล่าจางหันไปมองเถ้าแก่ที่ได้แขนทั้งสองข้างกลับมาอย่างตั้งใจ มุมปากกระตุก “น่ามหัศจรรย์จริงๆ”
“ตอนที่มีเขาบนหัวของคุณ คุณจะยิ่งรู้สึกอัศจรรย์มากกว่า”
“…” เหล่าจาง
“ขับรถเถอะ หาตำแหน่งเจอแล้วใช่ไหม”
ภายใต้ข้อมูลที่มีทั้งชื่อ แซ่ รูปภาพ และอาชีพ การหาที่อยู่บ้านของคนคนนั้น จึงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“หาเจอแล้ว พวกเราตอนนี้ไปบ้านของเขาก่อนใช่ไหม”
“ใช่”
รถเคลื่อนตัวแล้ว เวลานี้ด้านนอกกลับมีหิมะค่อยๆ โปรยลงมา หิมะเล็กมาก มาพร้อมกับประกายแวววาว
“เถ้าแก่ ปกติคุณดูเชิดสิงโตไหม” เหล่าจางขับรถและถามไปพลาง
“เหล่าจาง ปกติคุณดูละครพูดไหม”
“ไม่ดู”
“เหมือนกัน”
โจวเจ๋อหยิบบุหรี่ออกมาสองมวน ตัวเองจุดหนึ่งมวน แล้วยื่นให้เหล่าจางหนึ่งมวน
เหล่าจางส่ายหน้า เอ่ยว่า “ตอนนี้สูบบุหรี่ขณะขับรถในทงเฉิงจะโดนถ่ายรูป”
“ไม่ว่ายังไงคุณโดนรถชนก็ไม่ตาย”
“…” เหล่าจาง
เมื่อเห็นว่าเหล่าจางปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด โจวเจ๋อจึงตามใจเขา เปิดหน้าต่างรถเองแล้วสูบด้วยตัวเอง พร้อมกับพูดว่า “การเชิดสิงโตที่ผมประทับใจมากที่สุดคือซีรีส์หวงเฟยหง ตอน ‘ถล่มสิงโตคำราม’ จำได้ว่าตอนเด็กโทรทัศน์ในห้องโถงเล็กของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชอบเปิดเรื่องนี้เป็นประจำ”
“ฮ่าๆๆ หนังเก่าแล้ว ผมก็ชอบดูเหมือนกัน โดยเฉพาะประโยคสุดท้าย พวกเราชนะการแข่งขันครั้งนี้ แต่กลับแพ้ให้ใต้หล้า”
“ดูเหมือนว่าทางกว่างตง กว่างซี แล้วก็ฮ่องกง มาเก๊าจะมีกิจกรรมการเชิดสิงโตค่อนข้างเยอะ ไม่ว่ายังไงตั้งแต่ผมออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนถึงตอนนี้ ก็ไม่เคยเห็นการแสดงเชิดสิงโตในทงเฉิงเลย”
แต่ทงเฉิงมีงิ้วท้องถิ่นอยู่อย่างหนึ่ง เรียกว่างิ้วถงจื่อ ทว่าตอนนี้มีแต่คนแก่ในท้องถิ่นที่ชอบไปฟัง บทบาทในตอนนี้ก็คือเวลาที่โปรโมตทงเฉิงให้ภายนอกรู้จัก มักจะพูดถึงสิ่งนี้สักหน่อย
“ถือว่าเป็นวัฒนธรรมท้องถิ่นที่เข้าถึงง่ายอย่างหนึ่ง” เหล่าจางพูดด้วยความรู้สึกปลงอนิจจัง
“ใช่ ถือว่าเข้าถึงง่าย”
หลายปีที่ผานมา มีการส่งเสริมอุตสาหกรรมวัฒนธรรมอย่างยิ่งใหญ่ในประเทศจีน ทำให้ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดถึงแม้ต้องแต่งเรื่องขึ้นมาก็ต้องทำให้ตัวเองมีชื่อเสียงให้ได้ แต่ศิลปะดั้งเดิมที่มีคุณค่าสูงหลายอย่าง ไม่สามารถเป็นที่นิยมในสายตาของคนหนุ่มสาวในประเทศจีนแล้ว จึงต้องตั้งเป้าหมายช่วยส่งเสริมวัฒนธรรมของประเทศไปสู่โลกภายนอก…
“ถึงแล้ว” เหล่าจางจอดรถหน้าประตูใหญ่ ที่นี่ไม่ถือว่าอยู่ในเขตเมือง อยู่เขตชานเมืองมากกว่า เป็นตึกเดี่ยวขนาดเล็กแนวตะวันตก ดูแล้วมีรสนิยม อย่างน้อยก็ไม่มีภาพลักษณ์ของศิลปินพื้นบ้านที่ยากจนไม่มีข้าวกินแบบนั้น
ประตูเหล็ก แขวนไว้ด้วยโคมไฟสีขาวสองอัน แต่อาจจะเพื่อป้องกันอัคคีภัย จึงไม่ได้ใช้เทียนไขแต่ใช้ไฟฟ้าแทน
เหล่าจางเดินเข้าไปกดกริ่งประตู ไม่นานนัก ผู้ชายวัยกลางคนใส่สูทสีดำคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านใน มองโจวเจ๋อกับเหล่าจางด้วยความสงสัยอยู่บ้าง แต่ไม่ได้ถามอะไร เปิดประตูเชิญทั้งสองคนเข้าไป
คำพูดที่เหล่าจางเตรียมมาไม่มีประโยชน์ทันที ผู้ชายวัยกลางคนเดินนำทางอยู่ตรงหน้า ทั้งสองคนเดินผ่านลานบ้านมาถึงด้านหลังในไม่ช้า ตอนนี้บ้านหลายหลังในชนบท ล้วนสร้างบ้านตึกหลังโดยมีบ้านชั้นเดียวหลังเก่าอยู่ข้างๆ เลี้ยงหมาปลูกดอกไม้หรือทำอะไรก็สะดวก สภาพความเป็นอยู่สบายกว่าห้องพักแคบเล็กในเมืองหลายเท่า
ด้านหน้าของบ้าน วางสิงโตไว้สามตัว แน่นอนว่าไม่ใช่สิงโตของจริง แต่เป็นอุปกรณ์การเชิดสิงโต มีสีแดง สีขาวและสีเหลือง ด้านในจัดเป็นโถงที่ตั้งศพ ด้านนอกกลับวางโต๊ะมากมาย คนจำนวนไม่น้อยนั่งจิบน้ำชาอยู่ตรงนั้น พูดคุยเสียงเบา บรรยากาศโดยรวมคล้ายการแอบชุมนุมของสำนักบู๊ลิ้มนิดหน่อย
โจวเจ๋อเห็นว่าในห้องหลักของบ้านชั้นเดียวมีรูปของหลี่ว์เย่าจู่ผู้ตายวางอยู่ ชายชราสีหน้าเคร่งขรึม มีมาดของปรมาจารย์ท่าทางน่าเกรงขาม แต่ก็น่าสนใจเหมือนกัน ดูท่าแล้วศพยังไม่ได้ถูกเผา น่าจะยังอยู่ในโถงที่ตั้งศพ แต่ตัวเขาเมื่อครู่ได้ส่งวิญญาณของอีกฝ่ายไปลงนรกแล้ว ดังนั้นโถงที่ตั้งศพนี้จะอยู่หรือไม่ จริงๆ แล้วไม่มีความหมายอะไร
โจวเจ๋อเดิมทีอยากไปจุดธูป ทำพอเป็นพิธี แต่ตอนที่เขากำลังจะเดินไปข้างหน้า กลับพบว่าสายตาของคนโดยรอบกำลังมองเขา ผู้ชายวัยกลางคนหน้าตาคล้ายหลี่ว์เย่าจู่ห้าหกส่วนที่เดินนำโจวเจ๋อกับเหล่าจางก่อนหน้านั้นยื่นมือขวางโจวเจ๋อไว้ จากนั้นชี้ไปที่สิงโตสามตัวที่วางอยู่ข้างๆ พลางเอ่ยว่า “คุณทั้งสอง ตามกฎแล้วต้องเล่นหนึ่งยก โชว์ฝีมือก่อน”
อะไรนะ พวกเราต้องเชิดสิงโต โจวเจ๋อหันมามองเหล่าจางที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา เหล่าจางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เดินไปหยิบสิงโตก่อน เลือกสิงโตสีขาวขึ้นมาหนึ่งตัว แล้วเดินไปข้างๆ โจวเจ๋อ เป็นฝ่ายเริ่มก่อนที่ผิดปกติ เหมือนตอนที่เขาเป็นฝ่ายมาขอกินข้าว!
“เถ้าแก่ มาสิ พวกเราทำได้”
“ผมมาเล่นกายกรรมเป็นเพื่อนคุณเหรอ” โจวเจ๋อย้อนถาม เขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้ สิ่งที่เขาชอบก็คือนอนนิ่งไม่ขยับ ไม่ใช่เชิดสิงโตจนเหงื่อไหลย้อย
“เพื่อตามหาเบาะแส ทนอึดอัดคับข้องใจหน่อยนะ เถ้าแก่ ลองนึกถึงเด็กๆ ในงานดูครับ” เหล่าจางพูดเสียงเบา
“เหอะๆ ผมไม่ใช่พ่อของพวกเขาเสียหน่อย”
เหล่าจางหัวเราะตาม พลางยื่นหัวสิงโตให้เขา
“เหอะ…” โจวเจ๋อหมดคำพูด แต่ก็ยังรับสิงโตตัวนั้นมา สวมหัวสิงโตแล้วโจวเจ๋อจึงพูดเสียงต่ำว่า “ปัญหามาแล้ว คุณเชิดเป็นไหม”
“ไม่เป็นครับ” เหล่าจางตอบด้วยความจริงใจอย่างยิ่ง
เวลานี้ ผู้ชายวัยกลางคนเดินไปอีกด้าน มีกล้องตัวหนึ่งวางอยู่ตรงนั้น หันมาทางนี้พอดี ขณะเดียวกันเขาได้กดปุ่มเครื่องเล่น เพลงประกอบจึงดังขึ้น!
‘อารมณ์หยิ่งผยอง ยิ้มผยองปะทะหมื่นคลื่น เลือดร้อนกว่าแสงอาทิตย์ กล้าเหมือนตีเหล็ก กระดูกเหมือนเหล็กกล้า นิสัยใจคอ ทัศนคติกว้างไกลหมื่นลี้ สัญญาว่าจะเข้มแข็ง เป็นผู้กล้า…’ เพลง ‘ชายผู้แข็งแกร่ง’ ที่คลาสสิกทรงพลังดังขึ้น โจวเจ๋อกับเหล่าจางอยู่ข้างล่างยังคงไม่ขยับเหมือนเดิม
ผู้เชี่ยวชาญที่นั่งอยู่ทุกคน ซึ่งน่าจะเรียกว่าเพื่อนสายอาชีพเดียวกันมากกว่า มาไหว้ศพไว้อาลัยที่นี่จะต้องโชว์ความสามารถก่อน ดูว่าเก่งไหม แล้วจึงตัดสินว่าจะมีสิทธิ์เข้าไปจุดธูปไหว้ผู้ตายหรือไม่ จากนั้นค่อยไปนั่งดื่มน้ำชาด้วยกัน นี่น่าจะเป็นกฎเก่าแก่ของวงการนี้
“สงสัยหนุ่มสองคนนี้จะรู้สึกว่าทำแบบนี้ไม่สนุก” ผู้ชายตัวสูงผอมที่นั่งจิบน้ำชาอยู่ข้างๆ คนหนึ่งลุกขึ้นเดินไปข้างๆ ดึงผ้าสีดำลงมา ตรงนั้นเป็นเสาดอกเหมยเรียงกันเป็นแถว แถมยังสูงมาก ไม่ได้ปักอยู่ในพื้น แต่เหมือนยึดอยู่กับรถเข็น สร้างขึ้นด้วยเหล็กกล้าทั้งหมด สะดวกพกพาเพื่อการแสดง
“เหล่าจาง คุณกระโดดขึ้นไปได้ไหม” โจวเจ๋อถาม
“เอ่อ…” เหล่าจาง
“ไม่อย่างนั้นก็ซัดคนพวกนี้ไปเลย แล้วก็ถามให้ชัดเจน”
ดึกดื่นเที่ยงคืนแล้ว แถมยังมีหิมะตก เหมาะกับการนั่งจิบน้ำชาหรือดื่มกาแฟอยู่ข้างเตียง ไม่ใช่มาเล่นกายกรรมอยู่ที่นี่
“เถ้าแก่ เรื่องนี้ผมรู้สึกว่าไม่ธรรมดา พวกเราต้องปะปนเข้าไปในแวดวงของพวกเขาก่อน คุณบอกว่าเซี่ยจื้ออยู่ในร่างของผมไม่ใช่เหรอ ผมจะลองดู ผมคิดว่าน่าจะทำได้”
ดูท่าแล้วคงเป็นเพราะเหตุการณ์ที่โดนรถชนแล้วไม่ตายเมื่อตอนกลางวัน ได้มอบความมั่นใจให้เหล่าจางเช่นนี้
“ผมรู้สึกว่าต่อยคนพวกนี้ให้น่วมลงมือทำจริงได้ง่ายกว่า” โจวเจ๋อยืนกรานความคิดของตัวเอง
“เถ้าแก่ ผม…”
และในเวลานี้ “โฮก!” เสียงคำรามทุ้มต่ำดังแว่วมา ดวงตาของโจวเจ๋อจ้องนิ่ง เหล่าจางที่ถือหางสิงโตอยู่ข้างหลังก็ตกตะลึง
เสียงร้องของสิงโตเป็นเช่นไร อันที่จริงคนที่ไม่เคยได้ยินจริงๆ ยากที่จะจินตนาการ มีความคล้ายเสียงลำโพงผสมกับเสียงในลานพลาซ่าเล็กน้อย แต่ในที่นี้ นอกจากโจวเจ๋อและเหล่าจาง ก็ไม่มีใครได้ยินเสียงสิงโตนี้
“เถ้าแก่ ใช่ราชาสิงโตจริงๆ ไหม”
“ใครจะไปรู้ว่ามันเป็นตัวอะไร” สายตาของโจวเจ๋อกวาดมองไปทั่วงาน
“เร็วเข้า ไวๆ หน่อย”
“ใช่แล้ว อย่ามัวแอบซุก ให้ทุกคนได้เห็นกังฟูที่แท้จริง!”
“ถูกต้องๆ เล่นก่อนสิ ลงมือเลย”
“หรือว่าดูถูกของพวกนี้”
“เด็กโง่ มัวแต่ทำอะไรอยู่!”
สำเนียงจากทั่วทิศมารวมกัน ทุกคนรอจนหมดความอดทนแล้ว อันที่จริงการเชิดสิงโตเป็นศิลปะที่พิถีพิถันเรื่องกังฟูที่แท้จริง ตอนนี้ที่กว่างซีและกว่างตงมีการพัฒนาดีที่สุดและมีชื่อเสียงมากที่สุด ให้ความพิถีพิถันกับกังฟูภาคใต้ ส่วนสถานที่อื่นก็มีรูปแบบการแสดงตามประเพณีในแบบของตัวเองแตกต่างกันไป
ซึ่งแตกต่างจากจากการเต้นรำ คุณเต้นกระโดดโหยงๆ อยู่บนเวทีมีพื้นฐานนิดหน่อยเต้นไปตามจังหวะก็พอทำได้แล้ว แต่การเชิดสิงโตที่หนักขนาดนี้ และยังต้องขึ้นเสาดอกเหมย สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญคือพลังที่แข็งแกร่ง
แต่ราชาสิงโตไม่ได้ออกมา หลังจากส่งเสียงร้องหนึ่งที มันก็ซ่อนตัวอย่างไร้ร่องรอย โจวเจ๋อสามารถสัมผัสได้ว่ามันยังอยู่ที่นี่ แต่ไม่สามารถยืนยันตำแหน่งที่แน่นอนของมัน
ไม่น่าจะเป็นผี มันอาจจะไม่มีแม้แต่รูปร่าง แต่เป็นตัวตนที่มีความพิเศษ กระทั่งอาจจะเป็น…ความเชื่ออย่างหนึ่ง
และลักษณะของเหตุการณ์ก็กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง ชายชราที่เชิดสิงโตอยู่ในร้านหนังสือก่อนหน้านั้นไม่ว่าจะ ‘พูดเพ้อเจ้อ’ อย่างไร ขอแค่ยังไม่ได้รับการยืนยัน ก็สามารถมองได้ว่าไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น การพยายามทำตามหน้าที่อย่างเต็มที่นั้นยาก แต่การหาวิธีอู้งานทั้งที่ยังนั่งอยู่ในตำแหน่งของตนนั้น ใครๆ ก็ทำได้
ทว่าตอนนี้ ในเมื่อสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของราชาสิงโตตัวนั้น และยังถูกเตือนว่ามันเตรียมตัวจะก่อเรื่องในงานวัดวันมะรืน เช่นนั้นในฐานะผู้จับกุมแห่งทงเฉิง จะไม่สนใจไม่ได้
โจวเจ๋อเลียปาก สวมหัวสิงโต เหล่าจางอยู่ข้างหลังโน้มตัวชูหางสิงโตขึ้นมาเหมือนกัน
“เหล่าจาง คุณใช้แรงกระโดดขึ้นไป ผมเชื่อในศักยภาพแฝงของคุณ”
“อืม ครับ” เหล่าจางขานรับทันที ขณะเดียวกันก็พูดพึมพำกับตัวเองด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย “ตอนเป็นเด็กหลังจากที่ได้ดูหนัง ก็คิดว่าสักวันหนึ่งตัวเองจะได้เชิดสิงโตเหมือนกัน”
โจวเจ๋อ “(━┳━_━┳━)” ไม่แปลกใจเลย…
‘ทำตัวเป็นผู้กล้า เลือดร้อนไส้ร้อน ร้อนกว่าแสงอาทิตย์…’ ตอนที่เพลงประกอบถึงจุดไฮไลต์ “ไป!” โจวเจ๋อคำรามเสียงต่ำ กระจายพลังปราณพิฆาตออกมาเล็กน้อย กระโดดขึ้นไปทั้งตัว กระโดดจากพื้นขึ้นไปเกินสองเมตร ขึ้นไปบนเสาดอกเหมยโดยตรง และยืนอย่างมั่นคง
เหล่าจางที่อยู่ข้างหลังใช้แรงกระโดด ร่างลอยขึ้นมาโดยตรง กระโดดได้สูงและไกลมาก เกือบกระโดดจากเสาดอกเหมยด้านนี้ไปถึงด้านโน้น
โจวเจ๋อเห็นดังนั้น รีบดึงหัวสิงโตทันที ลากเหล่าจางหนึ่งที ทั้งตัวของเหล่าจางถูกโจวเจ๋อจับหมุนกลางอากาศห้าหกรอบ จึงลดพลังปะทะที่เกิดจากเขาใช้แรงมากเกินไปเมื่อครู่นี้ได้ทันการ ขณะเดียวกัน เหล่าจางก็ใช้สองเท้าเหยียบมั่วซั่ว เหมือนเดินบนอากาศในระดับที่ยากยิ่ง
สุดท้ายโจวเจ๋อจึงลากลงมาข้างล่าง ชุดผ้าของสิงโตส่งเสียงดังฟังชัด ร่างของเหล่าจางลงมาอย่างรวดเร็ว ตอนที่ร่วงลงพื้นเหยียบอยู่บนเสาดอกเหมยด้านหลังโจวเจ๋อ ร่างกายโอนเอนจะล้มแหล่มิล้มแหล่ พยายามยึดตัวให้มั่นคง
“ฮู่ว…” เหล่าจางถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก หวาดเสียวเกินไปแล้ว
เหล่าผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในนี้ตื่นตะลึงโดยตรง รู้สึกทึ่งกับการเคลื่อนไหวที่น่าตื่นเต้นเช่นนี้ รู้สึกชาหนังศีรษะขึ้นมา!
ผ่านไปครู่หนึ่ง โจวเจ๋อยังคิดท่าต่อไปไม่ออก ทุกคนกลับลุกขึ้นพร้อมกัน ‘แปะๆๆๆ!!!!’
……………………………………………………………………….