ตอนที่ 298 เรื่องราวซับซ้อนเกินกว่าจะแยกแยะได้ชัดเจน
“ญาติผู้น้องอยู่ข้างใน เกิดเรื่องอะไรที่จวนหรือ”
ลั่วเย่ว์ไม่มีเวลาตอบคำตอบคุณชายสามเซิ่ง รีบร้อนวิ่งเข้าไปทันที
“พี่สาม…” เสียงตะโกนอย่างร้อนใจของเด็กสาวดังก้องอยู่ในห้องโถงใหญ่
ลั่วเซิงได้ยินเสียงตะโกนก็เดินจากลานด้านหลังเข้ามาในห้องโถง
ลั่วเย่ว์คล้ายกับพบผู้ช่วยชีวิต โผเข้าไปในทันที “พี่สาม เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในจวนแล้ว!”
ลั่วเซิงตบมือลั่วเย่ว์ เอ่ยน้ำเสียงสงบนิ่ง “ต่อให้เกิดเรื่องใหญ่ยิ่งกว่านี้ก็ต้องค่อยๆ เล่าให้ชัดเจน”
ลั่วเย่ว์ผ่อนคลายอารมณ์ เอ่ยเสียงสะอื้น “จู่ๆ ก็มีทหารจำนวนมากมาพาตัวท่านพ่อไป ข้าเห็นว่าสถานการณ์ผิดปกติจึงแอบออกมาหาพี่สามจากประตูหลัง…”
เหตุการณ์เช่นนั้น นางไม่เคยพบเจอมาก่อน และยิ่งคิดไม่ถึงว่าจะมีวันหนึ่งที่ทหารมาล้อมจวนแม่ทัพใหญ่
ถึงตอนนี้ลั่วเย่ว์ยังตัวสั่นไปทั้งร่าง ปลายนิ้วเย็นเยือก
“ได้มีการพูดถึงเหตุผลที่ท่านพ่อถูกพาตัวไปหรือไม่” ลั่วเซิงยังคงมีสีหน้าสงบนิ่ง
เกิดเหตุการณ์ซึ่งไม่คาดคิดกะทันหัน ไม่ใช่ว่านางไม่ตื่นตระหนก แต่ว่ามีคนตื่นตระหนกกว่านางแล้วจึงไม่อนุญาตให้นางตื่นตระหนกตามไปด้วย
ลั่วเย่ว์ส่ายหน้าพอเป็นพิธี “ไม่ทราบเจ้าค่ะ ตอนที่ข้ากับพวกพี่ใหญ่เร่งรุดไปหลังจากได้รับข่าว ท่านพ่อก็กำลังถูกนำตัวไปจึงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“แล้วท่านพ่อล่ะ ท่านพ่อได้พูดอะไรหรือไม่”
“ท่านพ่อ…” ลั่วเย่ว์สมองพลันขาวโพลน
สถานการณ์นั้นน่ากลัวเกินไป นางจึงนึกไม่ออกไปชั่วขณะ
“ไม่ต้องรีบร้อน รีบร้อนไปก็แก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้”
ลั่วเย่ว์ตะลึงมองลั่วเซิง
“ท่านพ่อบอกพวกเราว่าไม่ต้องกลัว ดูแลตัวเองให้ดี…” ขณะที่ลั่วเย่ว์เอ่ยวาจาเหล่านี้ หยาดน้ำตาก็รินไหลออกจากหางตา
ท่านพ่อไม่ใช่ผู้บัญชาการองครักษ์จิ่นหลินหรือ ปกติล้วนจับคนอื่นเข้าคุก เหตุใดวันนี้จึงถูกทหารพาตัวไปกัน
ลั่วเซิงขมวดคิ้วเป็นปม
วิเคราะห์ข้อความที่เป็นประโยชน์ไม่ออกจากวาจาที่แม่ทัพใหญ่ลั่วพูดตอนถูกพาตัวไป
“กลับจวนก่อน” นางตัดสินใจอย่างรวดเร็วแล้วกำชับคุณชายสามเซิ่ง “ท่านพี่ ท่านรั้งอยู่ดูแลทางหอสุรานะ”
หากจวนแม่ทัพใหญ่เผชิญกับหายนะจริงๆ ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลากคุณชายสามเซิ่งเข้าไปด้วย
คุณชายสามเซิ่งไหนเลยจะยอมทำตาม “ข้าจะไปเป็นเพื่อนน้องลั่ว”
ลั่วเซิงเอ่ยเสียงเบา “ยังต้องรบกวนท่านพี่ให้ดูแลลั่วเฉิน”
คุณชายสามเซิ่งลังเลเล็กน้อย
เสียงของเด็กหนุ่มดังขึ้น “ท่านพี่ ข้าจะกลับจวนกับท่าน”
ลั่วเซิงขมวดคิ้วมองเด็กหนุ่มที่เดินเข้ามาอย่างไม่ยินยอม
ลั่วเฉินหน้าบึ้งตึง “เกิดเรื่องขึ้นในจวน มีเหตุผลใดที่ให้พวกท่านพี่ออกหน้า แล้วข้าหลบอยู่ข้างหลัง หรือท่านพี่ต้องการน้องชายที่พบเจอเรื่องอะไรก็รู้จักแต่หลบอยู่ข้างหลังกัน?”
ลั่วเซิงพยักหน้าเล็กน้อย กลืนวาจาปฏิเสธลงไป “ก็ได้ กลับไปด้วยกัน”
คุณชายสามเซิ่งเดินตามไปที่ประตูด้วย
“ท่านพี่ ท่านรั้งอยู่ที่หอสุราเถอะ”
คุณชายสามเซิ่งยกมือตบไหล่ลั่วเซิง เอ่ยด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ “กลับไปด้วยกัน หรือว่าญาติผู้พี่ไม่ใช่พี่ชายกัน”
หากไม่ได้มีฐานะญาติผู้พี่ เขาก็สามารถเป็นเสี่ยวเอ้อร์ของร้าน ใช้ชีวิตวันๆ ได้อย่างสุขสบายและสนุกสนานได้
คงไม่สามารถเสพสุขด้วยกันตอนมีผลประโยชน์ พบเจอปัญหาก็หลบไปอีกด้านหรอกนะ
นั่นไม่ใช่เรื่องที่มนุษย์เขาทำกัน
“คุณหนู…” ซิ่วเย่ว์เร่งฝีเท้าเดินจากลานด้านหลังเข้ามาในห้องโถง
ลั่วเซิงเอ่ยเรียบๆ “หอสุราจะเปิดทำการตามปกติ”
ซิ่วเย่ว์พยักหน้าอย่างแรง
คนขบวนหนึ่งออกจากหอสุรา เร่งรุดไปยังจวนแม่ทัพใหญ่
บนโรงน้ำชาที่ตั้งอยู่เยื้องๆ กัน สองพี่น้องเว่ยเฟิงซึ่งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาอดไม่ได้ที่จะสบตากันแวบหนึ่ง
“ดูท่าจะเกิดเรื่องกับจวนแม่ทัพใหญ่แล้ว”
“เหตุใดจึงพูดเช่นนี้”
เว่ยเหวินเอ่ยเรียบๆ “คุณหนูที่วิ่งเข้าไปในมีหอสุราเมื่อครู่นี้คือคุณหนูสี่แห่งจวนแม่ทัพใหญ่”
“เช่นนั้นหรือ” เว่ยเฟิงจ้องไปยังทิศทางหอสุรา ลูบคางราวกับคิดอะไรอยู่
ลั่วเซิงรีบกลับไป ก็เห็นหน้าประตูจวนแม่ทัพใหญ่เต็มไปด้วยคนที่มามุงดูเรื่องสนุก
ลั่วเย่ว์เห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้ ก็ทำอะไรไม่ถูกยิ่ง “พี่สาม…”
“ไม่ต้องกลัว” ลั่วเซิงก้าวเท้ายาวไปข้างหน้า
“คุณหนูลั่วมาแล้ว!” ไม่รู้ว่าใครในกลุ่มคนที่มุงดูเรื่องสนุกตะโกนขึ้นมาแล้วแหวกทางออกเป็นช่องหนึ่ง
ลั่วเซิงเดินตรงเข้าไปข้างในด้วยสีหน้าจริงจัง ปล่อยให้เสียงวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้นเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา
“คุณหนูกลับมาแล้ว!” ข้ารับใช้ในจวนเห็นว่าลั่วเซิงเดินเข้ามาก็ตะโกนขึ้นมาทันที
ในยามปกติ เสียงดังเช่นนี้จะถูกตำหนิ ตอนนี้กลับไม่มีใครสนใจจะมาคุมความประพฤติ
อี๋เหนียงกลุ่มหนึ่งบีบผ้าเช็ดหน้าเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาวิ่งเข้ามาล้อมลั่วเซิงพลางร้องไห้
“ฮือๆๆ คุณหนูกลับมาแล้ว นายท่านถูกจับไปแล้ว นี่จะทำอย่างไรกันดี”
“คุณหนู พวกเราจะถูกจับไปตัดศีรษะด้วยหรือไม่ แป้งทาหน้าสีแดงดีๆ ที่ข้าเพิ่งซื้อจากฮวาเสี่ยงหรงมา ยังใช้ไม่หมดเลย…”
“คุณหนู…”
“พอได้แล้ว พวกเจ้าอย่าได้โวยวายใส่คุณหนูอีกเลย” อี๋เหนียงใหญ่หน้าบึ้งตึง ดุเหล่าอี๋เหนียงที่ร้องไห้ฮือๆ
เสียงร่ำไห้หยุดทันที บรรดาอี้เหนียงมองไปทางลั่วเซิงด้วยน้ำตานองหน้า
ลั่วเซิงมองอี๋เหนียงใหญ่ “อี๋เหนียงใหญ่รู้เหตุผลที่ท่านพ่อถูกพาตัวไปหรือไม่”
อี๋เหนียงใหญ่ส่ายหน้า ทอดสายตามองไปยังบริเวณหนึ่ง
ลั่วเซิงมองไปก็เห็นลั่วอิงกับลั่วฉิงยืนอยู่ตรงนั้น เงาร่างสูงใหญ่หันหลังให้นาง คล้ายกับปลอบโยนคนทั้งสอง
นั่นคือพี่ชายบุญธรรม ผิงลี่
“น้องสามกลับมาแล้ว” ลั่วอิงเร่งฝีเท้าเดินมาทางนี้
ลั่วฉิงยกชายกระโปรงตามมาเช่นกัน
ผิงลี่หันกลับมามองลั่วเซิงผ่านสองพี่น้องจากที่ห่างไกล
ลั่วเซิงเดินเข้าไปด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
“น้องสาม…” สองพี่น้องซึ่งหน่วยตาแดงระเรื่อเรียกนาง
ลั่วเซิงพยักหน้ารับ มองผิงลี่ พลางเอ่ย “พี่ใหญ่”
ผิงลี่ยังคงมีน้ำเสียงอบอุ่นเหมือนวันวาน “คุณหนูสามไม่ต้องกลัว ข้าจะคิดหาวิธีช่วยท่านพ่อบุญธรรมให้ได้”
ลั่วเซิงเชิดคางขึ้นเล็กน้อยแล้วถามว่า “เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับท่านพ่อข้ากันแน่”
ผิงลี่เผยสีหน้าลำบากใจ
ลั่วเซิงหมุนตัวเดินจากไป
“คุณหนูสามจะไปที่ใดหรือ”
ลั่วเซิงตอบเสียงเย็น โดยไม่หยุดฝีเท้า “ในเมื่อพี่ใหญ่ไม่พูด เช่นนั้นข้าก็จะออกไปสอบถามเอง”
ในเวลาแบบนี้ยังจะอุบไว้ไม่พูด ไม่ได้โง่งมก็ชั่วร้ายและก็มีความเป็นไปได้สูงที่คนตรงหน้าจะเป็นอย่างหลัง
ผิงลี่ตามไปขวางตรงหน้าลั่วเซิง “คุณหนูสาม ท่านอย่าได้บุ่มบ่าม ฟังข้าพูดให้ชัดเจนก่อน”
“พี่ใหญ่พูดมาเถอะ ข้าฟังอยู่”
“ท่านพ่อบุญธรรม…” ผิงลี่สีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา คล้ายกับรู้สึกว่า ยากจะเอ่ยออกมา
ลั่วเซิงมองเขานิ่งๆ
ลั่วฉิงอดขอร้องไม่ได้ “พี่ใหญ่ ท่านก็รีบบอกพวกเราเถอะ”
ก่อนหน้านี้นางกับพี่หญิงใหญ่สอบถามสถานการณ์ของท่านพ่อ พี่บุญธรรมบอกพวกเราว่าไม่ต้องกังวลเรื่องเหล่านี้ มอบให้เขาจัดการทั้งหมดก็พอ
แต่พวกนางจะไม่กังวลได้อย่างไร นั่นคือบิดาของพวกนางนะ
“มีขุนนางทางใต้ร้องเรียนท่านพ่อบุญธรรม บอกว่าในปีนั้นบุตรชายที่เพิ่งเกิดของเจิ้นหนานอ๋องยังไม่ตาย แต่ถูกท่านพ่อบุญธรรมปล่อยตัวไป…”
“จวนเจิ้นหนานอ๋องหรือ” ลั่วอิงและคนอื่นๆ มีสีหน้างุนงง
ลั่วเซิงพลันจิตใจหนักอึ้ง พยายามควบคุมความรู้สึกหุนหันที่จะหันไปมองลั่วเฉิน พลางถาม “ร้องเรียนก็ต้องมีหลักฐานสิ? หรือว่าอาศัยเพียงแค่ไม่กี่ประโยคก็ตัดสินว่ากระทำผิดทันที?”
เสี่ยวชีอยู่ที่หอสุรา ลั่วเฉินอยู่ข้างกาย หากว่าตรวจสอบมาถึงพวกเขาจริงๆ คนที่จะถูกนำตัวไป คงไม่ได้มีเพียงแม่ทัพใหญ่ลั่วแล้ว
ผิงลี่ยิ้มเจื่อน “ย่อมกุมหลักฐานที่แน่ชัดเอาไว้แล้ว”
“หลักฐานอะไร”
“บุตรชายของเจิ้นหนานอ๋องกับองครักษ์ที่ช่วยชีวิตเขาถูกจับกุมตัวส่งมาถึงเมืองหลวงแล้ว”