ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 273 ยุ่งยาก

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 273 ยุ่งยาก

เมื่อเห็นขวานไม้ท้อ ม่านตาของแม่ทัพใหญ่ลั่วก็หดลง

ลั่วเซิงวางขวานไม้ท้อลงบนโต๊ะ ถามแม่ทัพใหญ่ลั่วว่า “เรื่องที่ท่านพ่อไปตรวจสอบก่อนหน้านี้ มีเบาะแสบ้างหรือไม่เจ้าคะ”

แม่ทัพใหญ่ลั่วคิดจะปิดบังโดยสัญชาติญาณ แต่เมื่อเห็นสายตาอันลุ่มลึกและสงบของเด็กสาวก็เปลี่ยนความคิด

เขาจะเห็นนางเป็นเด็กตลอดไปไม่ได้

เดิมเรื่องนี้ลั่วเซิงเป็นคนประสบ และก็เป็นเพราะลั่วเซิงเขาจึงไปตรวจสอบ หากมีความคืบหน้าเขาไม่ควรปิดบังนาง

“สิ่งที่ตรวจสอบได้ล่าสุดคือขวานไม้ท้อคือสัญลักษณ์ที่กลุ่มลึกลับกลุ่มหนึ่งใช้เพื่อพิสูจน์ตัวตน ส่วนเรื่องอื่นๆ ยังคงอยู่ระหว่างการตรวจสอบ”

“กลุ่มนักฆ่า?”

แม่ทัพใหญ่ลั่วชะงัก “เซิงเอ๋อร์รู้จักด้วยหรือ”

ลั่วเซิงยิ้มยิ้ม “ถามจากปากของคนที่ลักพาตัวเสี่ยวชีไป เขาบอกว่าเมื่อก่อนเป็นนักฆ่าคนหนึ่ง แต่บาดเจ็บสาหัสตอนปฏิบัติหน้าที่เมื่อแปดปีก่อนจึงออกจากกลุ่มแล้ว”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดเขาต้องลักพาตัวเสี่ยวชีด้วยเล่า”

“เอ่อ ต่อมาเขากลายเป็นสารถีของจวนอันกั๋วกง คุณหนูรองจวนอันกั๋วกงไม่ถูกกับลูกมาแต่ไหนแต่ไร นางเลยสั่งให้เขามาสังหารแม่ครัวของหอสุราเพื่อสร้างปัญหาให้ลูกเจ้าค่ะ”

“อย่างนี้นี่เอง” สีหน้าแม่ทัพใหญ่ลั่วเคร่งขรึมลง

จวนอันกั๋วกงช่างกล้าจริงๆ เห็นทีสิ่งที่เกิดขึ้นกับอำมาตย์เฉินยังไม่อาจทำให้ได้สติสินะ

บังอาจสร้างปัญหาให้บุตรสาวของเขา คิดว่าเขาผู้เป็นผู้บัญชาการองครักษ์จิ่นหลินเป็นเพียงแค่ของประดับหรือไร

“ท่านพ่อ เรื่องนี้ท่านไม่ต้องเป็นกังวลเกินไป ไคหยางอ๋องจะจัดการเองเจ้าค่ะ”

แม่ทัพใหญ่ลั่วหรี่ตาลงเล็กน้อย พูดแฝงความนัยว่า “คิดไม่ถึงว่าไคหยางอ๋องจะชอบช่วยเหลือผู้อื่นเช่นนี้”

“เขาเห็นลูกเป็นเพื่อนเจ้าค่ะ” ลั่วเซิงอธิบายอย่างไม่ใส่ใจนัก

ไม่สมควรนี่ เซิงเอ๋อร์รู้จักฉุดผู้ชายตั้งแต่อายุสิบสองสิบสามแล้ว ไคหยางอ๋องรุกเร้าเช่นนี้ นางจะเข้าใจผิดว่าอีกฝ่ายเห็นนางเป็นเพื่อนหรือ

ลั่วเซิงยิ้ม “ไคหยางอ๋องเป็นคนพูดเองเจ้าค่ะ”

แม่ทัพใหญ่ลั่วไอออกมาอย่างแรง ไอจนน้ำตาคลอเบ้า

เขาดูออกแล้ว หากไคหยางอ๋องไม่ใช่คนโง่บรมก็เป็นคนที่ชั่วร้ายมาก

เขาเป็นคนแบบไหนกันนะ

ไม่ว่าจะเป็นคนแบบไหน เขามักจะรู้สึกไม่วางใจที่จะส่งบุตรสาวให้อีกฝ่าย

“ท่านพ่อ อันที่จริงคุณหนูรองจูนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร สิ่งที่ลูกอยากบอกท่านไม่ใช่เรื่องนี้”

แม่ทัพใหญ่ลั่วดื่มชาคำหนึ่ง “เจ้าว่ามาสิ”

“เราตามหาเสี่ยวชีตามที่คนๆ นั้นบอก เห็นเพียงรอยเลือดไม่เห็นคน หลังจากนั้นเพิ่งรู้ว่ามีคนอีกคนหนึ่งต้องการสังหารเสี่ยวชี โชคดีที่เสี่ยวชีมีไหวพริบ หนีออกจากที่นั่นได้…”

แม่ทัพใหญ่ลั่วได้ยินก็ขมวดคิ้ว “คนที่จะสังหารเสี่ยวชีไม่ได้สมรู้ร่วมคิดกับคนที่ลักพาตัวเสี่ยวชีหรือ” มิหนำซ้ำคนหลังยังแย่กว่าคนแรก

คนที่ลักพาตัวเสี่ยวชีถูกลั่วเซิงจับไว้ได้ ถึงอย่างไรก็มีไคหยางอ๋องช่วยเหลือ คนที่จะสังหารเสี่ยวชียังปล่อยให้เด็กคนหนึ่งหนีไปได้?

ความสามารถเช่นนี้ หากอยู่ในองครักษ์จิ่นหลินคงทำได้เพียงงานขัดส้วมเท่านั้น

ตั้งแต่ที่ลั่วเซิงนำขวานไม้ท้อออกมา นางก็ไม่คิดจะปิดบังอยู่แล้ว นางพยักหน้าพูดว่า “ไม่ใช่พวกเดียวกันเจ้าค่ะ คนที่จะสังหารเสี่ยวชีคือลูกน้องของพี่ห้า”

แม่ทัพใหญ่ลั่วลุกพรวด ยากที่จะปิดบังสีหน้าตกตะลึง

ลั่วเซิงรอให้แม่ทัพใหญ่ลั่วค่อยๆ ยอมรับความจริงข้อนี้

แม่ทัพใหญ่ลั่วเดินเอามือไพล่หลังก้าวไปมาสองก้าวแล้วเดินกลับไปนั่งลง ยกจอกชาขึ้นดื่มลงไป น้ำเสียงกลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง “เซิงเอ๋อร์รู้ได้อย่างไร”

ลั่วเซิงพูดอย่างสงบว่า “ไม่กี่เดือนก่อนท่านพ่อส่งพี่ห้าไปปราบโจรพร้อมกองกำลังในพื้นที่ โจรระหว่างทางจากจินซาจนถึงเมืองหลวงถูกปราบ มีโจรป่าสองคนหนีออกมาได้ พวกเขาหลบหนีมาถึงเมืองหลวง โจรป่าหนึ่งในนั้นก็คือเสี่ยวชี…”

“อาจจะเป็นความประสงค์ของสวรรค์ ตอนที่เสี่ยวชีหลบหนีกองทหารปราบปรามบังเอิญเห็นคนที่จะสังหารเขาวันนี้เข้าพอดี และครานั้นคนๆ นั้นติดตามอยู่ข้างกายพี่ห้า”

แม่ทัพใหญ่ลั่วกำหมัดแน่น สีหน้าเปลี่ยนแปลงไม่หยุด

“แต่ว่ามีเรื่องหนึ่งที่ลูกคิดไม่ออก”

“พูดมาสิ” แม่ทัพใหญ่ลั่วค่อยๆ เอ่ยออกมา

“ระหว่างทางที่เข้าเมืองลูกโดนคนไล่สังหาร ครานั้นก็สงสัยแล้วว่าในองครักษ์จิ่นหลินมีหนอนบ่อนไส้ แต่หากคนๆ นี้คือพี่ห้า หากลูกเป็นอะไรไปเขาจะได้ประโยชน์อะไรหรือ”

แม่ทัพใหญ่ลั่วยิ้มหยัน “เขาจะได้ประโยชน์อะไรกัน เดิมเจ้าหมอนั่นรับผิดชอบจวนจินหลินอยู่แล้ว หนึ่งในความรับผิดชอบของเขาก็คือปกป้องเฉินเอ๋อร์และเจ้า หากเจ้าเป็นอะไรไป ดูซิว่าข้าจะถลกหนังเขาหรือไม่…”

ลั่วเซิงขมวดคิ้ว “ลูกก็เลยประหลาดใจ เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีคนอื่นจ้างเขามาสังหารลูก”

รับจ้างฆ่าคน ไม่ถามความแค้น นักฆ่าลงมือกับเป้าหมายเพียงเพราะเงิน ดังนั้นเป้าหมายสุดท้ายในการติดตามกลุ่มนักฆ่าไล่ฆ่าคือการติดตามเบาะแสเพื่อค้นหาผู้จ้างวานนักฆ่าที่แท้จริง

หากคำนึงในแง่ของประโยชน์ ความเป็นไปได้ที่คนๆ นั้นคืออวิ๋นต้งมีไม่มาก

นี่คือสาเหตุที่นางยังคงสงสัยแม้ว่าจะได้ยินคำพูดเหล่านั้นจากปากของเสี่ยวชีแล้วก็ตาม

แม่ทัพใหญ่ลั่วเงียบไปนาน เขานวดหว่างคิ้ว “เรื่องนี้ขอให้พ่อคิดดีๆ ก่อน เซิงเอ๋อร์ เจ้าก็เหนื่อยแล้ว กลับไปดื่มรังนกแล้วก็พักผ่อนเถอะ”

“เจ้าค่ะ” ลั่วเซิงพยักหน้า

“ใช่แล้ว สารถีของจวนอันกั๋วกงเล่า ในเมื่อเขาเคยอยู่ในกลุ่มนักฆ่า พ่อจะได้ใช้เขาเป็นจุดเริ่มต้นในการเปิดเผยความจริงของกลุ่มลึกลับนั่น”

ขบวนการลึกลับที่เดินอยู่ในความมืดแบบนี้ มีส่วนร่วมในการสังหารคนและลอบวางเพลิง แต่กลับตรวจสอบอะไรไม่ได้เลย ช่างน่าปวดศีรษะจริงๆ

“อยู่กับลูกน้องของไคหยางอ๋องเจ้าค่ะ ไคหยางอ๋องบอกว่าจะตรวจสอบดู”

“เช่นนี้หรือ” เดิมแม่ทัพใหญ่ลั่วคิดว่าตนเองจะประหลาดใจ แต่กลับพบว่าไม่ได้ประหลาดใจเท่าไรนัก “เช่นนั้นก็รอข่าวจากไคหยางอ๋อง”

ในเมื่อเขาทางนี้ไม่มีความคืบหน้าเสียที ไคหยางอ๋องยินดีช่วยเหลือย่อมไม่จำเป็นต้องปฏิเสธ

มิหนำซ้ำเรื่องนี้เขาเป็นคนมอบให้อวิ๋นต้งตรวจสอบ ตอนนี้แม้แต่เจ้าหมอนี่ก็ถูกเกี่ยวโยงเข้าไปด้วยกลายเป็นคนไม่น่าเชื่อถือ แผนการมากมายย่อมต้องแก้ไขใหม่

“กลับไปเถอะ” แม่ทัพใหญ่ลั่วข่มความคิดมากมายไว้พลางยิ้มให้ลั่วเซิง

ลั่วเซิงเดินออกจากห้องหนังสือ จนเดินไปถึงประตูโค้ง จู่ๆ ก็ชะงักฝีเท้าและเหลียวหลังไปมอง

ไฟในห้องหนังสือยังคงสว่างและมีทีท่าว่าจะสว่างต่อไปเรื่อยๆ

ลั่วเซิงหันกลับมา เดินผ่านประตูโค้งไปทางเรือนเสียนอวิ๋น

เงาร่างผอมบางร่างหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้านาง

ลั่วเซิงเดินเข้าไปใกล้ รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ดึกๆ ดื่นๆ ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้เล่า”

ลั่วเฉินสีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย “วันนี้ท่านกลับมาดึกมาก”

ตั้งแต่ที่ก้นบาดเจ็บ ลั่วเฉินก็ไม่ได้ไปที่หอสุราอีกเลย

อันที่จริงจนถึงตอนนี้บาดแผลที่ก้นเขาดีขึ้นมากแล้ว แต่เขายังคงรู้สึกอับอาย

เรื่องที่ผู้ใหญ่เห็นเป็นเรื่องเล็กน้อยมักเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเด็กหนุ่มในวัยนี้

“มีเรื่องบางอย่างทำให้ล่าช้าน่ะ”

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ”

ลั่วเซิงมองเด็กหนุ่ม ไม่ได้ตอบในทันที

“ท่านพ่อเห็นข้าเป็นเด็ก ท่านเองก็เช่นกัน” ลั่วเฉินขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ

ลั่วเซิงโตกว่าเขาแค่สองปี

นางแต่งตัวราวกับจะหนีตามผู้ชายแล้วกลับมาดึกดื่นเช่นนี้ ยังไม่ยอมให้เขาถามอีกหรือ

“เสี่ยวชีเกิดเรื่องน่ะ”

ลั่วเฉินหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย พูดอย่างปากแข็งว่า “ปีนต้นไม้เล่นอีกแล้วหรือ”

“มีคนลักพาตัวเขาไปเพื่อข่มขู่อาซิ่ว เขาได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้ยังรักษาตัวอยู่กับหมอเทวดา” ลั่วเซิงยกมือขึ้นตบไหล่ลั่วเฉินเบาๆ “พรุ่งนี้ไปเยี่ยมเสี่ยวชีสิ”

ลั่วเฉินพยักหน้าด้วยสีหน้าซับซ้อน

“แล้วก็อย่าลืมอ่านหนังสือมากๆ ล่ะ”

ลั่วเฉินมองแผ่นหลังของลั่วเซิง รู้สึกสับสนเล็กน้อย

อ่านหนังสือและเสี่ยวชีบาดเจ็บ สองเรื่องนี้เกี่ยวกันด้วยหรือ

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท