บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1314 พละกำลังของเฉินซี

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

ที่ 1314 พละกำลังของเฉินซี

บทที่ 1314 พละกำลังของเฉินซี

ทัณฑ์ก่อตัวจากความวิบัติและเข้ากลืนกินเฉินซีจนสิ้น!

เมื่อเห็นฉากเหตุการณ์อันน่าสะพรึง ศิษย์ทั้งหลายต่างตกตะลึง โดยหัวใจของพวกเขาแทบกระดอนมาจุกที่ลำคอ

พลังของเต๋าแห่งทัณฑ์อำนาจเทวะนี้น่าสะพรึงเกินไป หากหายนะแท้จริงก่อเกิด ย่อมมิอาจหลีกเลี่ยงได้!

“มิอาจหลีกเลี่ยงหรือ?”

เหนือหมู่เมฆมงคล สีหน้าไม่ทุกข์ร้อนของเยี่ยถังถูกแทนที่ด้วยความจริงจัง ด้วยพละกำลังของเขา ย่อมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวเมื่อเห็นฉากนี้

แม้แต่เขายังต้องตั้งคำถามหากเป็นตนที่อยู่ตรงนั้น คงเป็นการยากที่จะหลบหนีได้

“เฉินซี… จะปลอดภัยหรือไม่?”

จ้าวเมิ่งหลีผู้อยู่ข้างเคียงวิตกกังวลขณะจับจ้องสนามประลองด้วยดวงตากระจ่างชัด แต่น่าเสียดายที่นางมองเห็นเพียงมวลเมฆทัณฑ์สวรรค์สีดำ ไม่อาจมองเห็นร่างของเฉินซีได้

“ผู้ชนะยังไม่ถูกตัดสิน พวกเรารอดูอีกสักหน่อยเถอะ หากชีวิตของเฉินซีตกอยู่ในอันตรายจริง เขาจะต้องถูกย้ายออกไปจากสนามประลองอย่างแน่นอน”

ในยามนี้ เจิ่นลู่ดูสงบ แต่ข้อนิ้วกลับกำเข้าหากันแน่น แสดงให้เห็นว่าภายในหาได้สงบเหมือนที่แสดงออกไม่

ไม่เพียงแค่พวกเขาเท่านั้น อาจารย์และศิษย์ทั้งหลายของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าในยามนี้ต่างตกอยู่ในความรู้สึกไม่สบายใจ บางคนถึงขั้นไม่เชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นจริง ๆ

หากเฉินซีแพ้ ผู้ชนะในการถกวิถีเต๋าของเจ็ดสำนักถือจะตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น…

วิตก

กระวนกระวาย

ไม่สบายใจ

อารมณ์ทั้งหลายถูกสะกดไว้จนกลายเป็นความเงียบงัน ทำให้เกิดอาการแน่นหน้าอกจนสีหน้าดูน่าเกลียด

ส่วนทางด้านสำนักศึกษาระทมสันต์ สำนักศึกษามหาเดียวดาย และสำนักศึกษานภาไพศาล ทั้งศิษย์อาจารย์ต่างประหลาดใจ ยินดีและตื่นเต้น… ในที่สุดพวกเขาก็จะจัดการสารเลวคนนี้ได้แล้วใช่หรือไม่?

ก่อนหน้านี้เฉินซีจัดการเหยียนอวิ๋น อวี่ซิวสุ่ย หวังเซวี่ยชง และคนอื่น ๆ ทำให้พวกเขาต่างเต็มไปด้วยโทสะคุกรุ่นภายใน พอตอนนี้เห็นว่าเฉินซีจอมอวดดีถูกกำราบในท้ายที่สุด แล้วจะไม่ให้ตื่นเต้นและภาคภูมิได้อย่างไร?

“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ปล่อยให้เขาถูกกำจัดได้โดยง่ายหรอก!”

บนสนามประลอง เซียวเชียนซุ่ยผู้เต็มไปด้วยรัศมีทัณฑ์สวรรค์ที่ก่อตัวจากความวิบัติพลันเงยหน้ามองท้องฟ้าแล้วหัวเราะลั่น มันเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจของผู้มีชัย

คำพูดของเขาทำให้อาจารย์และศิษย์ทั้งหลายของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าสะดุ้งเฮือก จนสีหน้าพวกเขากลับมาน่าเกลียดอีกครา

เซียวเชียนซุ่ยผู้นี้มีนิสัยเย็นชาและโหดเหี้ยมราวกับคนวิปลาส หากเฉินซีเสียท่าจริง เขาอาจถูกทรมานจนอยู่ไม่สู้ตายแน่!

“เจ้าสารเลวจากอำนาจเทวะ! เขากล้าทำตัวภาคภูมิเช่นนี้ หากเฉินซีเป็นอะไรไป การถกวิถีเต๋าจบลงเมื่อไหร่ เจ้าเจอดีแน่!” ตอนนี้หวังต้าวหลูเดือดดาลจนสีหน้าซีดเซียวพลางกัดฟันแน่น

เขารู้สึกรังเกียจการกระทำของเซียวเชียนซุ่ยยิ่งนัก ส่งผลให้สามารถสังเกตความโกรธเกรี้ยวในแววตาได้อย่างชัดเจน

เมื่อเห็นอาจารย์และศิษย์ทั้งหลายของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋ามีท่าทีเช่นนี้ เซียวเชียนซุ่ยก็ยิ่งภาคภูมิและมีความสุข จนหัวเราะออกมาดังลั่น

และเมื่อคิดถึงวิธีที่จะทรมานเฉินซีซึ่งเป็นตัวตนไร้เทียมทานที่มีชื่อเสียงทั่วหล้าต่อหน้าทุกคน เซียวเชียนซุ่ยก็ตื่นเต้นจนทั่วร่างสั่นสะท้าน แก้มที่ตอบและเย็นชาก็เต็มไปด้วยสีแดงระเรื่อ

ทว่าเพียงเสี้ยวลมหายใจต่อมา เสียงหัวเราะของเขาก็หายไปทันที

เพราะเบื้องหน้าของเขา สายฟ้าลงทัณฑ์ที่กลืนกินเฉินซีกลับแยกออกเป็นสองฝั่งอย่างเงียบงัน

จากนั้น ร่างสูงโปร่งหล่อเหลาของเฉินซีก็ปรากฏขึ้น ชายหนุ่มสวมชุดหรูหรา สีหน้าสงบ ผมยาวสีดำพัดปลิวไสว ผิวเนียนกระจ่าง และไร้รอยขีดข่วน!

ดวงตาของเซียวเชียนซุ่ยเบิกกว้างราวกับถูกสายฟ้าฟาด เขามองเบื้องหน้าด้วยความไม่อยากเชื่อแล้วเอ่ยเสียงหลง “จะ จะ… เจ้า… ทำไม?!”

ในเวลาเดียวกัน เมื่อทุกคนเห็นฉากนี้ พวกเขาทั้งหลายต่างแข็งทื่อราวกับเห็นปาฏิหาริย์บังเกิดตรงหน้าจนหายใจติดขัด สภาพจิตใจปั่นป่วนถึงขีดสุด

ก่อนหน้านี้ พวกเขาวิตกกังวลเกี่ยวกับโชคชะตาของเฉินซี

ตอนนี้เฉินซีปรากฏตรงหน้าในสภาพสมบูรณ์ โดยไร้ซึ่งบาดแผลแม้แต่น้อย!

ผลลัพธ์นี้ทำให้อารมณ์ของพวกเขายิ่งผันผวน มันให้ความรู้สึกเหมือนกับถูกทรมานจนถึงจุดที่จะหยุดหายใจ แต่โดยรวมแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่ประหลาดใจอย่างมาก

ส่วนสำนักศึกษาระทมสันต์ สำนักศึกษามหาเดียวดาย และสำนักศึกษานภาไพศาลต่างไม่อยากเชื่อและตกตะลึงเช่นกัน อารมณ์ตื่นเต้นและอิ่มเอมใจก่อนหน้าพลันมลายหายสิ้น

“ปะ… เป็นไปได้อย่างไร! เจ้าสารเลวคนนั้นมันทำได้อย่างไร?” ศิษย์จากสำนักศึกษาระทมสันต์แผดเสียงออกมาอย่างไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้

เพียงหนึ่งประโยคก็กระตุ้นโทสะของอาจารย์และศิษย์สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าทั้งหลายทันที

“สารเลว! พูดเช่นนี้ได้อย่างไร?”

“บัดซบ รอให้การถกวิถีเต๋าจบก่อนเถอะ ข้าจะช่วยแก้ปากเน่าเสียให้กับสารเลวเช่นเจ้าเอง!”

“เจ้าถึงกับกล้าต่อว่าศิษย์พี่เฉินซีในอาณาเขตของพวกข้าสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า เจ้าคนสารเลว รอข้าก่อนเถอะ!”

ศิษย์จากสำนักศึกษาระทมสันต์ถูกต่อว่าจนสีหน้าอัปลักษณ์และเดือดดาลทันที แต่ก็ไม่กล้าตอบโต้ ช่วยไม่ได้ การสร้างโทสะแก่คนของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าอาจทำให้พวกเขาไม่สามารถออกจากที่นี่ได้โดยไร้รอยขีดข่วน

“เจ้าทำได้แค่นี้เองหรือ?”

บนสนามประลอง เฉินซีเผยรอยยิ้มเยาะออกมาขณะเงยหน้ามองเซียวเชียนซุ่ย ปลายนิ้วสีขาวราบเรียบมีสายฟ้าลงทัณฑ์เกาะกุมเคล้าคลอเคลีย แต่กลับไม่สามารถทำอะไรเขาได้

เซียวเชียนซุ่ยได้สติกลับคืนมา แต่เรื่องตรงหน้านั้นยากที่จะเชื่อ เฉินซีสามารถรอดจากความวิบัติโดยไร้รอยขีดข่วนได้อย่างไร?

เฉินซีย่อมไม่บอกว่าตั้งแต่เริ่มบ่มเพาะ ตนครอบครองชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก ทำให้ชะตาถูกบดบังด้วยความลับสวรรค์ จนถูกมองว่าเป็น ‘สิ่งแปลกปลอม’ สำหรับเต๋าแห่งสวรรค์แม้กระทั่งยามก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์ขอบเขตเซียนปฐพี เขาไม่มีทางเลือกนอกจากบ่มเพาะเคล็ดวิชาลับอย่าง ‘ธรรมเทพไร้ขอบเขต’ ซึ่งได้รับมาจากชั้นบนสุดของเจดีย์ต้าเหยี่ยนแห่งพิภพยันต์อักขระเพื่อปกปิดกลิ่นอายทั่วทั้งร่างกาย

กล่าวได้ว่าเฉินซีไร้ซึ่งกลิ่นอายแห่งภัยพิบัติในร่างกาย หาไม่แล้วเขาคงตายไปนานแล้ว จะมีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ได้อย่างไร?

และด้วยผลจากธรรมเทพไร้ขอบเขต มวลเมฆทัณฑ์สวรรค์สีดำจะทำร้ายเขาได้อย่างไร?

“นี่มันเป็นไปไม่ได้! ข้าไม่เชื่อ!”

ทันใดนั้น เซียวเชียนซุ่ยเงยหน้ามองท้องนภาแล้วแผดเสียงคำราม กลิ่นอายแห่งความวิบัติก่อตัวขึ้นทั่วร่างก่อนจะทะยานออกจากกระบี่เซียนสังหารเทพ กลายเป็นสายฟ้าสีดำจำนวนมหาศาลฟาดลงมาอย่างรุนแรงอีกครา

ครั้งนี้เฉินซีไม่ออมมืออีกต่อไป

ฟ่าว!

ปราณกระบี่วูบไหวในอากาศธาตุ ก่อนสายลมและสายฟ้าจะปรากฏ

มันคือตราศักดิ์สิทธิ์แห่งพายุ!

นี่คือกระบี่ที่ผสานระหว่าง ‘กระบี่แห่งวายุ’ กับ ‘กระบี่แห่งอสนี’ จากยันต์เทวะอนันต์ มันถูกหล่อหลอมโดยตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งวายุและอสนี ประกอบกับได้รับความช่วยเหลือสูงสุดจากขอบเขตเซียนกระบี่ พลังดังกล่าวแก่กล้าประหนึ่งพายุที่สร้างความตกตะลึงทั่วสวรรค์ทั้งเก้า!

ตู้ม!

สายฟ้าลงทัณฑ์ทั้งหลายถูกบดขยี้ ร่างของเซียวเชียนซุ่ยถูกผลักออกไปอย่างรุนแรงประหนึ่งว่าวที่ป่านขาด เขาถึงขั้นกระอักโลหิตออกมา

การโจมตีนี้น่าสะพรึง พลังของวายุและอัสนีกวาดผ่านหมู่เมฆอยู่โดยรอบ!

ผู้ชมทั้งหลายต่างตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ เรียกได้ว่าพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ!

“เจ้า… เจ้า… ปกปิดความแข็งแกร่งเอาไว้หรือ?”

เซียวเชียนซุ่ยยืนนิ่งขณะร่องรอยความประหลาดใจปรากฏบนใบหน้าซีดเผือด

“เจ้าเพิ่งรู้หรือ?”

เฉินซีในตอนนี้คล้ายกับสงบยิ่ง เขาไม่ทำการรุกคืบต่อขณะเอ่ยคำ “ถูกต้อง ข้าแค่อยากเห็นว่าเจ้าได้เรียนรู้เคล็ดวิชาใดมาจากที่นั่น น่าเสียดายที่มันดูอ่อนด้อยยิ่งนัก”

หมายความว่าอย่างไร?

แม้เฉินซีไม่เอ่ยตามตรง แต่เซียวเชียนซุ่ยเข้าใจแจ่มแจ้งว่าอีกฝ่ายกำลังเอ่ยถึงนิกายอำนาจเทวะ จึงเป็นการยากที่เขาจะสงบใจลงได้ สีหน้ายิ่งเต็มไปด้วยความสงสัย

เมื่อทุกคนรอบสนามประลองได้ฟังคำของเฉินซี พวกเขาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เมื่อครู่… เฉินซียังออมกำลังเอาไว้อีกหรือ? สิ่งที่เขาทำเป็นเพียงทดสอบความสามารถของเซียวเชียนซุ่ยอย่างนั้นหรือ?

“ศิษย์น้องเฉินซีช่างเป็นคนที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก! ฮ่าฮ่าฮ่า…” เยี่ยถังผู้อยู่เหนือเมฆมงคลหัวเราะเสียงดังลั่น

เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง อีกทั้งยังเป็นตัวประหลาดที่ไม่อาจทำความเข้าใจได้!

ทุกคนทั้งตกตะลึงและประหลาดใจ

“เหอะ! ช่างเป็นคำพูดที่อวดดีเสียจริง!”

ขณะมองเฉินซีผู้มีท่าทีสงบนิ่ง เซียวเชียนซุ่ยก็รู้สึกว้าวุ่นอยู่ภายใน เขาไม่กล้าลังเลอีกต่อไป พุ่งเข้าโจมตีใส่เฉินซีอีกครั้ง

เขาทุ่มสุดกำลัง ทำให้ปราณกระบี่ทั่วท้องนภากลายเป็นสายฟ้าลงทัณฑ์ขนาดใหญ่น่าตกตะลึง ส่งผลให้ฟ้าดินมืดมิด ตะวันจันทราสูญสิ้นแสงสว่าง

ฟ่าว!

ทว่าเฉินซียังคงยืนนิ่งขณะฟาดฟันกระบี่ออกไปแผ่วเบา โดยหยินหยางหลอมรวมในปราณกระบี่ สีดำและสีขาวผสมปนเป มันคือดาบที่เกิดจากการหล่อหลอมของสองมรดกสูงสุดอย่าง ‘กระบี่แห่งหยิน’ และ ‘กระบี่แห่งหยาง’ จากยันต์เทวะอนันต์!

ดาบเล่มนี้เจิดจ้ากว้างใหญ่ คล้ายกับแบ่งแยกฟ้าดิน สีดำและสีขาว ความดีและความชั่ว รุ่งอรุณและราตรีกาล ก่อนจะฟื้นฟูดาราจักรอันแจ่มชัดให้กับโลก!

ตู้ม!

หลังเกิดการปะทะสะเทือนฟ้าดิน เซียวเชียนซุ่ยเป็นฝ่ายปราชัยอีกครั้ง เขาซวนเซแล้วกระอักโลหิตออกมา ร่างกระเด็นอย่างรุนแรงอันเนื่องมาจากเฉินซีเป็นหนที่สอง สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ความสับสน และความไม่อยากเชื่อ

เหล่าผู้ชมตกตะลึงเช่นกัน พลังต่อสู้ที่เฉินซีสำแดงทั้งก่อนและหลังแตกต่างกันจนแทบจะเป็นคนละคน!

ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงมั่นใจว่าสิ่งที่เฉินซีเอ่ยก่อนหน้านี้อาจจะเป็นความจริง ส่วนสาเหตุที่ทำไมเซียวเชียนซุ่ยสามารถยืนหยัดได้ก่อนหน้านี้ ก็เพราะเฉินซีไม่ได้ทุ่มสุดกำลัง!

เฉินซีผู้อยู่บนสนามประลองมีสีหน้าเฉยชาขณะเอ่ยประโยคซ้ำอีกครั้ง “ดูเหมือนเจ้าจะไม่ใช่ศิษย์สายตรงสินะ หาไม่แล้วจะอ่อนแอเพียงนี้ได้อย่างไร”

สาเหตุที่เอ่ยเช่นนั้นก็เรียบง่ายนัก ในความเห็นของเขา ตนคือศิษย์ที่อ่อนแอที่สุดของเขาเทพพยากรณ์ แต่อีกฝ่ายถึงกับแย่ยิ่งกว่า จึงไม่มีทางจะเป็นศิษย์สายตรงจากนิกายอำนาจเทวะได้ เพราะหนึ่งในสามนิกายสูงสุดของภพทั้งสาม ศิษย์สายตรงจากนิกายอำนาจเทวะไม่น่าจะอ่อนแอเช่นนี้

สิ้นคำ แก้มยาวตอบของเซียวเชียนซุ่ยกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้ ประหนึ่งหัวใจถูกคำพูดเหล่านั้นทิ่มแทง ทำให้สีหน้ายิ่งหมองหม่นยิ่งกว่าเดิม

“เจ้าคนสารเลว ปากดีนัก! เอาชนะข้าให้ได้ก่อนเถอะ!”

สิ้นคำ เซียวเชียนซุ่ยก็หายไปอีกครั้ง

เพียงพริบตา สายฟ้าลงทัณฑ์ก็ปรากฏบนสนามประลองอีกครั้ง พลังของมันยิ่งน่าสะพรึงทบทวี

ถึงกระนั้นเฉินซีกลับหงุดหงิดเล็กน้อย ด้วยประกายเย็นเยือกจากกระบี่ ตราศักดิ์สิทธิ์เบญจธาตุก็กระจายออกกลายเป็นร่องรอยของไอเย็นเยือกน่าขนลุก ทันใดนั้นมันก็หายไปจากอากาศธาตุ

ตู้ม!

พริบตาต่อมา เสียงคำรามไร้ที่สิ้นสุดดังก้องในสนามประลอง สายฟ้าลงทัณฑ์น่าสะพรึงถูกบดขยี้ทีละน้อยในการโจมตีเพียงครั้งเดียว จากนั้นปราณกระบี่ที่มิอาจทำลายได้ก็เคลื่อนตาม ราวกับสามารถทำให้กระบี่ทั้งหลายยอมจำนนด้วยพลังสูงสุด!

สีหน้าของเซียวเชียนซุ่ยพลันแปรเปลี่ยน แต่เขาไม่มีเวลาหลบเลี่ยง จึงทำได้เพียงฝืนต้านมันเอาไว้ จากนั้นทั่วร่างก็เหมือนถูกมังกรบรรพกาลถาโถมเข้าใส่

กร๊อบ! กร๊อบ!

ภายใต้สายตาหวาดกลัวของผู้คน กระดูกทุกท่อนในร่างพลันระเบิดในทันที โลหิตไหลอาบไปทั่ว ใบหน้ายับเยินด้วยผลจากพลังมหาศาลจนแม้แต่มารดาก็ไม่อาจจำใบหน้าได้!

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท