ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 280 แอบเจอ

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 280 แอบเจอ

เรื่องที่เขาสมควรทำ?

ลั่วเฉินสีหน้าเย็นยะเยือก ปากของเขาเม้มแน่นขึ้น

นี่มันคำพูดเหลวไหลอะไรกัน!

บอกว่าเป็นสิ่งที่เขาสมควรทำหมายความว่าอย่างไร เขาเห็นลั่วเซิงเป็นคนของตนเองแล้วรึ

เว่ยหานรู้สึกได้ถึงความเป็นศัตรูที่แผ่ซ่านออกมาของเด็กหนุ่ม เขาหยิบขนมกุ้ยฮวาชิ้นหนึ่งขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจนัก

ว่ากันว่าความคิดของเด็กวัยนี้มักจะแปลกประหลาด คิดไม่ถึงว่าน้องชายของคุณหนูลั่วก็ไม่เว้น

ใช่แล้ว น้องชายของคุณหนูลั่วอายุสิบสามแล้ว เป็นช่วงอายุที่คุณหนูลั่วเลี้ยงนายบำเรอพอดี

นายบำเรอ…

ใบหน้าที่ประณีต หล่อเหลาและสง่างามผุดขึ้นมาในความคิดของเว่ยหาน

จำเป็นต้องพูดว่า สายตาของคุณหนูลั่วนั้นไม่เลวเลยจริงๆ

ขนมกุ้ยฮวาที่อยู่ในมือของเว่ยหานกินหมดแล้ว เนื่องจากเขากำลังคิดถึงเหล่านายบำเรอของคุณหนูลั่วจึงเผลอกัดนิ้วของตนเองเข้า

เขาสะดุ้ง ดึงสติตนเองกลับมาได้

เว่ยหานลดมือลงด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและยกน้ำชาขึ้นมา

ลั่วเฉินกระตุกมุมปากอย่างแรง

อย่าคิดว่าแสร้งเข้มขรึมแล้วเขาจะไม่เห็นนะ!

กินขนมกุ้ยฮวาแล้วยังกัดโดนมือ ชายคนนี้ไม่น่าพึ่งพาเลยสักนิด ไม่เหมาะเป็นพี่เขยของเขาเลย

มองดูขนมที่น้อยลงบนจาน เด็กหนุ่มก็มีความคิดใหม่ว่า หรือเป็นเพราะขนมกุ้ยฮวาอร่อยเกินไป?

เขายื่นมือไปหยิบขนมกุ้ยฮวาชิ้นหนึ่งขึ้นมาและเริ่มกิน

ทันทีที่เข้าปาก เด็กหนุ่มก็หลับตาพริ้มอย่างพึงพอใจ

จวนอันกั๋วกงเปลี่ยนเป็นสีขาวทั้งภายนอกและภายในจวน และได้ตกแต่งห้องไว้ทุกข์ ญาติสหายเริ่มแวะเวียนเข้ามาไว้ทุกข์และเยี่ยมเยียน

ญาติสหายเป็นเพียงการเรียกเหมารวม เชื้อพระวงศ์อย่างจวนอันกั๋วกง เหล่าพระบรมวงศานุวงศ์ ขุนนางบู๊และบุ๋น รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ทั้งฝ่ายพลเรือนและทหารล้วนมาแสดงความอาลัย อย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็จะส่งคนมาส่งเครื่องบูชา

การเสียชีวิตของอันกั๋วกงฮูหยินปิดทับข่าวลือก่อนหน้านี้ทั้งหมดในทันที กลายเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันอย่างดุเดือด

งานศพของอันกั๋วกงฮูหยินจัดสี่สิบเก้าวันถึงจะเคลื่อนศพ มีคนมาเคารพศพนับไม่ถ้วนทุกวัน สองสามวันมานี้ สองสามีภรรยาอันกั๋วกงซื่อจื่อและจูเอ้อร์หลังที่คุกเข่าอยู่ข้างโรงศพนั้นผ่ายผอมลงไปมาก

สวมเสื้อป่าน กินข้าวต้ม และคุกเข่าจนเข่าบวมก็แล้วไป สำหรับจูเอ้อร์หลังแล้ว สิ่งที่ยากเย็นยิ่งกว่าคือความทุกข์มรทานในใจ

สีน้ำตาลที่ซอกเล็บของท่านแม่ทำให้ความสงสัยของเขาผุดขึ้นอย่างบ้าคลั่งราวกับวัชพืช สิ่งที่ทำให้เขาไม่สบายใจยิ่งกว่าคือน้องรองไม่ปรากฏตัวเลย

น้องรองไม่ใช่คนที่ร่างกายอ่อนแอ เป็นไปได้อย่างไรที่แม้แต่งานศพของท่านแม่ก็ไม่ร่วม

คงไม่ได้เกิดเรื่องกับน้องรองด้วยหรอกนะ

รอจนฟ้ามืด ไม่มีแขกที่มาเคารพศพแล้ว อันกั๋วกงซื่อจื่อและคนอื่นๆ ก็ลุกขึ้นด้วยร่างที่โซเซ ในที่สุดก็ได้พักผ่อนเสียที

ในห้องไว้ทุกข์ย่อมมีคนรับใช้ที่สวมชุดงานศพเฝ้าตลอดคืน เพื่อไม่ให้เทียนดับกลางคัน

จูเอ้อร์หลังไม่ได้กลับไปที่ห้อง เขาแอบไปเรือนของจูหานซวงอย่างระมัดระวัง

ก่อนหน้านี้เขาเคยมาครั้งหนึ่ง ทว่าถูกบ่าวเฒ่าที่เผ้าประตูขวางเอาไว้

จูเอ้อร์หลังจับถุงเงินเบาๆ แล้วเดินไปเคาะประตู

ประตูเรือนถูกเปิดออก ทันทีที่บ่าวเฒ่าเห็นว่าเป็นจูเอ้อร์หลังก็ลอบถอนหายใจ

เหตุใดคุณชายรองจึงมาอีกแล้วนะ!

ก่อนหน้านี้ผู้ดูแลก็กำชับไว้แล้วว่าห้ามผู้ใดมาหาคุณหนูรอง แม้แต่คุณชายทั้งสองและฮูหยินซื่อจื่อก็ไม่เว้น

“คุณชายรองมีธุระหรือเจ้าคะ” บ่าวเฒ่าขวางประตูไว้ ยิ้มแห้งๆ ถาม

“ข้ามาหาน้องรอง”

บ่าวเฒ่าฝืนยิ้ม “คุณชายรอง ท่านอย่าทำให้ข้าน้อยลำบากใจเลย คำสั่งห้ามไม่ให้รบกวนคุณหนูรองคือคำสั่งของท่านกั๋วกงเจ้าค่ะ”

จูเอ้อร์หลังดึงถุงเงินบริเวณเอวออกมา ยัดลงไปในมือของบ่าวเฒ่า “ป้าจางช่วยหน่อยเถอะ ข้าขอดูน้องรองแค่ครู่เดียว อย่างมากก็คุยด้วยสองสามคำก็จะกลับ ไม่สร้างปัญหาแน่นอน”

บ่าวเฒ่าลังเลครู่หนึ่ง เมื่อได้ถือถุงเงินที่มีน้ำหนักเอาไว้

แค่ให้เข้าไปคุยด้วยสองสามคำก็ได้เงินแบบนี้ เรื่องดีๆ แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ

จูเอ้อร์หลังเห็นปฏิกิริยาของบ่าวเฒ่าก็รู้ว่ามีโอกาส รีบพูดโน้มน้าวว่า “ป้าจางช่วยหน่อยเถิด ท่านแม่ข้าเสียชีวิตแล้ว ข้ายังไม่ได้เจอน้องสาวอีก ข้ารู้สึกไม่สบายใจเลย”

บ่าวเฒ่าบีบถุงเงินที่ตุงนูนออกมาเบาๆ พลางหลีกทางให้ “เช่นนั้นคุณชายรีบหน่อยนะเจ้าคะ อย่าอยู่นานนักเล่า”

จูเอ้อร์หลังพยักหน้าส่งๆ แล้วรีบเดินเข้าไป

บ่าวเฒ่าปิดประตูอย่างรวดเร็ว เปิดถุงเงินดู

ทันทีที่เห็น ดวงตาก็พลันลุกวาว

คุณชายรองใจกว้างมาก ก้อนทองทั้งถุงเชียว

แน่นอนว่าผู้ที่เฝ้าจูหานซวงไม่ได้มีแค่บ่าวเฒ่าคนเดียว ยังมีสาวใช้อีกสองคนเฝ้าอยู่ในห้องด้วย

เมื่อเห็นคุณชายรองจูเดินเข้ามา สาวใช้สองคนก็ชะงัก ทำท่าจะเข้าไปขวางตามสัญชาติญาณ

จูเอ้อร์หลังใช้วิธีเดิม เขายัดปิ่นปักผมสีทองให้สาวใช้สองคน ในที่สุดก็ได้เจอจูหานซวง

แสงในห้องไม่สว่างมากนัก จูหานซวงผมเผ้ายุ่งเหยิง สวมชุดสีขาวนั่งกอดเข่าอยู่บนตั่ง มองไปแวบแรกเหมือนผี

จูเอ้อร์หลังตะลึงงัน อดตกใจไม่ได้ “น้องรอง เจ้าป่วยไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้เล่า”

จูหานซวงค่อยๆ หันไปทางจูเอ้อร์หลัง ดวงตาลุกวาวทันที นางรีบกระโดดลงจากเตียง “พี่รอง ในที่สุดพี่ก็มาหาข้า!”

อาจจะเป็นเพราะไม่ได้ขยับตัวมานานแล้ว ทันทีที่ขาของนางแตะพื้นก็เซล้มไปข้างหน้า

จูเอ้อร์หลังพุ่งตัวเข้าไปประคองนางไว้

เมื่อเข้าใกล้แล้วก็เห็นชัดกว่าเดิม จูเอ้อร์หลังยิ่งตะลึงกว่าเก่า

ไม่เจอกันเพียงไม่กี่วัน น้องรองกลับตกอยู่ในสภาพกึ่งคนกึ่งผีเช่นนี้

“น้องรอง เกิดอะไรขึ้นกันแน่”

จูหานซวงเหลือบมองประตู ถามเสียงเบาว่า “พี่รอง พี่บอกข้าทีว่าท่านพ่อบอกข้างนอกว่าอย่างไร”

จูเอ้อร์หลังลังเลครู่หนึ่ง พูดว่า “ยังจะพูดอะไรได้อีกเล่า บอกว่าท่านแม่จากไปแล้ว เจ้าเสียใจเกินเหตุจนล้มป่วย”

“ข้าว่าแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้…” จูหานซวงพูดอย่างเหม่อลอย น้ำตาไหลลงมา

จูเอ้อร์หลังมองจูหานซวงอย่างพินิจพิเคราะห์ ยิ่งดูก็ยิ่งตะลึง “น้องรอง เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดท่านแม่กินเกี๊ยวแล้วสำลักตายกะทันหันได้ ส่วนเจ้าก็ถูกกักบริเวณ”

“กินเกี๊ยวจนสำลักตาย?” จูหานซวงชะงัก สีหน้าบิดเบี้ยว “พี่รอง ท่านแม่ไม่ได้สำลักเกี๊ยวตายเสียหน่อย แต่ถูกท่านพ่อพลั้งมือฆ่าตาย!”

“อะไรนะ” จูเอ้อร์หลังสีหน้าพลันเปลี่ยน เขาจับข้อมือจูหานซวงไว้แน่น ถามเสียงเบาว่า “เจ้าไม่ได้พูดเล่นอยู่ใช่หรือไม่”

จูหานซวงยิ้มอย่างขมขื่น “ข้าจะพูดเล่นเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร วันนั้นข้าทำให้ท่านพ่อโกรธเลยถูกท่านพ่อสั่งสอน ท่านแม่สงสารข้าเลยเข้ามาห้าม แต่ถูกท่านพ่อผลัก สุดท้ายถูกผลักจนล้มลงถูกเศษแจกันปักเข้าที่ลำคอพอดี…”

จูเอ้อร์หลังได้ยินดังนั้นก็เบิกตาโพลง ร่างกายเย็นยะเยือก

มิน่าซอกเล็บของท่านแม่จึงมีสีน้ำตาล มิน่าท่านพ่อและพี่ใหญ่จึงห้ามไม่ให้เขาดูศพของท่านแม่ มิน่าน้องรองจึงถูกขังไม่ให้เจอคนข้างนอก…

อย่างนี้นี่เอง!

“พี่รอง ข้ากลัวมากเลย” จูหานซวงจับแขนเสื้อของจูเอ้อร์หลัง น้ำตาไหลพราก “ตอนนี้ท่านพ่อขังข้าไว้ไม่ให้เจอผู้คน พี่ว่าเมื่องานศพของท่านแม่ผ่านไปแล้ว ข้าจะถูกฆ่าปิดปากหรือไม่”

“ไม่หรอก!” จูเอ้อร์หลังปฏิเสธโดยสัญชาติญาณ

เสือถึงร้ายก็ไม่กินลูกตนเอง ท่านพ่อจะฆ่าน้องรองได้อย่างไร

มองดูสภาพน่าสมเพชของจูหานซวง จู่ๆ จูเอ้อร์หลังก็ทำอะไรไม่ถูก

มีเสียงดังขึ้นที่ประตู “คุณชายรอง ควรไปได้แล้วเจ้าค่ะ”

จูหานซวงตกใจ มือที่จับแขนเสื้อของจูเอ้อร์หลังแน่นขึ้น “พี่รอง…”

จูเอ้อร์หลังตบหลังมือของจูหานซวงเบาๆ “น้องรอง เจ้าอย่ากังวล เมื่อมีโอกาสข้าจะมาหาเจ้าอีก”

เมื่อในห้องกลับมาสงบอีกครั้ง จูหานซวงทุบเตียงแรงๆ ทีหนึ่งแล้วร่ำไห้อย่างไร้เสียง

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท