ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 295 ดีอกดีใจกันทุกคน

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 295 ดีอกดีใจกันทุกคน

เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางจริงจังของบุตรชาย พระชายาผิงหนานอ๋องก็แทบจะเข้าใจความหมายของเขาในทันที

เขาถึงกับขู่นางที่เป็นมารดาคนนี้!

อันใดที่เรียกว่าเป็นซื่อจื่อที่ดีไม่ได้?

นี่เป็นการเตือนนางว่า หลังจากนี้จวนอ๋องต้องพึ่งพาเขาชัดๆ

ลูกทรพีคนนี้!

พระชายาผิงหนานอ๋องโกรธมากจนแทบอยากจะอัญเชิญกฎตระกูลเดี๋ยวนั้น

แต่ท่าทางหัวแข็งไม่ยอมใครหลังจากถูกลงโทษของเว่ยเฟิงในวันนั้นแวบผ่านห้วงความคิดไป จึงข่มเพลิงโทสะเอาไว้ได้ทันที

ลูกทรพีคนนี้…พูดไม่ผิด

บุตรชายคนโตกลายเป็นองค์รัชทายาท ท่านอ๋องก็กลายสภาพเป็นเช่นนี้ จวนอ๋องไม่พึ่งพาลูกทรพีคนนี้แล้วจะพึ่งพิงใครกัน

เจ้าลูกสารเลวเข้าใจในจุดนี้ กระทั่งนางที่เป็นเสด็จแม่คนนี้ก็กล้าข่มขู่ด้วยแล้ว

พระชายาผิงหนานอ๋องปลายนิ้วเย็นวาบ สั่นสะท้านไปทั้งร่าง แต่ไม่ได้โพล่งวาจาเข้มงวดกวดขันเหมือนในวันวานเหล่านั้นออกมา

นางคิดว่า จำเป็นต้องเปลี่ยนท่าทีต่อบุตรชายคนรองสักหน่อย อย่างน้อยก็ไม่จำเป็นต้องทำให้สถานการณ์ตึงเครียดทุกครั้งไป

พระชายาผิงหนานอ๋องใจเย็นลง

“เฟิงเอ๋อร์ เจ้าถูกใจคุณหนูสามหวังจริงๆ หรือ” พระชายาผิงหนานอ๋องจับตาดูปฏิกิริยาตอบสนองของเว่ยเฟิงเงียบๆ

หากว่าบุตรชายเผยความมุ่งมั่นที่จะต้องได้คุณหนูสามหวังมาครอบครองให้ได้ออกมา เช่นนั้นนางยินยอมเลือกสตรีสูงศักดิ์ที่มีรูปโฉมโดดเด่น แต่ไม่มีทางรับนางจิ้งจอกคนหนึ่งเข้ามาในตระกูลเด็ดขาด

เว่ยเฟิงเห็นท่าทีของพระชายาผิงหนานอ๋องผ่อนปรนจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบายๆ ว่า “ก็ไม่ถือว่าถูกใจ แต่เห็นคุณหนูสามหวังแล้วเจริญตากว่าคุณหนูใหญ่หวังเล็กน้อย ความจริงลูกยังไม่อยากแต่งงานเร็วขนาดนี้ หากท่านไม่ชอบคุณหนูสามหวัง ไม่สู้รออีกสองปีค่อยว่ากัน…”

“ไม่ได้!”

เว่ยเฟิงมองพระชายาผิงหนานอ๋องนิ่งๆ

พระชายาผิงหนานอ๋องสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย สุดท้ายก็ถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “ช่างเถอะ ในเมื่อเจ้าถูกใจคุณหนูสามหวัง ก็เอาตามที่เจ้าว่า เพียงแต่หวังว่า เจ้าจะจำคำพูดในวันนี้เอาไว้ หลังจากนี้อย่าได้เอาแต่ใจเหมือนเด็กคนหนึ่งอีก และรับผิดชอบหน้าที่ซื่อจื่อของตนได้”

“ลูกทราบแล้วขอรับ” เว่ยเฟิงโค้งริมฝีปากยิ้ม

หลังจากกันที่วัดต้าฝู จวนรองเจ้ากรมหวังก็เข้าสู่สภาวะรอคอยด้วยความกังวล ถึงขนาดที่คุณหนูใหญ่หวังคิดจะพาน้องสาวไปร่ำสุราที่มีหอสุราก็ไม่เป็นไปตามที่ปรารถนา

ใช้คำพูดของฮูหยินผู้เฒ่าหวัง หลายวันนี้ล้วนเฝ้ารออยู่ในจวนอย่างว่าง่าย ไม่อนุญาตให้ก่อปัญหาใดๆ

ทว่าตอนที่ฮูหยินผู้เฒ่าหวังพูดวาจานี้กับคุณหนูใหญ่หวัง น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน

ในสายตานาง ปฏิกิริยาตอบสนองของพระชายาผิงหนานอ๋องที่มีต่อหลานสาวคนโตตอนจากกันน่าจะพอใจ ตอนนี้ก็รอข่าวคราวที่แน่นอนจากทางจวนอ๋องแล้ว

นายหญิงใหญ่กลับเรียกคุณหนูสามหวังมาในห้อง พลางถามเรื่องราวที่วัดต้าฝูอย่างละเอียด

“พูดแบบนี้ ผิงหนานอ๋องซื่อจื่อชอบเจ้าเช่นนั้นหรือ”

คุณหนูสามหวังพยักหน้าแดงระเรื่อ

นายหญิงใหญ่นัยน์ตามีประกายหลักแหลม โอบคุณหนูสามหวังเข้ามาในอ้อมแขน “ซานเหนียง เจ้าไม่ทำให้แม่ผิดหวังอย่างที่คิดเอาไว้เลย”

เฉกเช่นเดียวกับนางในปีนั้น

นางซึ่งเป็นบุตรสาวคนหนึ่งของจวี่เหริน[1] สามารถทำให้นายท่านที่สูญเสียภรรยาไปไม่ถึงครึ่งปีแต่งนางเป็นภรรยาใหม่ได้ก็อาศัยรูปโฉมงดงามดั่งบุปผานี้

และในตอนนี้ จุดเริ่มต้นของบุตรสาวนางเหนือนางไปไกล ย่อมสมควรจะแต่งงานกับคนที่ดีกว่า

คุณหนูสามหวังกลับกระวนกระวายใจมาก “ท่านแม่ พระชายาเอกชอบพี่ใหญ่มากกว่า”

แม้ว่านางจะมีความมั่นใจ แต่อีกฝ่ายตระกูลสูงศักดิ์เกินไป ทำให้ความมั่นใจของนางลดลงอย่างเลี่ยงไม่ได้

เพราะว่าให้ความสำคัญมากเกินไป ดังนั้นจึงวิตกกังวลกับผลได้และผลเสียของตัวเอง

นายหญิงใหญ่แย้มรอยยิ้ม “ไม่มีแม่ที่ไม่รักและทะนุถนอมบุตรชาย”

หากบอกว่าจวนอ๋องรังเกียจจวนรองเจ้ากรม เช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ภายใต้สถานการณ์ที่อีกฝ่ายไม่ถือสาเรื่องความแตกต่างของตระกูล คุณหนูใหญ่กับคุณหนูสามจะมีความแตกต่างมากเพียงใด?

ขอแค่ผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยืนหยัดได้มากพอ พระชายาผิงหนานอ๋องจะทำให้บุตรชายผิดหวังได้อย่างไร

“หลายวันนี้เจ้าก็พูดและทำให้น้อยหน่อย ทางที่ดีที่สุดกระทั่งเรือนก็ออกมาให้น้อย สงบใจเฝ้ารอสักสองสามวัน” นายหญิงใหญ่ตบมือบุตรสาวเบาๆ แววตาเย็นชาเล็กน้อย

แม้ว่าจวนอ๋องจะไม่ถูกใจบุตรสาว นางก็มีวิธีที่จะทำให้การแต่งงานของลูกเลี้ยงล้มเหลว ไม่มีทางอนุญาตให้ลูกเลี้ยงขึ้นมาเหยียบศีรษะบุตรสาวได้เด็ดขาด

จวนรองเจ้ากรมต่างคนต่างใจชั่วขณะ บรรยากาศจึงตึงเครียดอย่างน่าประหลาด

อดทนเช่นนี้อยู่หลายวัน ในที่สุดก็ได้รับข่าวคราวที่ส่งมาจากจวนผิงหนานอ๋อง

“อะไรนะ ถูกใจซานเหนียงหรือ” ฮูหยินผู้เฒ่าหวังนึกว่าฟังผิดไป จนกระทั่งคนส่งสารจากไปก็ยังไม่ได้สติคืนมา

คราแรกทางจวนอ๋องเผยท่าทีชัดเจนว่า ต้องการพบหน้าหยวนเหนียง เดิมไม่มีความคิดที่จะพาซานเหนียงไปด้วยซ้ำ…

ไม่คาดฝันก็ส่วนไม่คาดฝัน ฮูหยินผู้เฒ่าหวังรับความจริงเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็วและมีความสุขขึ้นมา

หลานสาวคนโตก็ดี หลานสาวคนที่สามก็ช่างล้วนเป็นหลานสาวของนาง คนไหนได้กลายเป็นชายาเอกซื่อจื่อล้วนเป็นความรุ่งโรจน์ให้กับฐานะวงศ์ตระกูลของจวนรองเจ้ากรม

เพียงแต่เอ่ยเรื่องพบหน้ากับหลานสาวคนโตก่อน ตอนนี้จวนอ๋องเลือกซานเหนียง หากไม่พูดให้ชัดเจนก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้หยวนเหนียงเกิดความไม่พอใจได้

ฮูหยินผู้เฒ่าหวังให้สาวใช้ไปเชิญนายหญิงใหญ่กับคุณหนูสามมาก่อน เพื่อบอกข่าวดีนี้กับพวกนาง

นายหญิงใหญ่ยากจะปิดบังสีหน้ายินดีจึงเอ่ยยิ้มๆ ว่า “คิดไม่ถึงว่า ซานเหนียงจะมีวาสนานี้ ล้วนเป็นฮูหยินผู้เฒ่าที่สั่งสอนอบรมได้ดีเจ้าค่ะ”

ฮูหยินผู้เฒ่าหวังได้ยินวาจารื่นหูนี้ บรรยากาศระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้ก็สนิทสนมกันทันที

คุณหนูสามหวังสองแก้มแดงระเรื่อ ในสมองเต็มไปด้วยเงาร่างสีฟ้าสายนั้น

ระหว่างทางกลับไป สองแม่ลูกพบกับคุณหนูใหญ่หวังที่เร่งรีบไปเรือนของฮูหยินผู้เฒ่า

“ท่านแม่” คุณหนูใหญ่หวังยอบกายทำความเคารพ

ตอนนี้นายหญิงใหญ่มองลูกเลี้ยงประหนึ่งมองเศษฝุ่น กระทั่งความคิดที่จะทรมานนางก็น้อยลง พลางก้มหน้ามองแล้วพยักหน้า “ในเมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเรียกเจ้าก็รีบไปเถอะ จะได้ไม่ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าต้องรอนาน”

จะได้รู้ข่าวการแต่งงานล้มเหลวเร็วขึ้นหน่อยด้วย

มองคุณหนูใหญ่หวังเดินไปข้างหน้าหลายก้าวอย่างเย็นชา คุณหนูสามหวังก็ยิ้มสดใส ตะโกนเรียกพี่ใหญ่

คุณหนูใหญ่หวังชะงักฝีเท้า มองกลับไปแล้วยิ้มเช่นกัน “น้องสามเรียกข้ามีเรื่องอันใดหรือ”

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของแม่เลี้ยงและน้องสาม ดูท่าพวกนางจะสมปรารถนาแล้ว

ส่วนนาง ในที่สุดก็โชคดีครั้งหนึ่ง

คุณหนูสามหวังจ้องรอยยิ้มบางๆ บนริมฝีปากของคุณหนูใหญ่หวังก็รู้สึกว่าขัดตาจึงแย้มรอยยิ้ม พลางเอ่ยว่า “หลังจากนี้หากไปจุดธูปบูชาที่วัดต้าฝูอีก ข้าจะไปกับพี่ใหญ่แล้วกันนะเจ้าคะ”

“ได้” คุณหนูใหญ่หวังรับคำเรียบๆ แล้วเดินไปข้างหน้า

นายหญิงใหญ่ตำหนิบุตรสาวยิ้มๆ ประโยคหนึ่ง “ซานเหนียง ตอนนี้เจ้าไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ไม่ต้องแย่งชิงซึ่งๆ หน้ากับนางหรอก”

ครั้งหนึ่งในอดีตนางแย่งชิงอย่างไม่ยอมถอยให้สักก้าวก็เพราะว่าบุตรสาวฐานะต่ำกว่าบุตรสาวของภรรยาเอกครึ่งหนึ่งแต่กำเนิดจึงจำเป็นต้องช่วงชิง

แต่วันนี้กลับไม่มีความจำเป็นนั่นแล้ว

“ลูกทราบแล้วเจ้าค่ะ” คุณหนูสามหวังโค้งมุมปากเล็กน้อย

คุณหนูใหญ่หวังได้รู้ข่าวจากปากของฮูหยินผู้เฒ่าหวัง จิตใจก็สงบในที่สุด เพียงแต่ไม่ได้เผยออกมาบนใบหน้าเลยสักนิดเดียว นางก้มหน้านิ่งเงียบ

ฮูหยินผู้เฒ่าหวังเห็นท่าทางเช่นนี้ของหลานสาวคนโตก็เกิดความรู้สึกสงสารหลายส่วนอย่างเลี่ยงไม่ได้จึงถอนหายใจ พลางเอ่ยว่า “ทุกคนล้วนมีโชคชะตาเป็นของตัวเอง อย่าได้อิจฉาผู้อื่น เจ้าอย่าได้แค้นเคืองน้องสาวเพราะเหตุนี้”

“หลานไม่คิดเช่นนั้นหรอกเจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นก็ดี วันนั้นเจ้าไม่ได้บอกว่าอยากพาเจ้ารองไปร่ำสุราที่มีหอสุราหรือ นำเงินหนึ่งร้อยตำลึงจากบัญชีส่วนตัวของย่าไปกินเถอะ”

“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านย่า”

ระหว่างทางไปถนนชิงซิ่ง คุณหนูรองหวังรองยังคงมึนงงอยู่บ้าง “ท่านย่าให้เงินหนึ่งร้อยตำลึงพี่ใหญ่ทั้งแบบนี้หรือเจ้าคะ”

คุณหนูใหญ่หวังยิ้มหวาน “ใช่แล้ว ข้าเสียการแต่งงานที่ดีเช่นนี้ไป น่าสงสารมากเพียงใด”

คุณหนูสามหวังเบ้ปาก “เสียเปรียบน้องสามแล้ว หลังจากนี้เกรงว่าคงต้องเห็นนางลำพองใจทุกวัน”

เอ่ยจบ นางก็คล้องแขนพี่สาว แล้วยิ้ม “ช่างเถอะ ไม่มีนางก็ไม่สามารถคลี่คลายเรื่องยุ่งยากของพี่สาวได้ ปล่อยให้นางลำพองใจไปเถอะ”

เมื่อธงสุราหน้าประตูมีหอสุราโบกสะบัดท่ามกลางสายลมเหน็บหนาวตกอยู่ในสายตาสองพี่น้อง กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่น

นั่นคือมีหอสุราซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกเป็นอิสระชั่วขณะเงียบๆ ที่คุณหนูลั่วเปิด

[1] จวี่เหริน หมายถึง บุคคลผู้สามารถสอบผ่านการสอบขุนนางระดับภูมิภาคได้

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท