ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 312 การเปลี่ยนแปลงที่น่าตกตะลึง!

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 312 การเปลี่ยนแปลงที่น่าตกตะลึง!

ภาพฉากที่เกิดขึ้นกะทันหัน สั่นสะเทือนไปทั้งแปดทิศ แต่ละสำนักของพันธมิตรแปดสำนัก ล้วนพากันหน้าเปลี่ยนสี บรรพจารย์หลิงอวิ๋นที่แม่น้ำร่างกายลอยขึ้นฟ้ากะทันหัน พุ่งไปทางเมืองพันธมิตรแปดสำนัก

หลังจากพริบตาที่มาถึง เขายืนอยู่กลางอากาศ มองเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องที่กางแขนจ้องมองเสี้ยวหน้าเทพเจ้าบนฟากฟ้าด้วยหน้าบูดเบี้ยว จากนั้นก็ก้มหน้ามองต้นไม้ใหญ่สีเลือดที่งอกแทงพื้นเจ็ดเนตรโลหิตขึ้นมา เงียบนิ่งไปไป

คนที่สามารถควบคุมของวิเศษต้องห้ามสำนักกระบี่เมฆาจรดฟ้าได้ มีเพียงสามคนเท่านั้น คนหนึ่งคือเขา อีกคนหนึ่งคือเจ้าสำนักกระบี่เมฆาจรดฟ้า และอีกคนหนึ่งก็คือลูกคนโตของเขา หรือก็คือคนที่ถูกกำหนดให้เป็นเจ้าสำนักคนถัดไป

บิดา…ของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง!

“ฉู่เทียนฉวิน!” บรรพจารย์หลิงอวิ๋นมองสำนักกระบี่เมฆาจรดฟ้า เอ่ยเสียงขรึม เสียงก้องไปทั้งแปดทิศ

“ท่านพ่อ” ในสำนักกระบี่เมฆาจรดฟ้า ชายหนุ่มกลางคนคนหนึ่งเดินออกมา ลอยขึ้นกลางอากาศ ยืนอยู่ข้างกายเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง ประสานหมัดให้กับบรรพจารย์หลิงอวิ๋นที่อยู่ห่างออกไป

บิดาของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องที่นายท่านเจ็ดโบกมือจนตัวเละในเจ็ดเนตรโลหิตที่ทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณเมื่อครั้งนั้นนั่นเอง

“ทำไมเจ้าถึงทำเช่นนี้!” บรรพจารย์หลิงอวิ๋นเอ่ยเสียงต่ำ

“ท่านพ่อ คำถามนี้ท่านยังไม่เข้าใจอีกหรือ” บิดาของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม แต่ดวงตากลับเผยความเคียดแค้นออกมา จ้องบรรพจารย์หลิงอวิ๋นเขม็ง

“ลูกชายข้าบริสุทธิ์ ตอนเกิดมาไม่มีทางเป็นร่างผสาน เดิมคือคู่แฝด แต่ท่านพ่อแอบลงมือ ทำให้พวกเขากลืนกินกันเอง ใช้วิธีนี้เลี้ยงกู่

“เป้าหมายของท่าน ไม่ใช่คิดจะครองร่างลูกชายข้า แล้วให้กำเนิดอีกชาติหนึ่งของท่านหรอกหรือ ตะเกียงแห่งชีวิตดวงนั้นดูเหมือนสร้างขึ้น แต่มันก็แฝงท่วงทำนองเทพของท่านไว้ด้วย ลูกชายข้าจะเป็นหรือตายก็อยู่ที่ความคิดท่านเท่านั้น

“ตะเกียงแห่งชีวิตถูกช่วงชิง ใจข้าอันที่จริงก็ยินดีอยู่ แต่หากไม่แสดงความเคืองแค้นออกมา ก็กลัวว่าท่านไม่ชอบ ข้าจึงทำตามสิ่งที่ท่านชอบไปเลย

“และเดิมทีข้าคิดว่าเรื่องหลังจากนี้ ท่านจะดับความโลภในตัวลูกชายข้าแล้ว แต่ท่านพ่อ ท่านก็สมกับเป็นบรรพจารย์เสียจริง กลับเอาลูกชายข้ามาแลกเปลี่ยนกับประธานพันธมิตร ท่านครองร่างไม่ได้ จึงส่งต่อให้กับเจ้าพันธมิตรเพื่อนำไปชุบเลี้ยงร่างแยก

“พันธมิตรเช่นนี้ ข้าเคียดแค้นเดือดดาล บิดาเช่นนี้ ข้าเกลียดจนอยากจะทึ้งเลือดทึ้งเนื้อ จึงทรยศมันเสียเลย!

“เดิมทีข้าก็ต้องขอบคุณเจ็ดเนตรโลหิต แต่ทำร้ายลูกข้า ลูกข้าก็เกลียดชังจนเข้ากระดูกดำ เดิมทีข้าจึงคิดจะเล่นละครสีเลือดนี้ที่สำนักกระบี่เมฆาจรดฟ้า แต่สุดท้ายเพื่อเติมเต็มความยึดติดของลูกชายข้า จึงเปลี่ยนมาดำเนินการที่เจ็ดเนตรโลหิตแทน”

“เจ้าหนีไม่รอดหรอก” บรรพจารย์เหลือบมองลูกชายคนโตอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะตอนที่มองใบหน้าของเขา ก็เหมือนจะมีเส้นสนกลในอยู่รางๆ สีหน้าปั้นยากกว่าเดิม

บิดาของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องยิ้มบาง ใบหน้าขยุกขยิก หน้ากากชิ้นหนึ่งปรากฏออกมา ลวดลายคือเสี้ยวหน้าเทพเจ้า ขณะที่ดูเต็มไปด้วยความน่าสะพรึง คลื่นพลังผันแปรที่ยิ่งใหญ่มหาศาลวูบหนึ่งระเบิดไปรอบทิศ

นี่ไม่ใช่พลังของเขา แต่เป็นพลังวิเศษที่แฝงอยู่ในหน้ากาก ก่อตัวขึ้นเป็นเกราะคุ้มกัน ครอบไปทั้งสี่ด้าน

มีเกราะคุ้มกันนี้ เขาที่แม้จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของบิดา แต่การจะคุ้มครองเขากับลูกชายไว้สักหนึ่งชั่วก้านธูป ก็ยังถือว่าทำได้

“มีคนมารับ ขอแค่ข้าทนได้สักหนึ่งชั่วก้านธูปก็พอ”

ขณะเดียวกัน ในเจ็ดเนตรโลหิตอีกด้าน ต้นไม้ใหญ่สีเลือดที่ครืนครันออกมาเวลานี้ กลิ่นอายน่าหวาดหวั่นกวาดเป็นเส้นขนาน ฟ้าดินเปลี่ยนสี เมฆพัดม้วน ทั้งเจ็ดยอดเขาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง หินภูเขาหลุดร่วง พื้นดินทั้งสำนักเจ็ดเนตรโลหิตสั่น เขาโยกไหว!

พลังทำลายล้างสำนักที่มาจากของวิเศษเวทต้องห้ามระเบิดออกจนสิ้น ทำให้ตัวภูเขาเหมือนจะถล่มลงมา และมีเงาเลือดมหาศาลแผ่ออกมาจากต้นไม้สีเลือดต้นนั้น พร้อมกับเสียงร้องแหลมและความโหดร้ายทารุณโถมไปทุกทิศทาง

มองไกลๆ เจ็ดเนตรโลหิตดูเลือนลางขึ้นมา ศิษย์ทั้งหมดพากันจิตวิญญาณสั่นสะท้านอย่างบ้าคลั่ง

แต่…หลังจากเจ็ดเนตรโลหิตเข้าร่วมพันธมิตร การป้องกันที่จำเป็นจะไม่มีได้อย่างไร ยิ่งนายท่านเจ็ดกับเสี่ยเลี่ยนจื่อก็เป็นพวกจอมวางแผนอยู่แล้ว ตอนนี้เมื่อต้นไม้สีเลือดปรากฏออกมา เสี่ยเลี่ยนจื่อก็ปรากฏตัวทันที กลายเป็นเส้นสีแดงนับไม่ถ้วนพุ่งตรงไปยังต้นไม้สีเลือด ในดวงตาก็มีความละโมบยิ่งกว่า

ร่างของนายท่านเจ็ดปรากฏขึ้นเช่นกัน พุ่งตรงไปยังต้นไม้สีเลือด ร่วมมือกับเสี่ยเลี่ยนจื่อสะกดมันที่ฝั่งตรงข้าม

กระทั่งของวิเศษเวทต้องห้ามเจ็ดเนตรโลหิตบนแผ่นดินเผ่าสิงซากสมุทรก็ยังปรากฏขึ้นในตอนนี้ ดวงตาทั้งเจ็ดเปิดขึ้นพร้อมกัน กระจกโบราณบานยักษ์นั้นก็เพ่งเป้ามาที่เจ็ดเนตรโลหิตทางนี้ในพริบตา

ต้นไม้ยักษ์สีเลือดต้นนั้นสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงภายใต้การสะกด ขณะที่คลื่นผันแปรที่น่ากลัวถูกสะกดไว้ บนลำต้นมันก็ปรากฏดวงตาขึ้นมาหนึ่งดวง จากนั้นก็ดวงที่สอง ดวงที่สาม ทยอยปรากฏขึ้นมา

ดวงตานี้ คือดวงตาของของวิเศษเวทเจ็ดเนตรโลหิต

และในการปรากฏตัวของดวงตาเหล่านี้ พลังช่วงชิงที่น่าตกตะลึงวูบหนึ่งก็ระเบิดออกมา

เจ็ดเนตรโลหิต…คิดจะใช้จังหวะนี้ ทำการยึดครองของวิเศษเวทสำนักกระบี่เมฆาจรดฟ้า พูดได้ยากมากว่าภาพนี้มีการตระเตรียมเอาไว้ก่อนล่วงหน้าหรือไม่

คนที่เข้าร่วมกับเรื่องนี้มีเงื่อนไขทางด้านพลังบำเพ็ญ ทั่วทั้งเจ็ดเนตรโลหิตมีเพียงบรรพจารย์กับนายท่านเจ็ดเท่านั้นที่ลงมือได้ ทำการใช้ของวิเศษเวทต้องห้ามเจ็ดเนตรโลหิตเข้าสะกดต้นไม้สีเลือดไว้ทุกด้าน

ขณะเดียวกัน แม้จิตวิญญาณศิษย์คนอื่นๆ จะสั่นสะเทือน แต่ภายใต้การสั่งการของเจ้ายอดเขา ก็ลงมือขจัดเงาสีเลือดที่แปรมาจากคลื่นความผันแปรของต้นไม้สีเลือดได้ทันที

ดูเหมือนเจ็ดเนตรโลหิตจะสับสนวุ่นวาย แต่อันที่จริง…ทั้งหมดล้วนอยู่ในแนวโน้มที่ดี

จินตนาการได้ว่า หากเจ็ดเนตรโลหิตสะกดของวิเศษต้องห้ามสำนักกระบี่เมฆาจรดฟ้าได้ เช่นนั้นเจ็ดเนตรโลหิตก็จะมีของวิเศษเวทต้องห้ามสองชิ้น พลังของพวกเขาก็จะเพิ่มพูนขึ้นอย่างระเบิดระเบ้อแน่นอน

ภาพนี้ ดึงดูดการจับตามองของบรรพจารย์จากสำนักอื่นด้วย แต่ก็เหมือนกับพ่อลูกเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องที่ทั้งมั่นใจในตนเองและผ่อนคลาย สีหน้าพวกเขายังเฉยเมย ไม่ได้ให้ความสำคัญมากอย่างที่จินตนาการไว้ เพราะว่าเรื่องครั้งนี้ ปัจจุบันมันชัดเจนแล้ว

พ่อลูกเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องสำนักกระบี่เมฆาจรดฟ้าทรยศสำนัก เปิดการแสดงสีเลือด จึงทำให้แม่น้ำปนเปื้อน ตอนที่ดึงดูดความสนใจของพันธมิตร ก็เริ่มเปิดใช้งานของวิเศษต้องห้าม

ส่วนคนที่ชมอยู่ย่อมเป็นเทียนประทีป ถึงอย่างไรก็มีแต่เทียนประทีปเท่านั้น ถึงมีกฎเกณฑ์การแสดงสีเลือดเช่นนี้

เช่นนั้น เทียนประทีปที่ชมการแสดงสีเลือด จะต้องอยู่ในพันธมิตรแน่นอน

ขอแค่อยู่ในพันธมิตร ในฐานะหกขั้วอำนาจใหญ่ของมณฑลรับเสด็จราชัน พันธมิตรที่มีระดับหวนสู่อนัตตาอยู่มากมาย ก็มีความมั่นใจที่จะสะกดเทียนประทีปที่เคยพ่ายและอยู่ในประกาศจับ

ส่วนในเจ็ดเนตรโลหิต ดูเหมือนจะวุ่นวาย แต่อันที่จริงได้รับผลกระทบไม่มากนัก

แม่น้ำบรรพการเร้นหมื่นเทพก็เช่นกัน ต้นกำเนิดเรื่องถูกพบและนำออกมาแล้ว น้ำในแม่น้ำก็ถูกชะล้างอย่างรวดเร็ว ปราณหมอกรอบด้านเองก็สลายไปเช่นกัน

สำหรับพันธมิตรแปดสำนัก เรื่องราวมาถึงตอนนี้แล้ว ล้วนอยู่ในขอบเขตการควบคุมเรียบร้อย

ขณะเดียวกันสวี่ชิงก็ทะยานไปอย่างรวดเร็ว ตรงไปยังสำนักเจ็ดเนตรโลหิต เขาเห็นต้นไม้สีเลือดยักษ์นั่น เห็นการสั่นคลอนของสำนัก และเห็นวิธีการขจัดเงาเลือดของศิษย์มากมาย และยิ่งเห็นการสะกดของบรรพจารย์เสี่ยเลี่ยนจื่อกับนายท่านเจ็ดด้วย

สิ่งที่เห็นทั้งหมดเหมือนจะไม่วุ่นวายเท่าไรนัก แต่สวี่ชิงไม่รู้เพราะอะไร ในใจยังไม่สงบเลย โดยเฉพาะหมอกสีดำบนท้องฟ้า ค่อยๆ ผสานกับสีเลือดที่อยู่ใต้ท้องฟ้า ทำให้แสงสีม่วงยิ่งสะสมมากขึ้นกว่าก่อนหน้า

สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก ล้วงยันต์ส่งข้ามไร้ขั้นตอนแผ่นหนึ่งไว้ในมือ สะกดความพรั่นพรึงในใจ หลังจากเข้าไปในสำนักอย่างรวดเร็ว เข้าร่วมกับขบวนขจัดเงาเลือดต้นไม้ใหญ่สีเลือด โบกมือจุดไฟชีวิตในร่างกาย ภายใต้พลังต่อสู้ระดับสูงสุดก็โถมเข้าไปสะกดเงาเลือดตรงๆ

เพราะต้นไม้เลือดถูกสะกด เงาเลือดจึงไร้รากฐาน แม้ตอนแรกจะบ้าคลั่ง แต่เมื่อมาอยู่ท่ามกลางการล้อมโจมตีของศิษย์เจ็ดเนตรโลหิต ก็แตกซ่านไปอย่างต่อเนื่อง แต่จำนวนยังมากอยู่ สวี่ชิงพุ่งทะยานในสำนักด้วยความเร็ว เห็นเงาร่างของเจ้ายอดเขาคนอื่นและเกราะคุ้มกันที่ต่างฝ่ายต่างลงมือด้วยเช่นกัน

เห็นสิ่งเหล่านี้ ความไม่สงบในใจสวี่ชิงก็ดีขึ้นมาบ้าง ทว่าตอนนี้เอง…

บนท้องฟ้า กลางอากาศมีร่างเลือนรางร่างหนึ่ง มาถึงเจ็ดเนตรโลหิตอย่างรวดเร็ว

ชุดคลุมตัวโคร่ง พันสายในดวงตา ผู้มาเยือนคือนกเขาราตรี

เขามองเจ้าสำนักเจ็ดเนตรโลหิตที่กำลังต่อสู้อยู่ไกลๆ ขณะที่ก้าวเท้าไปเบื้องหน้า ก็ถือโอกาสเป่าลมหายใจรดมายังจุดที่สวี่ชิงอยู่

จากนั้นความเร็วไม่ลดลง พุ่งตรงไปยังสนามรบต่อ

บนพื้นดิน สวี่ชิงตั้งตัวไม่ทัน กระทั่งเขายังมองอะไรไม่เห็นอีกด้วย รู้สึกเพียงแค่มีเสียงดังกัมปนาทเสียงหนึ่งดังมา

ครู่ต่อมา…กวานสวรรค์ม่วงสูงสุดก็ปรากฏขึ้น กางพลังคุ้มกันตามสัญชาตญาณ แต่กลับเป็นเหมือนกระดาษ ระเบิดแตกสลายทันที

กวานสวรรค์ม่วงสูงสุดแตกกระจาย

สวี่ชิงรู้สึกเพียงแค่เบื้องหน้ามืดไป วิกฤตความเป็นความตายที่แรงกล้าวูบหนึ่ง ระเบิดขึ้นในใจเขาอย่างรุนแรง

จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงแผดร้องคล้ายเสียงเด็ก

ตุ๊กตาตัวตายตัวแทนของเขาปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ยืดหยัดได้ไม่ถึงหนึ่งอึดใจก็ระเบิดแหลกสลาย เสียไปหนึ่งชีวิต

นี่เท่ากับว่าพริบตานี้สวี่ชิงตายไปแล้วครั้งหนึ่ง!

ยังไม่จบ ด้านในตุ๊กตาตัวตายตัวแทนที่ระเบิดไป ยังมีชีวิตที่สอง แต่ลมหายใจของนกเขาราตรีนั่นน่ากลัวเกินไป ชีวิตที่สองก็ไม่อาจยืนหยัดได้ และตายไปอีกครั้งหนึ่งในพริบตา!

ทั้งหมดนี้ ล้วนเกิดขึ้นในชั่วพริบตา รวดเร็วอย่างมาก และเห็นว่าร่างตุ๊กตาตัวตายตัวแทนนั่นสั่นสะท้าน ชีวิตที่สามเองก็ดับสบายลง แต่การตายก่อนหน้าสองครั้งนั้น ก็ทำให้สวี่ชิงได้รับโอกาสรอดมาครั้งหนึ่ง สวี่ชิงบีบยันต์ส่งข้ามไร้ขั้นตอนในมือจนแตกขณะที่จิตวิญญาณพรั่นพรึงด้วยสัญชาตญาณ

เพียงพริบตา ร่างกายเขาก็บิดเบี้ยว จากนั้นก็มีเสียงเด็กกรีดร้องแหลมขึ้นอีกครั้ง ชีวิตที่สามของตุ๊กตาตัวตายตัวแทน ดับสิ้น!

และร่างของสวี่ชิงในที่สุดก็หายไปจากที่เดิมในตอนนี้ เหลือไว้เพียงคลื่นการส่งข้ามที่ยังตกค้างอยู่เท่านั้น รวมถึงตุ๊กตาตัวตายตัวแทนที่แตกกระจัดกระจายดับดิ้นนับสิบส่วนบนพื้นดิน

“หืม ตัวตายตัวแทนสามครั้ง แล้วยังมียันต์ส่งข้ามไร้ขั้นตอนอีก…” เสียงแผ่วเบาดังมาจากความว่างเปล่า นกเขาราตรีที่จากไปแล้วก็ไม่ใส่ใจอะไร ถึงอย่างไรก็แค่เป่าลมหายใจไปส่งๆ เท่านั้น

ตอนนี้ความสนใจทั้งหมดของเขาอยู่ที่สนามรบ เมื่อร่างไหววูบ ก็พุ่งตรงไปยังจุดที่เจ้ายอดเขาต่างๆ ของเจ็ดเนตรโลหิตกำลังสะกดเงาเลือดอยู่

ภาพเมื่อครู่นี้ ก็ทำให้สีหน้าของเสี่ยเลี่ยนจื่อกับนายท่านเจ็ดเปลี่ยนสีเช่นกัน กระทั่งบรรพจารย์คนอื่นของพันธมิตรแปดสำนักที่กำลังสนใจที่นี่ ยังสัมผัสได้ ต่างหน้าเปลี่ยนสี

“หวนสู่อนัตตา!!”

แต่พริบตาที่ทุกคนจิตใจสั่นสะท้าน นกเขาราตรีก็เข้ามาในยอดเขาต่างๆ ของเจ็ดเนตรโลหิตแล้ว มาอยู่เบื้องหน้านายท่านหก!

การลงมือกับสวี่ชิงก่อนหน้า แค่แหวกหญ้าให้งูตื่น เปิดเผยตัวตนก่อนจะเข้าใกล้สนามรบ นกเขาราตรีจึงแค่เป่าลมเท่านั้น

ทว่าตอนนี้ต่างออกไป ในดวงตานกเขาราตรีเปล่งประกายจิตสังหาร ใช้พลังบำเพ็ญหวนสู่อนัตตาทั้งหมดโถมเข้าใส่ ความเร็วของเขา การเก็บงำล้ำลึก ความเร็วในการระเบิด ความกะทันหันตอนมาถึง ทำให้เสี่ยเลี่ยนจื่อกับนายท่านเจ็ดที่สะกดต้นไม้สีเลือดไม่ทันได้เข้าไปสกัดขวาง พริบตาต่อมา…

เขาปรากฏตัวขึ้นด้านหน้านายท่านหก ยกมือขวาขึ้นชี้นิ้วไปที่หน้าผากนายท่านหก

“สะพานฟ้าดินกลางหน้าผาก สะบั้นทิ้งอนาคตและปัจจุบัน ปิดผนึกการส่งข้าม ตัวตายตัวแทนทั้งหมด ด้วยเหตุนี้พลังต้องห้ามแห่งเทวะ จงบดขยี้!”

แสงเลือดสายหนึ่ง ระเบิดกลางอากาศตรงหน้าผากนายท่านหก

ร่างนายท่านหกสั่นเทิ้ม ดวงตางุนงง เหม่อลอย ดูปลดปลง สุดท้ายแสงในดวงตากับโลกก็มืดหม่น ล้มพับไป

ปราณก่อกำเนิด…ดับสูญ!

เสียงกรีดร้องที่เจ็บปวดเข้ากระดูกดำ ดังออกมาจากปากของนายท่านเจ็ดและเสี่ยเลียนจื่อ อวัยวะภายในทั้งห้าปริแตก

พร้อมกับความสั่นเทาจากความไม่อยากเชื่อและความโศกเศร้า พร้อมกับความคุ้มคลั่งที่เคียดแค้นชิงชังเป็นอย่างยิ่ง

สายลมและเมฆ เปลี่ยนสี!

เจ็ดเนตรโลหิต โศกเศร้าอาดูร!

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง…รายละเอียดกำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท