ตอนที่ 289 มอบหยก
วันนี้เว่ยหานมาดึกไปหน่อย เมื่อเดินไปถึงประตูหอสุราก็เจอเว่ยเฟิงที่กำลังจะจากไปเข้าพอดี
“เสด็จอา” เว่ยเฟิงอดกลั้นต่อความกลัดกลุ้ม ส่งเสียงทักทาย
เขามาหอสุราเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเจอเรื่องโชคร้ายอย่างการถูกห่านจิกเช่นนี้
จึงดูเหมือนจะว้าวุ่นใจยิ่งกว่าเดิม
เว่ยหานกวาดตามองเว่ยเฟิงแล้วถามเรียบๆ “เฟิงเอ๋อร์กินแล้วหรือ”
เว่ยเฟิงจำใจตอบ “กินแล้วขอรับ”
เว่ยหานพยักหน้า เดินผ่านเว่ยเฟิงไป
เว่ยเฟิงเดินหน้าบูดบึ้งออกไปหลายจั้ง[1] ก่อนจะหยุดเดินแล้วหันหน้ากลับไป
เงาผู้คนมากมายในหอสุราเลือนราง ความรู้สึกครึกครื้นจากการผ่อนคลายและเป็นอิสระเสรีล้วนสามารถรู้สึกได้ทั้งที่อยู่ห่างขนาดนี้ แต่ทุกครั้งที่เขามาที่นี่ล้วนเกิดเรื่องไม่สบอารมณ์ขึ้น
หลังจากนี้จะไม่มาอีกแล้ว!
เว่ยเฟิงตัดสินใจในใจ แต่ในห้วงความคิดพลันปรากฎภาพเด็กหนุ่มแย้มริมฝีปากยิ้ม การตัดสินใจเมื่อครู่นี้จึงถูกขว้างทิ้งไป
มา ยังคงต้องมา อย่างไรเสียสุราและอาหารของมีหอสุรา ที่อื่นๆ ก็เทียบไม่ได้
สำหรับสัตว์เดรัจฉานมีปีกตัวนั้น เขาจะต้องหักคอมันในไม่ช้าก็เร็ว!
เว่ยหานเดินเข้าไปในหอสุราก็มองไปข้างตู้เก็บเงินทันที
ที่นั่นไร้เงาร่างคุ้นตา
คุณหนูลั่วอยู่ที่ลานด้านหลังหรือ
วันนี้เป็นวันที่นัดหมายนำเลือดห่านมารักษาอาการป่วย ไม่รู้ว่าคุณหนูลั่วเตรียมการเรียบร้อยแล้วหรือไม่
อืม ไปดูด้านหลังแล้วกัน อย่างไรเสียก็เป็นเรื่องใหญ่
เว่ยหานเดินผ่านประตูห้องโถงใหญ่ตรงไปยังลานด้านหลัง
คุณชายสามเซิ่งกลับมายังห้องโถงใหญ่แล้ว เมื่อเห็นเว่ยหานเดินไปทางด้านหลังก็คิดถึงคำพูดของลั่วเซิงขึ้นมาจึงรีบตามเข้าไป “ท่านอ๋องช้าก่อนขอรับ”
เว่ยหานมองเขานิ่งๆ
คุณชายสามเซิ่งเอ่ยยิ้มๆ “ท่านอ๋อง ท่านไม่นั่งที่เดิมเพื่อร่ำสุราหรือขอรับ”
“ข้าอยากไปห้องสุขา”
“ห้องสุขาหรือ พวกเราหอสุราไม่อำนวยความสะดวกห้องสุขาให้ขอรับ”
เว่ยหานมุ่นคิ้ว
นี่เป็นกฎใหม่ที่ออกมาเมื่อใด ทำไมเขาถึงไม่รู้
เมื่อเห็นเว่ยหานไม่มีทีท่าจะหันกลับ คุณชายสามเซิ่งก็เตือนด้วยความปรารถนาดี “และไม่อำนวยความสะดวกสถานที่ในการผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยเช่นกัน”
ครั้งนี้เว่ยหานฟังจนมึนงงแล้วจริงๆ ทว่าความคิดที่ต้องการพบคุณหนูลั่วนั้นชัดเจนมาก “คุณหนูลั่วอยู่ด้านหลังหรือไม่”
“เอ่อ ญาติผู้น้องอยู่ขอรับ”
“ข้ามีธุระต้องการพบคุณหนูลั่ว”
คุณชายสามเซิ่งเผยรอยยิ้มประหนึ่งได้ยกภูเขาออกจากอก “เช่นนั้นท่านอ๋องก็เข้าไปเถอะขอรับ”
ผู้ดูแลหญิงซึ่งมองเห็นทุกอย่าง มือเท้าโต๊ะคิดเงินข้างหนึ่งพลางถอนหายใจยาว
ไปห้องสุขานั้นขวางเอาไว้ ต้องการพบนายจ้างรีบปล่อยเข้าไป นี่เข้าใจกลับกันหรือไม่
ตอนที่เว่ยหานเข้าไป ลั่วเซิงกำลังสนทนากับฟู่เสวี่ย
“ดูเหมือนต้าไป๋จะมีชีวิตชีวามาก เจ้าดูแลได้ไม่เลวเลย”
ฟู่เสวี่ยได้รับคำชมก็เผยรอยยิ้มขวยเขินออกมาทันที พลางเอ่ยอย่างขลาดอาย “ขอบคุณคุณหนูที่ชมเชย การดูแลต้าไป๋ให้ดีนั้นเป็นสิ่งที่ข้าสมควรทำขอรับ”
เขายังมีประโยชน์ในสายตาคุณหนู คุณหนูไม่มีทางไม่ต้องการเขาหรอกนะ?
ครั้งที่คุณหนูไล่เขาจากไปกะทันหัน ทำเอาเขาตกใจแทบแย่
ฟู่เสวี่ยคิดถึงความกลัวในตอนนั้นจึงใช้แววตาวิงวอนมองไปทางลั่วเซิง “คุณหนู เรียกพี่หมิงจู๋มาที่นี่ เพื่อดูแลต้าไป๋ด้วยกันกับข้าได้หรือไม่ขอรับ”
เมื่อเอ่ยถึงหมิงจู๋ น้ำเสียงของลั่วเซิงก็เฉยชาเล็กน้อย “มีเจ้ากับสือเยี่ยนดูแลต้าไป๋ด้วยกันก็พอแล้ว หมิงจู๋รั้งอยู่ในจวนก็ดีแล้ว”
“แต่พี่หมิงจู๋อยู่ในจวนคนเดียวนั้นเหงามาก” เด็กหนุ่มเห็นลั่วเซิงมีท่าทีไม่เลวก็รวบรวมความกล้าเอ่ยว่า “คุณหนู ความจริงแล้ว พี่หมิงจู๋อยากพบท่านมาก…”
เว่ยหานซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลนัก ได้ยินคำพูดเหล่านี้เข้าหูของเด็กหนุ่มโดยไม่ตกหล่นสักคำจึงมีสีหน้าเย็นชาลง
เด็กสาวอายุสิบห้า เด็กหนุ่มอายุสิบสามสิบสี่ พูดคุยกระซิบกระซาบกัน
เดิมเห็นภาพนี้แล้วก็รู้สึกขัดตาอยู่บ้าง แต่สำหรับเด็กหนุ่มที่โตเพียงเล็กน้อย เขาจึงไม่มีความคิดจะคิดเล็กคิดน้อย
เหอะ เขาได้ยินอะไรนะ
พี่หมิงจู๋อยากพบคุณหนูลั่วหรือ
หมิงจู๋…สำหรับชายหนุ่มสง่างามไม่เป็นรองใครคนนั้น เว่ยหานนับว่ามีความประทับใจลึกซึ้ง เมื่อได้ยินวาจานี้ก็อดเม้มริมฝีปากบางแน่นไม่ได้
“นายท่าน ท่านมาแล้ว!” สือเยี่ยนเร่งฝีเท้าเดินเข้ามา
เว่ยหานกวาดตามองสือเยี่ยนแวบหนึ่งแล้วเดินไปทางลั่วเซิง
ฟู่เสวี่ยมองชายหนุ่มที่เดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ในใจก็อดตื่นเต้นไม่ได้
พี่หมิงจู๋เคยบอกว่า คนผู้นี้เป็นบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ เก่งกาจยิ่ง…
เขาถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ยืนอยู่หลังลั่วเซิงอย่างไม่รู้ตัว
มือข้างหนึ่งวางลงบนไหล่ฟู่เสวี่ยแล้วตบเบาๆ
ฟู่เสวี่ยเงยหน้ามองเจ้าของมือข้างนั้นด้วยสีหน้าทำอะไรไม่ถูก
เว่ยหานหัวเราะเบาๆ เอ่ยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “น้องชาย พบเจอเรื่องอะไรก็หลบอยู่ด้านหลังเด็กผู้หญิง นี่ไม่ใช่ความเคยชินที่ดีนัก”
ฟู่เสวี่ยหน้าแดงขึ้นมาทันที อ้ำๆ อึ้งๆ “ข้า…”
แล้วหันไปมองลั่วเซิง “นาง…”
ชายหนุ่มที่สูงกว่าเขามากมีสีหน้าเรียบเฉย มุมปากอมยิ้ม แต่กลับทำให้เขาตื่นเต้นมากขึ้น
เพราะตื่นเต้นจึงหลุดปากเอ่ยออกไปว่า “นางคือนายหญิง!”
นายหญิงกับเด็กผู้หญิงจะเหมือนกันได้อย่างไร
นายหญิงหรือ
เว่ยหานเลิกคิ้ว มองลั่วเซิง สีหน้าลึกซึ้งยากจะคาดเดาเล็กน้อย
ลั่วเซิงมีสีหน้าสงบนิ่ง “ไม่สู้ท่านอ๋องไปกินข้าวก่อน รอหอสุราปิดทำการ ค่อยเชิญหมอเทวดามา”
“ได้” เว่ยหานรับคำอย่างคล้อยตาม แต่กลับไม่ขยับ
“ท่านอ๋องยังมีธุระอีกหรือ”
“เอ่อ ข้าอยากเห็นต้าไป๋สักหน่อย”
ลั่วเซิงนิ่งเงียบแล้วเอ่ยว่า “ท่านอ๋องสามารถก้มหน้ามองได้เจ้าค่ะ”
เว่ยหานก้มหน้า สบตากับห่านขาวต้าไป๋ที่นอนราบอยู่ข้างเท้าฟู่เสวี่ย
หนึ่งคน หนึ่งห่าน มีระยะห่างไม่ถึงสองฉื่อ[2]
ต้าไป๋จ้องเว่ยหานอย่างคิดจะลองทำอะไรบางอย่าง
มันเคยกัดคนผู้นี้ คล้ายจะไม่มีท่าทางคุกคาม
ต้าไป๋ตัดสินใจแล้วก็พุ่งเข้าไปทันที
เว่ยหานไม่ได้หลบ
อีกประเดี๋ยวเขาก็ต้องนำเลือดของห่านตัวนี้มารักษาอาการป่วย ให้มันกัดสักคำก็ถือว่าเท่าเทียมกันแล้ว
แน่นอน สาเหตุหลักๆ ก็คือ ห่านตัวนี้เป็นห่านที่คุณหนูลั่วเลี้ยง ทำให้บาดเจ็บหรือแตะถูกเข้าก็ยากจะอธิบาย
ห่านที่มีชีวิตมาสิบสองปี หากเปลี่ยนเป็นคน เกรงว่าแค่แตะเบาๆ ก็อาจจะเป็นชายชราที่แตะเบาๆ ก็กระดูกหักได้เลย?
เมื่อคิดเช่นนี้ เว่ยหานก็ใจกว้างกับห่านขาวต้าไป๋สิบสองส่วน
หลังจากนั้น ห่านขาวต้าไป๋ก็จิกหยกปลาคู่ที่แขวนอยู่บริเวณสายรัดเอวของใครบางคนลงมา
ชั่วพริบตานั้น ปฏิกิริยาแรกของเว่ยหานคือใช้มือปกป้องสายรัดเอวเอาไว้
สถานการณ์เข้าสู่ความเงียบอย่างน่าประหลาด
ต้าไป๋คาบหยกพกวิ่งไปทางฟู่เสวี่ย
เว่ยหานพลันมีสายตาเย็นเยียบ
ห่านตัวนั้นต้องการนำหยกพกติดกายเขาไปมอบให้นายบำเรอของคุณหนูลั่วหรือ
ห่านเป็นสัตว์ที่รังแกคนที่อ่อนแอกว่าแต่กลัวคนที่แข็งแรงกว่า ต้าไป๋รู้สึกได้ถึงความผิดปกติในสถานการณ์จึงคลายปากปล่อยหยกพกลงบนชายกระโปรงลั่วเซิง พลางร้องแกว๊กๆ หนีไป
ขนห่านเส้นหนึ่งปลิวขึ้นมาแล้วร่วงลงพื้นอย่างช้าๆ
ฟู่เสวี่ยเกือบจะตกใจจนร้องไห้ “คุณหนู ต้าไป๋ไม่ได้ตั้งใจ…”
ล่วงเกินไคหยางอ๋อง คุณหนูจะฆ่าต้าไป๋ไปปรุงอาหารที่ใช้เนื้อห่านโดยเฉพาะเพื่อเลี้ยงโต๊ะจีนหรือไม่
ตอนที่พี่หมิงจู๋พูดถึงไคหยางอ๋องก็มีสีหน้าจริงจังยิ่ง
ลั่วเซิงก้มลงไปเก็บหยกพกขึ้นมา
หยกเป็นหยกขาวเนื้อดี แกะสลักเป็นรูปปลาคู่ เมื่อถูกกำอยู่ในมือแล้วก็อบอุ่นยิ่ง
ลั่วเซิงยื่นหยกพกไป “หยกพกของท่านอ๋อง”
พูดตามตรง นางสงสัยอยู่บ้างว่า ไคหยางอ๋องมีนิสัยประหลาดอย่างการให้คนดึงสายรัดเอวเขา
ก่อนหน้านี้ก็ถูกคุณหนูลั่วดึงสายรัดเอวและเกือบจะถูกต้าไป๋ดึงสายรัดเอวหลุด ไคหยางอ๋องไม่ได้ตั้งใจจริงๆ หรือ
เว่ยหานรู้สึกถึงสายตาที่มองเขาอย่างผิดปกติของลั่วเซิง แต่ทว่าชั่วขณะหนึ่งก็ไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกนั้นได้
เขามองหยกพกที่ยื่นมาแล้วโพล่งออกไปว่า “มอบให้คุณหนูลั่วแล้วกัน”
ลั่วเซิงเลิกคิ้ว
นี่มันเหตุผลอะไรอีก
เว่ยหานไอเบาๆ เอ่ยว่า “ต้าไป๋ไม่ได้มอบมันให้คุณหนูลั่วแทนข้าหรอกหรือ ของที่มอบออกไปแล้ว จะเอาคืนมาได้อย่างไร”
ต้าไป๋ที่หนีไปถึงเชิงกำแพง “แกว๊ก?”
[1] จั้ง เป็นหน่วยวัดของจีน 1 จั้งเท่ากับ 10 ฉื่อ หรือ 3.33 เมตร
[2] ฉื่อ เป็นหน่วยวัดของจีน 1 ฉื่อ เท่ากับ 33.33 เซนติเมตร