ตอนที่ 172 ของขวัญขอบคุณ
เจ้าหน้าที่หน้าประตูที่ทำการพอเห็นขบวนเดินมากันอย่างฮึกเหิมก็ตกใจนิ่งอึ้งไปทันที
เช้าตรู่ขนาดนี้มาทำอันใดกัน ก่อกบฏหรือ
ได้ยินว่าเมื่อคืนมีโจรบุกเข้าร้าน จึงได้จับตัวมาส่งทางการ เจ้าหน้าที่ได้ยินก็ลอบถอนใจ รีบเข้าไปรายงาน
ยามนี้เจ้ากรมศาลซุ่นเทียนปรากฏตัวหน้าโถงตัดสินคดีด้วยสีหน้าดำทะมึน
อากาศหนาวเช่นนี้ เหตุใดมีคนคิดไม่ตกออกปล้นกัน!
โอะ ร้านหนังสือชิงซงอีกแล้ว
เจ้ากรมศาลซุ่นเทียนยังจำคดีศพหน้าประตูสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนได้แม่นยำ ตอนนั้นร้านหนังสือชิงซงเพิ่มงานให้เขาไม่น้อย
พอได้ยินจำนวนโจรที่บาดเจ็บล้มตายเมื่อคืนวานนี้ เจ้ากรมศาลซุ่นเทียนก็นิ่งเงียบทันที
ร้านหนังสือชิงซงจ้างผู้คุ้มกันไว้เท่าไรกัน
เจ้ากรมศาลซุ่นเทียนพลันรู้สึกว่าทำหน้าตาเช่นนี้ไม่ดี รีบเผยรอยยิ้มเป็นมิตรให้ซินโย่ว
การบุกเข้าปล้นบ้านเรือนยามวิกาล เจ้าบ้านไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบต่อการบาดเจ็บล้มตายของโจร เพราะอย่างไรโจรที่เหลืออยู่ก็มีโทษประหาร
หลังสอบสวนคดีก็มิได้มีอะไรซับซ้อน รองหัวหน้าผู้คุ้มกันร้านหนังสือชิงซงคนหนึ่งสมคบคิดวางแผนกับโจรไว้นานแล้ว ผู้คุ้มกันที่เฝ้าห้องคลังคนหนึ่งก็รู้เห็นเป็นใจ
เหตุที่ลงมือเมื่อคืนวานนี้ก็เพราะตอนนั้นเป็นเวรยามของผู้คุ้มกันผู้นั้นเฝ้าห้องคลัง หลังสอบสวนกระจ่าง คนที่รอดชีวิตถูกจับส่งคุกทั้งหมด ที่ตายไปก็ลากไปป่าช้า แต่เรื่องราวที่ร้านหนังสือชิงซงกลับยังไม่จบลงแค่นี้
ผู้คุ้มกันสี่คนที่ขนย้ายหีบไม่มีปัญหา มีเพียงคนเดียวที่เอ่ยหลุดปากออกไปยามดื่มสุรากับรองผู้คุ้มกัน ทำให้เขาคาดเดาได้ว่าในหีบมีเงินทอง จึงเกิดความละโมบ
สำหรับผู้คุ้มกันที่ปิดปากไม่สนิท ซินโย่วไม่ได้ไล่ออก แต่ย้ายไปทำร้านอื่น
หัวหน้าหยางไม่ค่อยเข้าใจนัก “ท่านเจ้าของร้าน แม้เขาไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็เป็นเหตุให้โจรปล้นร้านหนังสือ สมควรให้ออก”
เจ้าของร้านเมตตาเกินไปแล้ว
ซินโย่วอธิบายอย่างใจเย็น “เขาเองก็จงรักภักดีต่อร้านหนังสือ รู้ว่าตนเองทำผิด ไปร้านอื่นแล้วก็จะตั้งใจทำงาน หากให้เขาออกไป จะเป็นการทำลายเส้นทางดำรงชีพของเขา เขารู้เรื่องราวภายในร้านหนังสือหลายเรื่อง หากเกิดจิตคิดชั่วก็ไม่แน่ว่าวันหน้าอาจนำภัยมาสู่ได้”
หัวหน้าหยางได้ยินก็รู้สึกยอมรับด้วยใจ “ท่านเจ้าของร้านคิดการได้รอบคอบ”
จากนั้นหัวหน้าหยางก็ลงคุกเข่าโขกศีรษะอย่างแรงทีหนึ่ง
“หัวหน้าหยางทำอันใดน่ะ” การกระทำของเขาทำให้ซินโย่วนิ่งอึ้งไปทันที
“หากไม่ได้เจ้าของร้านพบปัญหาและเตรียมการล่วงหน้า ตอนนั้นข้าน้อยก็คงไร้ลมหายใจแล้ว”
เขาไม่มีวันลืมดาบยาวแสงวาววับฟันใส่หน้าเขา หากไม่เบนออกไปอีกนิด…
และยังมีคนที่เจ้าของร้านเชิญมา หากไม่มีคนเหล่านั้น ยามคับขัน ผู้คุ้มกันร้านหนังสือคงต้องบาดเจ็บล้มตาย แม้เขาหลบการโจมตีแรกมาได้ ก็อาจไม่รอด…
หัวหน้าหยางยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเจ้าของร้านก็คือผู้มีพระคุณของเขา แน่นอนว่าเขาไม่รู้ว่าก้อนหินที่ทำให้ดาบเบนออกนอกทิศทางก็มาจากฝีมือซินโย่ว ไม่เช่นนั้นจะต้องมีความคิดมอบกายถวายชีวิตเป็นแน่
“มีอีกเรื่องหนึ่ง มอบให้ผู้อื่นรู้สึกไม่วางใจ ต้องขอให้หัวหน้าหยางไปจัดการหน่อย”
“ท่านเจ้าของร้านว่ามาได้เลย” หัวหน้าหยางกำลังคิดว่าจะตอบแทนอย่างไร พอได้ยินว่ามีเรื่องที่เขาทำได้อย่าได้เอ่ยว่าเขาดีใจเพียงใด
“มีของขวัญแสดงการขอบคุณชิ้นหนึ่ง รบกวนนำไปมอบให้ใต้เท้าเฮ่อ”
แต่พอคิดได้ว่าหัวหน้าหยางไม่รู้จักกับเฮ่อชิงเซียว ซินโย่วจึงสั่งการหลิวโจวให้ตามไปด้วย
ตอนกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเดินนำไปพบเฮ่อชิงเซียว หลิวโจวเดินอยู่ข้างหัวหน้าหยางกระซิบถามขึ้นว่า “หนักไหม”
หัวหน้าหยางอุ้มหีบไว้ด้วยสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก “ไม่หนัก”
พอเห็นเฮ่อชิงเซียว หลิวโจวยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “ใต้เท้าเฮ่อ นี่คือของขวัญขอบคุณที่เจ้าของร้านเรานำมามอบให้พี่น้องเหล่านั้น ขอท่านอย่าได้รังเกียจขอรับ”
หัวหน้าหยางรีบวางหีบลงบนพื้น
เฮ่อชิงเซียวมองหีบสี่เหลี่ยมทีหนึ่ง นิ่งเงียบครู่หนึ่งก็เอ่ยว่า “คุณหนูโค่วเกรงใจไปแล้ว รบกวนขอบคุณเจ้าของร้านพวกเจ้าแทนข้าด้วย”
“เช่นนั้นพวกข้าน้อยขอตัวก่อน”
หลิวโจวกับหัวหน้าหยางไปแล้ว เฮ่อชิงเซียวก็ตามเหยียนเชามา
“นี่คือของขวัญขอบคุณที่คุณหนูโค่วมอบให้ พวกเจ้าเอาไปแบ่งกัน”
เหยียนเชาเหลือบมองหีบอย่างนึกอยากรู้ หรือว่าเป็นเหรียญทองแดงหีบหนึ่ง
ควรรู้ว่าคนธรรมดาแลกเปลี่ยนซื้อขายกันด้วยเหรียญทองแดงเป็นหลัก ใช้เงินก้อนโดยตรงน้อยมาก หีบใหญ่เช่นนี้ ไม่ว่าผู้ใดก็คงไม่คิดโยงไปถึงว่าเป็นเงินก้อนทองก้อน
“เปิดออกดูสิ”
พอเฮ่อชิงเซียวสั่ง เหยียนเชาก็หันไปเปิดหีบ จากนั้นก็ผงะถอยอย่างตกตะลึงตาค้าง
เฮ่อชิงเซียวคาดเดาได้แล้วว่าเป็นหีบเงินก้อน แต่พอได้เห็นก็ยังรู้สึกอึ้งไปอยู่บ้าง
“ใต้เท้า…”
“นับดู”
เงินก้อนก้อนละสองตำลึง กองเต็มหีบเป็นชั้นๆ
“หนึ่ง สอง สาม…” นับถึงห้าสิบกว่า เหยียนเชาก็หยุด เริ่มนับใหม่ “หนึ่ง สอง…”
เฮ่อชิงเซียวถามขึ้นว่า “ทำไมหรือ”
เหยียนเชาตอบด้วยอาการงุนงง “นับจนลืมขอรับ”
ความจริงกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินก็มีเงินทองผ่านมือกันไม่น้อย แต่เงินเหล่านั้นล้วนเป็นของกลาง แต่หีบตรงหน้าเป็นของขวัญขอบคุณของพวกเขา
“ใต้เท้า ทั้งหมดหกร้อยตำลึงเงิน!”
“เจ้าเอาไปห้าสิบ ห้าร้อยตำลึงที่เหลือให้แบ่งเท่าๆ กัน อีกห้าสิบตำลึงแจกตามความหนักเบาของอาการบาดเจ็บ”
มุมปากเหยียนเชากระตุกทีหนึ่ง “ที่หนักหนาที่สุดคนหนึ่งก็เป็นเพียงบาดแผลภายนอก”
กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินคัดเลือกมาพิเศษห้าสิบนายต่อสู้กับพวกมดปลวดสิบกว่าคน ได้รับบาดเจ็บไม่ใช่เรื่องมีเกียรติ แต่เป็นเรื่องน่าอับอาย
“ใต้เท้า ท่านไม่เก็บไว้หรือขอรับ”
“ไม่ พวกเจ้าไปแบ่งกันเถอะ”
กับรายได้เปิดเผยเหล่านี้ เฮ่อชิงเซียวไม่คิดครองไว้ ถึงกับแจกให้ลูกน้องหมด แต่นี่คือของขวัญขอบคุณของคุณหนูโค่ว
ลูกน้องทำงานนอกเหนืองานหลัก ได้รับค่าตอบแทนย่อมเป็นเรื่องปกติ แต่เขาไม่อยากรับเงินเพราะช่วยงานคุณหนูโค่ว
เฮ่อชิงเซียวนึกถึงหกพันตำลึงแล้วก็ถอนหายใจ น้ากุ้ยไม่ทำอาหารให้เขากินสามวันเพราะเรื่องนี้
เหยียนเชาตามคนร่วมปฏิบัติการมาครบในเวลาอันรวดเร็ว ค่อยๆ กวาดตามองทุกคน “เมื่อคืนวานนี้ ลำบากทุกคนแล้ว เดิมโจรก่อความไม่สงบก็เป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้ว แต่คุณหนูโค่วเจ้าของร้านหนังสือชิงซงเห็นว่าลำบากทุกคนแล้ว จึงได้ตั้งใจมอบของขวัญขอบคุณให้แก่ทุกคน”
ได้ยินคำว่า ‘ของขวัญขอบคุณ’ ทุกคนต่างก็มีสีหน้าตกตะลึง
แค่ออกแรงเล็กน้อย ถึงกับมีของขวัญขอบคุณ?
เหยียนเชาเห็นปฏิกิริยาเช่นนี้ก็เก็บซ่อนสายตา ในใจแค่นเยาะ เมื่อคืนวานนี้หิมะตกหนัก อย่าคิดว่าเขาไม่รู้มีบางคนไม่พอใจ
คุณหนูโค่วช่างเป็นคนรอบคอบ ช่วยกู้หน้าให้ใต้เท้าพวกเขาแล้ว!
เหยียนเชาเปิดหีบออก ก็ได้ยินเสียงสูดลมหายใจของทุกคน
“เงินก้อนในหีบ ทุกคนหยิบคนละห้า มาทีละคน ห้ามหยิบเกิน!”
“ให้พวกเราจริงหรือขอรับ” มีคนอดถามไม่ได้
คนละห้าก้อน ก็ตั้งสิบตำลึง เบี้ยหวัดกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินพวกเขานับว่าไม่เลว แต่ออกแรงคืนเดียวได้มาเปล่าๆ มากมายเช่นนี้นั้นไม่เหมือนกัน
ผู้ใดเก็บเงินก้อนสิบตำลึงได้แล้วจะไม่ยินดีกัน
ทุกคนต่างหยิบเงินกันอย่างยินดีปรีดา คนที่ได้รับบาดเจ็บได้เพิ่มอีกสองตำลึง สุดท้ายเหลือยี่สิบกว่าตำลึง ตัดสินใจนำไปดื่มสุรากัน
วันหิมะตกหนัก ดื่มสุราฤทธิ์แรง ขณะบรรดากองกำลังองครักษ์จิ่นหลินดื่มสุรากินอาหารกันอบอุ่นอยู่นั้น ในใจก็อดเกิดความคิดขึ้นมาพร้อมกันไม่ได้ หากใต้เท้าได้แต่งกับคุณหนูโค่วก็คงดี ติดตามคุณหนูโค่วมีกินมีใช้!
ดังนั้นผู้ดูแลร้านหูพบว่าในบรรดาคนมาซื้อหนังสือพลันมีชายหนุ่มแลดูแข็งแรงเพิ่มมากขึ้นไม่น้อยจ่ายเงินสองร้อยเหรียญทองแดงแล้วก็คุยเรื่องใต้เท้าเฮ่อกับเขาเป็นนาน
พอถึงคนที่แปดผู้ดูแลร้านหูก็ทนไม่ไหวดันออกพลางเอ่ยว่า “รบกวนหลบหน่อย ขวางทางข้าเก็บเงิน”