ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 277 ฤดูการแห่งปัญหา

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 277 ฤดูการแห่งปัญหา

เมื่อพูดถึงจูหานซวง จู่ๆ สีหน้าอันกั๋วกงก็เคร่งขรึมทันที “เดิมข้าจะส่งนางออกจากเมืองหลวงด้วยเหตุผลว่าไปรักษาตัว ถือว่าให้คำอธิบายแก่ไคหยางอ๋องและแม่ทัพใหญ่ลั่ว ตอนนี้มารดาเจ้าเกิดเรื่อง หากทำเช่นนี้จะเป็นจุดสนใจเกินไป ระหว่างงานศพของมารดาเจ้า ให้บอกไปว่านางตรอมใจจนล้มป่วยเพราะการจากไปกะทันหันของมารดา จากนั้นนางก็อาสาเป็นคฤหัสถ์ จากนี้เป็นต้นไปสักการะพระพุทธเจ้า ทานมังสวิรัติ สะสมความดีให้มารดา”

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ จูหานซวงจะถูกผูกมัดในนามคฤหัสถ์ที่คอยสักการะพระพุทธเจ้า นับแต่นี้ยากที่จะได้พบเจอผู้คนภายนอกอีก

แต่เดิมซื่อจื่อรักน้องสาวคนนี้มาก แต่บัดนี้กลับไร้ซึ่งความเห็นใจแม้แต่น้อย

เขาพยักหน้าอย่างเย็นชา “ลูกน้อมรับคำสั่งของท่านพ่อขอรับ”

อันกั๋วกงมองร่างของอันกั๋วกงฮูหยินด้วยแววตาหนักอึ้ง เขายื่นมือไปอุ้มนางขึ้นมา ถอนหายใจพูดว่า “จัดการงานศพของมารดาเจ้าก่อนเถอะ”

เมื่อจูเอ้อร์หลังบุตรชายคนรองของจวนอันกั๋วกงเร่งเดินทางมาถึง อันกั๋วกงฮูหยินก็สวมชุดสำหรับศพเรียบร้อยแล้ว นางนอนแน่นิ่งอยู่บนตั่งอันเยือกเย็น

“ท่านแม่…” จูเอ้อร์หลังตะโกนอย่างเจ็บปวด เขาโถมเข้าไปข้างศพของอันกั๋วกงฮูหยิน

“ท่านแม่ เหตุใดอยู่ๆ ดีท่านจึงจากไปเล่าขอรับ ท่านแม่ ท่านไม่สนใจข้าและน้องสาวแล้วหรือ”

จูเอ้อร์หลังร้องไห้หัวใจแทบแตกสลาย อันกั๋วกงได้ยินดังนั้นสีหน้าก็ดำทะมึน

บุตรชายคนโตต้องสั่งสอนให้กลายเป็นผู้สืบทอด บุตรสาวคนโตจะต้องได้รับการศึกษาและออกเรือนตามธรรมเนียมของวงศ์ตระกูล แต่สำหรับบุตรชายและบุตรสาวคนเล็กแล้วกลับไม่ได้เคร่งครัดเช่นนั้น

ด้วยเหตุนี้ จูเอ้อร์หลังจึงกลายเป็นหนึ่งในสมาชิกของพวกเสเพลจากตระกูลสูงศักดิ์เหล่านั้น

อันกั๋วกงฮูหยินรักลูกชายและลูกสาวคนเล็กมากกว่าจะเข้มงวดกับพวกเขา จูเอ้อร์หลังย่อมรักท่านแม่ของตนมาก

เขาเติบโตจนอายุสิบเจ็ดปี พ่อแม่รักใคร่ พี่น้องกลมเกลียว ไม่เคยรู้จักคำว่ากังวล แต่จู่ๆ คนใช้ของจวนอันกั๋วกงก็วิ่งมาหาเขาที่ตรอกเยียนจือ บอกเขาว่าท่านแม่เสียแล้ว

ชั่วขณะนั้น เขารู้สึกราวกับฟ้าถล่ม วิ่งล้มลุกคลุกคลานกลับจวนด้วยความคิดไม่อยากจะเชื่อ ใครจะไปรู้ว่าสิ่งที่เห็นคือศพอันเยือกเย็นของท่านแม่

เป็นไปได้อย่างไร เมื่อคืนท่านพ่อเพิ่งเรียกเขาไปอบรมในห้องหนังสือ ท่านแม่ยังกำชับเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่าต่อไปอย่าทำให้ท่านพ่อโมโหอีก

เขาตอบตกลงไปอย่างส่งๆ ตกดึกก็แอบหนีออกไป

ใครจะไปคิดว่าท่านแม่จะจากไปเสียแล้ว

หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ให้ตายอย่างไรเขาก็ไม่แอบหนีออกไปเที่ยวสตรีและดื่มสุราแน่นอน

“ฮือๆๆ ท่านแม่ ท่านตื่นสิ ท่านทิ้งลูกจากไปอย่างนี้ไม่ได้นะขอรับ…” จูเอ้อร์หลังร้องไห้อย่างเสียใจ เขาจับมือของอันกั๋วกงฮูหยินที่ถูกปิดไว้ภายใต้ผ้าสีขาว

อันกั๋วกงซื่อจื่อคว้าแขนของจูเอ้อร์หลังเอาไว้ “น้องรอง เจ้าอย่าผลีผลามเช่นนี้ มีแต่จะทำให้ท่านแม่จากไปอย่างไม่สงบนะ”

จู่ๆ จูเอ้อร์หลังก็ชะงักไป

สีน้ำตาลที่ซอกเล็บของท่านแม่คืออะไรกัน

ท่านแม่รักสะอาดเช่นนี้ จะมีสิ่งสกปรกในนั้นได้อย่างไร

จู่ๆ จูเอ้อร์หลังก็ฉุกคิดบางอย่างขึ้นได้ เขายื่นมือไปเปิดผ้าขาวที่ปกคลุมอันกั๋วกงฮูหยินไว้

“น้องรอง!” อันกั๋วกงซื่อจื่อกอดจูเอ้อร์หลังเอาไว้ห้ามไม่ให้เขาทำเช่นนั้น

จูเอ้อร์หลังดิ้นสุดชีวิต “ท่านพี่ พี่ปล่อยข้า!”

ในแง่ของกำลังแล้ว จูเอ้อร์หลังที่ยังเป็นเพียงเด็กหนุ่มย่อมสู้อันกั๋วกงซื่อจื่อที่โตเป็นชายหนุ่มแล้วไม่ได้ แต่บัดนี้เขากำลังคลุ้มคลั่ง เรี่ยวแรงมากจนน่าตกใจ อันกั๋วกงซื่อจื่อถึงกับถูกสะบัดหลุดไป

“พอแล้ว!” เสียงดุดันเสียงหนึ่งดังขึ้น

เมื่อได้ยินเสียงตะคอกที่คุ้นเคยนี้ จูเอ้อร์หลังก็หยุดลงในทันใด

อันกั๋วกงสีหน้าเยือกเย็น ยื่นนิ้วชี้ออกไป “ไปคุกเข่าที่นั่นซะ!”

“ท่านพ่อ…”

“ออกไป!”

ภายใต้อำนาจของบิดา จูเอ้อร์หลังทำได้เพียงไปคุกเข่าอยู่ข้างๆ อย่างไม่เต็มใจ

เหล่าสาวใช้และบ่าวเฒ่าเดินเข้าๆ ออกๆ รื้อเครื่องเรือนและผ้าม่านสีแดงสดในห้องออก เปลี่ยนเป็นสีขาวสะอาดตา

จูเอ้อร์หลังมองดูทุกสิ่งที่เกิดขึ้น รู้สึกราวกับตกอยู่ในความฝัน

ท่านพ่อบอกว่าท่านแม่สำลักเกี๊ยวปูตาย จะมีเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้อย่างไร

เขาเห็นว่าในซอกเล็บของท่านแม่มีสีน้ำตาล หากการตายของท่านแม่ไม่มีเงื่อนงำ เหตุใดพี่ใหญ่ต้องขัดขวางเขาไม่ให้เขาเห็นศพของท่านแม่ด้วย

ใช่แล้ว น้องรองเล่า

ในที่สุดจูเอ้อร์หลังก็พบว่าขาดคนๆ หนึ่งไป

เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ เหตุใดน้องรองจึงไม่อยู่

“ท่านพ่อ น้องรองเล่า” จูเอ้อร์หลังยังเด็กเก็บความในใจไม่ได้ เขาถามออกมาตรงๆ

อันกั๋วกงกำลังเหม่อลอยจึงไม่ได้ตอบเขา

อันกั๋วกงซื่อจื่อรีบปลอบประโลมว่า “น้องรองกินอาหารเช้ากับท่านแม่ ตอนที่ท่านแม่กินเกี๊ยวปูแล้วสำลัก น้องรองอยู่ข้างๆ เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น นางรับไม่ไหวสลบไปแล้ว ตอนนี้นอนอยู่ในเรือนของนาง…”

“ข้าไม่ได้ถามพี่ใหญ่!” จูเอ้อร์หลังโมโหพี่ใหญ่ที่เข้ามาขัดขวางเขาเมื่อครู่นี้จึงตะคอกออกไป

อันกั๋วกงตั้งสติได้เพราะเสียงตะคอกนั้น ทันทีที่เห็นบุตรชายคนรองที่ดื้อดึงก็โมโห “เจ้าตะคอกใส่พี่ใหญ่เจ้าทำไม นี่คือมารยาทที่คนเป็นน้องมีต่อพี่หรือ”

จูเอ้อร์หลังอ่อนลง พูดเสียงสะอื้นว่า “ลูกเสียใจ…”

อันกั๋วกงหยุดหายใจ รู้สึกเจ็บแปลบ

ครอบครัวดีๆ แท้ๆ เพียงแค่ชั่ววูบก็พังทลายลง

และต้นเหตุทั้งหมดก็เพราะเรื่องงามหน้าที่นังลูกทรพีคนนั้นทำลงไป!

อันกั๋วกงคิดถึงจูหานซวง ดวงตาพลันเยือกเย็น

“ท่านพ่อ น้องรองอาการหนักหรือไม่ขอรับ”

อันกั๋วกงขมวดคิ้ว “น้องรองเจ้าสะเทือนใจมาก ย่อมรับไม่ไหว แต่ว่าตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือจัดการงานศพของท่านแม่เจ้าให้เหมาะสมเรียบร้อย เอ้อร์หลัง เจ้าอย่าทำตามใจสร้างปัญหาให้ครอบครัวอีกเลย”

“ลูกรู้แล้วขอรับ” จูเอ้อร์หลังก้มหน้าขานตอบ รู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง

สีน้ำตาลที่ซอกเล็บของท่านแม่ติดอยู่ในหัวของเขามิอาจสลัดทิ้งไปได้ เขาจึงเริ่มสงสัยสถานการณ์ของน้องสาวขึ้นมา

น้องรองล้มป่วยจริงๆ หรือ

เขาอยากจะตั้งคำถามและแสดงท่าทีดุร้ายออกไป แต่ต่อหน้าใบหน้าอันน่าเกรงขามและเยือกเย็นของท่านพ่อ เขากลับไม่กล้า

คนที่ตามใจเขาที่สุดบนโลกใบนี้ไม่อยู่แล้ว

เมื่อคิดถึงเรื่องเหล่านี้ จูเอ้อร์หลังก็ร้องไห้หนักกว่าเดิม

ขณะที่ผู้คนแจ้งข่าวการตายของอันกั๋วกงฮูหยินให้แต่ละจวน ข่าวการจากไปของอันกั๋วกงฮูหยินก็แพร่ไปทั้งเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว

และบัดนี้ องครักษ์จิ่นหลินก็เกิดเรื่องๆ หนึ่งขึ้น

องครักษ์จิ่นหลินชื่อจางผิงที่เป็นลูกน้องของคุณชายห้าอวิ๋นต้ง ร่างของเขาถูกพบที่ริมแม่น้ำจินสุ่ย

หลังจากการตรวจสอบภายในโดยองครักษ์จิ่นหลิน สรุปได้ว่าเขาดื่มมากเกินไปบนเรือและพลัดตกลงไปในน้ำ

“ดื่มมากเกินไปจนพลัดตกน้ำ ดีจริงๆ!” แม่ทัพใหญ่ลั่วโมโหไม่น้อย เขาเขวี้ยงจอกชาใส่อวิ๋นต้งต่อหน้าลูกน้องมากมาย

อวิ๋นต้งคุกเข่าข้างหนึ่งลงยอมรับโทษ “ท่านพ่อโปรดลงโทษ ลูกกวดขันไม่เข้มงวดเองขอรับ”

“แค่ปัญหาเรื่องกวดขันไม่ดีหรือ เมื่อคืนมีคนจะฆ่าหลานชายของแม่ครัวหอสุราของน้องสามเจ้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนๆ นั้นคือผู้ใด”

หลานชายของแม่ครัวหอสุราคุณหนูสาม?

ทุกคนในเหตุการณ์อดคิดไม่ได้ว่า ความสัมพันธ์นี้จะซับซ้อนไปหน่อยหรือไม่

อวิ๋นต้งคุกเข่าลงบนพื้นที่หนาวเหน็บ แบกรับอารมณ์ของแม่ทัพใหญ่ลั่ว บอกสิ่งที่คาดเดาในใจออกมา “ท่านพ่อคิดว่าคือจางผิงหรือขอรับ”

“คิดว่าหรือ” แม่ทัพใหญ่ลั่วยิ้มหยัน “เจ้าห้า เจ้าคิดว่ามีแค่ข้าที่คิดเช่นนี้หรือ ข้าจะบอกเจ้าให้ ผู้ที่ต้องการฆ่าเด็กคนนั้นก็คือจางผิง เด็กคนนั้นที่โชคดีรอดชีวิตมาได้บังเอิญเคยพบเขามาก่อน!”

ในที่สุดสีหน้าอันสงบของอวิ๋นต้งก็ปรากฏความตะลึง เขาเงยหน้ามองแม่ทัพใหญ่ลั่วที่กำลังเดือดดาล

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท