บทที่ 311 นักแสดงขึ้นเวที
แม่น้ำบรรพกาลเร้นหมื่นเทพ นับจากที่สำนักเซียนนำบารมีถูกพันธมิตรแปดสำนักใช้ของวิเศษเวทต้องห้ามทำลายย่อยยับ และระเบิดเขื่อนแล้ว แม่น้ำสาขาของมันก็ไหลทะลักมาตามเขาภูเขาล้ำบารมีพ้นเคราะห์ภัย ผ่านระยะยาวอันยาวไกล ไหลเข้ามาในพื้นที่พันธมิตรแปดสำนัก
แม่น้ำสายนี้หล่อเลี้ยงรัฐเล็กๆ นับไม่ถ้วน ทำให้มนุษย์ธรรมดาจำนวนมากได้รับประโยชน์จากการนี้ สร้างดินแดนวาสนาได้แห่งหนึ่ง
และพันธมิตรแปดสำนักก็ปกป้องรักษาอย่างเข้มงวด แปดสำนักแทบจะลาดตระเวนอยู่ตลอด เพื่อรับประกันความปลอดภัยของแม่น้ำสายนี้
แต่วันนี้เหตุไม่คาดฝันก็ยังคงเกิดขึ้น
ช่วงแม่น้ำที่เกิดปัญหาอยู่ไม่ไกลกับพันธมิตรแปดสำนัก
กระทั่งว่าที่นี่พูดได้ว่าอยู่ในเขตพันธมิตรแปดสำนัก น้ำในแม่น้ำช่วงนั้นไม่รู้ว่าทำไม แต่เดิมที่ใสกระจ่าง จู่ๆ ก็เปลี่ยนมาดำสนิท
มองไกลๆ ต้นน้ำยังคงมีพลังเซียนลอยเอ่อ แต่หลังจากที่ไหลมายังช่วงแม่น้ำนี้ ก็เหม็นเน่าเป็นอย่างยิ่งทันที
ในนั้นมีไอพลังประหลาดเข้มข้น กระทั่งว่ามีส่วนคล้ายกับแม่น้ำบรรพกาลเร้นหมื่นเทพแม่น้ำสายหลักไหลออกไปจากแดนต้องห้ามมณฑลรับเสด็จราชัน
หมอกสีดำลอยอยู่เหนือแม่น้ำ ปกคลุมไปทั่วทุกทิศกลายเป็นวัตถุจริง ก่อเป็นหมอกไอพลังประหลาดแผ่ไปท่วมฟ้า ทุกที่ที่ถูกปกคลุม ริมฝั่ง พื้นดินล้วนถูกกัดกิน ต้นไม้ทุกอย่างกลายเป็นสีม่วงดำ สรรพชีวิตยากจะรอดชีวิต!
ที่น่ากลัวไปยิ่งกว่านั้นคือ หมอกไอพลังประหลาดกลุ่มนี้มีความสามารถในการกลืนกินพลังวิญญาณ พลังวิญญาณที่อยู่รอบๆ สลายหายไปอย่างรวดเร็ว
และน้ำในแม่น้ำก็กลายเป็นต้นกำเนิดของการกลายพันธุ์
ต่อให้ในนั้นเป็นเพียงน้ำแค่หยดเดียวก็แฝงด้วยไอพลังประหลาดน่าตกใจ กระทั่งว่าสามารถมองเห็นจุดดำเล็กละเอียดมากมายนับไม่ถ้วนได้ด้วยตาเปล่า เหมือนเป็นวัตถุถึงแก่ชีวิตอะไรบางอย่าง
หมอกกลุ่มนี้ยังส่งผลกระทบต่อท้องฟ้ารางๆ ด้วย ท้องฟ้าเมฆดำลอยอวล มืดครึ้มไปทั่ว
ยังมีระลอกคลื่นที่ตามองไม่เห็นอีกจำนวนหนึ่งแผ่มาในแม่น้ำแห่งนี้
ไม่ใช่แค่นี้ น้ำในแม่น้ำที่ถูกเปลี่ยนแปลงนี้ยังแฝงด้วยพิษร้ายแรง พิษนี้กระจายไปทำให้น้ำเป็นมลพิษโดยสมบูรณ์ ยิ่งลอยอวลไปด้วยพลังกัดกินอย่างรุนแรง
ปลาวิญญาณในแม่น้ำตายไปนับไม่ถ้วน ส่วนที่ไม่ตายพวกนั้นก็เริ่มกลายพันธุ์กลายเป็นอสูรเหี้ยมเกรียม ส่งเสียงคำรามน่าสะพรึงกลัวออกมา
สิ่งมีชีวิตที่แหวกว่ายอยู่ในแม่น้ำล้วนได้รับผลกระทบไปด้วย กลายพันธุ์แปรเปลี่ยนมาดุร้าย
สุดท้าย วิญญาณอาฆาตก็พวยพุ่งขึ้นมาจากก้นแม่น้ำจำนวนมากมายจนนับไม่ถ้วน เป็นระลอกขึ้นลงทั้งในและนอกแม่น้ำ ทำให้ช่วงปลายแม่น้ำของสาขาแม่น้ำนี้เหมือนตกอยู่ในเมืองผี
ส่วนวิญญาณอาฆาตเหล่านี้แตกต่างไปจากวิญญาณทั่วไป สิ่งที่แผ่ออกมาจากในตัวพวกมันไม่ใช่ความเย็นยะเยือก แต่เป็นความร้อนที่น่าตกใจ ในขณะที่ลอยขึ้นลง น้ำในแม่น้ำก็ได้รับผลกระทบจนเดือดพล่าน บิดม้วนไปทั่วทุกทิศ
หากมีผู้วิเศษอยู่ที่นี่จ้องเพ่งไปในจุดลึกของช่วงแม่น้ำที่เกิดปัญหา ก็จะเห็นต้นกำเนิดของทุกอย่างนี้ว่ามีแท่นพิธีเซ่นไหว้สร้างอยู่ใต้ช่วงแม่น้ำ
รอบๆ แท่นพิธีเซ่นไหว้มีค่ายกลซ่อนเร้น ปกติแล้วไม่อาจสัมผัสรับรู้ได้ และบนแท่นพิธีเซ่นไหว้นั่นมีขวดสีดำใบเล็กใบหนึ่งวางอยู่ ในนั้นเต็มไปด้วยของเหลวสีดำเข้มข้นกำลังหลอมรวมไปในน้ำในแม่น้ำอย่างรวดเร็ว
สาขาแม่น้ำบรรพกาลเร้นหมื่นเทพมาพร้อมด้วยพลังทำลายล้างสังหารอันน่ากลัวและทะลักโหมอย่างรวดเร็วไปยังพันธมิตรแปดสำนักเช่นนี้เอง
เนื่องจากอยู่ใกล้มาก ดังนั้นน้ำที่น่ากลัวเต็มไปด้วยไอพลังประหลาดสายนี้ก็ทะลักเข้าไปในเมืองหลักพันธมิตรทันที
แม้พันธมิตรแปดสำนักจะมีการวางแผนรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้มากมายตั้งนานแล้ว แต่ตอนนี้การวางแผนเหล่านั้นเหมือนถูกขัดขวางไปทุกวิธี ไม่เกิดประสิทธิภาพสักเท่าไร
ค่ายกลพังทลาย เขื่อนที่สร้างขึ้นอย่างรวดเร็วถูกกัดกิน กำแพงป้องกันที่เกิดจากวิชาเวทต่างถูกน้ำในแม่น้ำที่น่ากวาดกลัวนี้ซัดถล่ม
ต่อให้พลังแช่แข็งผนึกของเส้นทางแม่น้ำถูกกระตุ้น พยายามผนึกแม่น้ำสายนี้ แต่วิญญาณที่ร้อนระอุเหล่านั้นทำให้พลังแช่แข็งผนึกไม่อาจดำรงต่อไปได้
เพียงพริบตา ทั้งพันธมิตรแปดสำนักก็สั่นสะเทือน ในยามที่เสียงระฆังถี่รัวดังออกมาจากในทุกสำนักเป็นระลอกๆ ลูกศิษย์จำนวนมหาศาลก็ต่างพุ่งออกมา
พวกเขามุ่งหน้าตรงไปยังแม่น้ำบรรพกาลเร้นหมื่นเซียนด้วยใบหน้าตกอกตกใจ
พวกเขารู้ดีว่าจะให้น้ำที่ปนเปื้อนสายนี้นำพาไอพลังประหลาดไหลทะลักไปในเมืองหลักไม่ได้ ไม่เช่นนั้นแล้วพันธมิตรแปดสำนักจะเสียหายแสนสาหัส
และจะอย่างไรพันธมิตรแปดสำนักก็เป็นหนึ่งในหกขั้วอำนาจมณฑลรับเสด็จราชัน มีพลังรากฐานลึกล้ำ แม้การป้องกันที่เตรียมไว้ล่วงหน้าชุดนั้นจะไร้ผล แต่ความจริงแล้วยังมีแผนการป้องกันอีกมากที่ลูกศิษย์ไม่รู้ มีเพียงบรรพจารย์และเจ้าสำนักต่างๆ ถึงจะมีสิทธิ์รับรู้
ดังนั้นไม่นานนัก กำแพงดินแต่ละด้านๆ ก็ทะลุผุดขึ้นมาจากพื้นที่ด้านนอกเมืองพันธมิตรทันทีจากการที่เจ้าสำนักสำนักต่างๆ และบรรพจารย์ปรากฏตัวขึ้น ทำการขัดขวางน้ำแม่น้ำที่ทะลักโหมบ่ามา
ยิ่งมีปราณกระบี่ดุดันเป็นทางๆ ขณะที่พัดกวาดมาอย่างรวดเร็วก็ผสานไปในน้ำ เชือดเฉือนทุกสิ่งที่อยู่ในนั้น
ยังมีลูกกลอนโอสถจำนวนมหาศาลโปรยมา ลบล้างพิษร้ายแรงและไอพลังประหลาดที่อยู่ในแม่น้ำ
ขณะเดียวกันก็มีบรรพจารย์ลงมือ ทำให้หมอกที่ลอยอวลมารอบๆ ถูกสกัดกั้นไว้ข้างนอก พื้นดินส่งเสียงคำรามเลื่อนลั่น จากนั้น ทางแม่น้ำสายใหม่ปรากฏขึ้น อ้อมเมืองหลักพันธมิตรไหลลงสู่ทะเลต้องห้ามจากอีกทิศหนึ่ง
วิชาต่างๆ ทำให้น้ำแม่น้ำที่ดูเหมือนน่าครั่นคร้ามเสียพลานุภาพไปกว่าครึ่งทันที
จากเหตุการณ์นี้ก็จะเห็นการรับมือกับเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงและความสามารถในการป้องกันของพันธมิตรแปดสำนัก นี่ก็สมกับฐานะหกขั้วอำนาจใหญ่แล้ว
เพียงแต่ไอพลังประหลาดและพิษร้ายจะมากน้อยอย่างไรก็มีแผ่เข้ามาอยู่ดี นี่ก็ต้องให้ลูกศิษย์พันธมิตรจำนวนมากไปขับไล่
นอกจากนั้นการไหลบ่าของน้ำ การรับมือจัดการเป็นเพียงแค่ด้านหนึ่งเท่านั้น ที่สำคัญคือต้องหาต้นตอการรุกรานให้เจอ
ดังนั้นผู้แข็งแกร่งและบรรพจารย์ของสำนักต่างๆ ในพันธมิตรจึงพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว มุ่งตรงไปยังช่วงแม่น้ำที่เกิดปัญหา
ขณะเดียวกัน ลูกศิษย์สำนักต่างๆ ในพันธมิตรต่างยุ่งกันหมด ดูเหมือนสถานการณ์เร่งด่วน แต่ทุกอย่างเป็นระเบียบไม่วุ่นวาย ต่างทำหน้าที่ของตัวเอง
สวี่ชิงตอนนี้อยู่ในกรมขนส่ง เพิ่งจะก่อเรือศึกเวทขึ้นได้ เห็นภาพนี้ ในแผ่นหยกถ่ายทอดเสียงของเขาก็มีคำสั่งและการจัดการของสำนักดังมา
จางซานสีหน้าเปลี่ยนไปเช่นกัน ตื่นตกใจกับภาพที่เกิดอย่างกะทันหัน และได้รับภารกิจเช่นกัน ทั้งสองคนมองหน้ากัน ต่างเห็นความเคร่งเครียดในดวงตาของอีกฝ่าย ไม่ทันได้พูดคุย ก็ต่างแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว
‘เรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล!’ สวี่ชิงเงยหน้า มองท้องฟ้าที่หมอกดำลอยอวลบดบังประกายแสงพรายสีแดง ระหว่างสีดำและแดง ก็เกิดเป็นสีม่วงกลุ่มหนึ่ง
สีม่วงนี้ทำให้สวี่ชิงนึกถึงความรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อตอนก่อนหน้านี้
ความหวาดกลัวประเภทนั้นตอนนี้ก็ยังคงอยู่
เขาจึงมุ่งหน้าตรงไปยังสำนักเจ็ดเนตรโลหิต ภารกิจที่เขาได้คือปกป้องสำนัก
เรื่องนี้คนที่มีสติปัญญาล้วนมองออกกันทั้งนั้น น้ำปนเปื้อน…คงเป็นเพียงแค่ตัวล่อเท่านั้น
แม้มองออกแต่ก็ไม่ไปจัดการไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นขับไล่ไอพลังประหลาดหรือพิษร้าย หรือพวกบรรพจารย์ถูกล่อให้ออกไปช่วงแม่น้ำที่มีปัญหา ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการ
แต่หากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นแค่เรื่องพวกนี้ เช่นนั้นสำหรับแปดพันธมิตรก็ไม่นับเป็นเรื่องอะไรเลย ไม่นานก็สามารถจัดการแก้ไขได้
ทุกอย่างดูว่าจะมีผลตามหลังมาหรือไม่
สวี่ชิงรู้ดี เรื่องที่ตัวเองคิดได้ ผู้นำระดับสูงของพันธมิตรไม่มีทางคิดไม่ได้ ดังนั้นจึงยิ่งเร็วขึ้นอีก
ระหว่างทางที่มุ่งหน้าไปสำนัก สายตาของสวี่ชิงกวาดมองเมืองหลัก เขาเห็นความตื่นกลัวของประชาชนคนธรรมดานับไม่ถ้วน เห็นความวิตกบนใบหน้าของลูกศิษย์ทั้งหลาย
ทุกคนล้วนกำลังยุ่ง แต่ในใจล้วนมีความกังวลต่อสิ่งที่ยังไม่รู้
กระทั่งว่าของวิเศษเวทต้องห้ามของสำนักต่างๆ ตอนนี้ก็เริ่มทยอยกระตุ้นขึ้น ก่อเป็นประกายแสงเจิดจ้าเป็นทางๆ ใช้เพื่อป้องกันศัตรูภายนอก
แต่ในตอนนี้เอง จากประกายแสงของของวิเศษเวทต้องห้ามแต่ละสำนักที่สาดแสงมา ประกายแสงสีแดงที่ยิงขึ้นฟ้าจากทางสำนักกระบี่เมฆาจรดฟ้าทางนั้นจู่ๆ ก็สาดแสงเจิดจ้า ปะทุขึ้นล่วงหน้า
การปรากฏขึ้นของแสงสีแดงนั่นสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน ดึงดูดสายตานับไม่ถ้วน
ดวงตาทุกคู่จับจ้องไปทันที
เหล่าลูกศิษย์ไม่รู้ถึงสาเหตุ ตอนนี้หลังจากที่ได้เห็นก็มีการคาดเดาต่างๆ นานา
แต่ในเวลาเดียวกันนี้ บรรพจารย์หลิงอวิ๋นที่มุ่งหน้าไปยังช่วงแม่น้ำที่เกิดปัญหาพร้อมกับบรรพจารย์สำนักอื่นอีกสามคน กำลังร่วมกันจัดการต้นตอของปัญหา เมื่อได้เห็นภาพนี้สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปทันที
เพราะการปะทุของของวิเศษเวทต้องห้ามไม่ใช่เขาที่เป็นคนควบคุม!
บนท้องฟ้า ประกายแสงสีแดงที่สาดออกมาจากของวิเศษเวทต้องห้ามสำนักกระบี่เมฆาจรดฟ้า ขณะเดียวกับที่มันสีแดงดุจเลือด เจิดจ้าเป็นอย่างยิ่ง ก็แปรเปลี่ยนเป็นต้นไม่ยักษ์สีเลือดต้นหนึ่งบนท้องฟ้า
ต้นไม้ต้นนี้ใหญ่มหาศาล ยืนตระหง่านกลางผืนนภา กิ่งไม้ใหญ่โต ทั้งต้นแดงก่ำ บนนั้นมีใบหน้าเหี้ยมเกรียมนับไม่ถ้วนลอยออกมา กำลังส่งเสียงครวญคราง
ใบไม้จำนวนนับไม่ถ้วนบนนั้น แต่ละใบต่างแผ่ปราณกระบี่น่าครั่นคร้ามที่คมกริบไม่อาจต้านทานได้ออกมา ทำให้ท้องฟ้าส่งเสียงคำรามครืนครัน เกิดเป็นคลื่นวนขนาดมหึมา จะเห็นเงากระบี่มหาศาลฉวัดเฉวียนอยู่ในนั้น มีมากจนเกินจะนับได้
คลื่นวนลูกนี้ปกคลุมอยู่บนท้องฟ้าเหนือพันธมิตรแปดสำนัก รัศมีอำนาจสะเทือนเลื่อนลั่น
ตอนนี้สวี่ชิงใกล้ถึงสำนักเจ็ดเนตรโลหิตแล้ว เงยหน้าขึ้นไปเห็นภาพนี้ก็หน้าเปลี่ยนสีทันที เขาสัมผัสได้ถึงพลังกดดันน่ากลัวที่ส่งออกมาจากตรงนั้น เหมือนท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นทะเลกระบี่สีเลือด ทะเลผืนนี้ใช้พลังมหาศาลสั่นคลอนฟ้าดิน
และบนต้นไม้ยักษ์ต้นนั้น ตอนนี้มีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้น
เงาร่างนี้สวมชุดคลุมยาวสีทอง ศีรษะสวมกวานสีน้ำเงินม่วง เท้าเหยียบกระบี่สัมฤทธิ์เมฆาคล้อยสามสี สีหน้าขาวซีดแต่ก็ยากจะปกปิดความหล่อเหลา เพียงแต่รูโบ๋ที่ตาขวาและความเหี้ยมเกรียมที่ฉายออกมาจากตาซ้าย ทำให้บุคลิกของเขาแฝงด้วยความชั่วร้าย
การปรากฏตัวขึ้นของเขาทำให้คนที่ได้เห็นทุกคนจิตใจสั่นสะท้าน
เป็น…เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง!
เขายืนอยู่บนกระบี่สัมฤทธิ์เมฆาคล้อย กระบี่เล่มนี้ลอยอยู่เหนือต้นไม้ยักษ์สีเลือด ที่ตรงนั้น เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องก้มหน้ามองพื้นดิน จู่ๆ ก็หัวเราะขึ้นมา
รอยยิ้มแฝงด้วยรอยสะท้อนใจ แฝงด้วยความบ้าคลั่ง เอ่ยเสียงแผ่วเบา
“นี่ก็คือการแสดงสีเลือดของข้า”
เมื่อเขาพูดจบ ต้นไม้เลือดข้างล่างก็พลันปะทุพลังก่อเป็นทะเลสีแดงทั่วฟ้า จากนั้นก็พุ่งตรงไปที่…สำนักเจ็ดเนตรโลหิต!
รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง เรื่องจากอยู่ใกล้มาก ดังนั้นเพียงพริบตาประกายสีแดงก็ท่วมจมสำนักเจ็ดเนตรโลหิตไปไว้ในนั้น
ต้นไม้สีเลือดน่าพรั่นพรึงต้นนั้นถูกถอนขึ้นมาจากในสำนักเจ็ดเนตรโลหิตทันที!
แผ่นดินสะเทือนขุนเขาสั่นคลอน ในยามที่ฟ้าดินสั่นไหว เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องที่อยู่กลางอากาศก็อ้าแขนทั้งสองช้าๆ เงยหน้ามองท้องฟ้า
“เทียนประทีป เชิญทัศนา!”
พันธมิตรแปดสำนักสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นทันที และตอนนี้ ในเมืองหลักสำนักกระบี่เมฆาจรดฟ้าที่เละเทะวุ่นวายไปทั่ว ณ หลังคาของหอแห่งหนึ่ง คนสองคนนั้นที่สวมชุดคลุมยาวสีดำสวมหน้ากากเสี้ยวหน้าเทพเจ้า คนหนึ่งนั่ง คนหนึ่งยืน
คนชุดดำนั่งอยู่ ถือกล่องไม้โบราณกล่องหนึ่งเล่นอยู่ในมือ ในขณะที่พลิกมันไปมาในมือไม่หยุด ก็เงยหน้ามองเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องบนท้องฟ้า ทั้งๆ ที่เขาอยู่บนพื้น เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องอยู่บนฟ้า แต่ในสายตาเขากลับเหมือนมองมดปลวก หัวเราะขึ้น เสียงอ่อนเยาว์
“นกเขาราตรี เป็นการแสดงของเขาใช่หรือไม่”
“นายท่าน ไม่ใช่ขอรับ” นกเขาราตรีเอ่ยอย่างนอบน้อม จากนั้นก็มองไปทางสำนักเจ็ดเนตรโลหิต ในดวงตามีเส้นแสงเป็นทางๆ ประดุจดวงดาวเคลื่อนผ่าน เอ่ยเสียงต่ำขึ้นต่อว่า
“นายท่าน ท่านนั่งชมไปพลางๆ ก่อน ข้าจะไปมอบของกำนัลพบหน้าให้สำนักเจ็ดเนตรโลหิตชิ้นหนึ่ง คิดว่าหลังจากครั้งนี้ ทั้งมณฑลรับเสด็จราชันก็จะรู้จักเทียนประทีปใหม่ รู้จักนายท่าน ในเมื่อในความรู้ของพวกเขาก่อนหน้านี้ เทียนประทีปเป็นเพียงแค่กลุ่มอำนาจที่ไร้พลัง แต่การมาของนายท่าน เทียนประทีปจะเปลี่ยนไปนับจากนี้”
“ไปเถอะ” ชายหนุ่มชุดดำแย้มยิ้มน้อยๆ ถือกล่องไม้ในมือเล่นพลางหันหน้าไปมอง…สำนักเจ็ดเนตรโลหิต เอ่ยพึมพำขึ้น
“น้องชายต้องร้องไห้อีกแล้ว”