ตอนที่ 308 เวลาที่ไขว่คว้ามาได้
เมื่อได้ยินคำพูดของเสนาบดีจ้าว แม่ทัพใหญ่ลั่วก็นั่งลงโดยไม่ส่งเสียงใด
คุกใต้ดินที่มืดมิด อาหารถูกปัดกระจาย หนูที่ตายเกลื่อน ประกอบกันเป็นภาพเหตุการณ์ที่น่าหวาดกลัว
เสนาบดีจ้าวเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผากแล้วสั่งคนไปเรียกหลินเถิงพลางรีบวิ่งออกจากคุก
ลั่วเซิงกำลังรออยู่ด้านนอกคุก เมื่อเห็นเสนาบดีจ้าวออกมาก็กระโจนเข้าไป เอ่ยด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่า “เสนาบดีจ้าว ท่านพ่อของข้าเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยากเข้าไปดูแต่คนพวกนี้ขวางข้าเอาไว้”
ตอนนี้เสนาบดีจ้าวใจร้อนรนจึงรีบร้อนเอ่ยว่า “คุณหนูลั่ว คุกใต้ดินไม่อาจเข้าไปได้ตามใจชอบ โดยเฉพาะเมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ยิ่งไม่สมควรเข้าไป ไม่เช่นนั้นเมื่อย้อนกลับมาสืบคดีจะยิ่งลำบาก เจ้าเห็นด้วยหรือไม่”
ลั่วเซิงพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจและถามอย่างรีบร้อนว่า “เช่นนั้นท่านพ่อของข้าเป็นอย่างไรบ้าง เป็นอะไรมากหรือไม่”
“แม่ทัพใหญ่ไม่เป็นอะไร”
“จริงหรือ”
“ข้าเกลี้ยกล่อมแม่นางน้อยอย่างเจ้าไม่ได้เลยงั้นหรือ”
ลั่วเซิงถอยหลังไปสองก้าว บนใบหน้าเผยรอยยิ้มยินดี แต่ที่หางยังมีน้ำตาอยู่
เสนาบดีจ้าวถอนหายใจ ส่งสายตาเป็นสัญญาณให้เสนาบดีเฉียน เมื่อมอบหมายงานไม่กี่คำก็รีบออกไปทันที
เมื่อเห็นลั่วเซิงยืนอยู่ตรงทางเข้าคุกไม่ยอมขยับ เสนาบดีเฉียนก็กระแอมไอ “คุณหนูลั่ว อย่ายืนตรงนี้เลย เกรงว่าอีกสักครู่จะโดนเรียกมาถามด้วย”
ลั่วเซิงเช็ดหางตาพยักหน้าเล็กน้อย
ไม่นานหลินเถิงก็รีบตามมา เมื่อพบลั่วเซิงเขาก็หยุดฝีเท้าลงครู่หนึ่ง “คุณหนูลั่ว ท่านอย่าเพิ่งไปจากศาลาว่าการนะขอรับ”
ลั่วเซิงพยักหน้า “เจ้าค่ะ”
หลินเถิงเดินผ่านร่างของนางไป รีบเข้าไปในคุกใต้ดิน
ลั่วเซิงหันหลังกลับ มองลึกลงไปยังเงาร่างที่หายไปในเส้นทางของคุกใต้ดิน จากนั้นก็ยืดหลังตรงและเดินออกไปด้านหน้า
แม่ทัพใหญ่ลั่วมองด้านนอกด้วยใบหน้าจริงจังหนักแน่น
“ไม่ได้เคลื่อนย้ายสิ่งของในนี้ใช่หรือไม่” หลินเถิงถาม
นักการศาลาว่าการที่คุ้นเคยกับการทำงานของเขารีบพูดว่า “ใต้เท้าหลินวางใจได้ ยังไม่ได้ขยับอะไรเลยขอรับ”
“เปิดประตูคุก”
พัศดีคนหนึ่งเดินไปด้านหน้าและเปิดประตูคุกออกด้วยมือที่สั่นเทา
หลินเถิงสาวเท้าเดินเข้าไปด้านใน คารวะแม่ทัพใหญ่ลั่วแล้วเอ่ย “แม่ทัพใหญ่ ข้าน้อยได้รับคำสั่งให้มาสืบเรื่องอาหารที่ถูกวางยาของท่าน”
แม่ทัพใหญ่ลั่วพยักหน้า
หลินเถิงเดินสองสามก้าวในคุก ย่อตัวลงเพื่อตรวจสอบหนูที่ตายไป
“แม่ทัพใหญ่ หนูพวกนี้กินอะไรเข้าไปขอรับ”
“น้ำแกง”
หลินเถิงนิ่งเงียบครู่หนึ่งแล้วถามว่า “อาหารเหล่านี้ คุณหนูลั่วส่งเข้ามาใช่หรือไม่”
“ถูกต้อง”
“อาหารที่คุณหนูลั่วส่งมาให้อร่อยมากทั้งนั้น” หลินเถิงพูดเบาๆ และมองแม่ทัพใหญ่ลั่ว
แม่ทัพใหญ่ลั่วสบตาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ จากนั้นก็ได้ยินชายหนุ่มผู้มีดวงตาลึกล้ำผู้นั้นถามขึ้นว่า “แม่ทัพใหญ่ยอมให้หนูแย่งอาหารได้อย่างไรหรือ”
แม่ทัพใหญ่ลั่วยิ้มอย่างเย็นชา “ใต้เท้าหลินหมายความว่าอย่างไรกัน”
“แม่ทัพใหญ่อย่าได้เข้าใจผิด ข้าน้อยเพียงถามถึงความเป็นไปได้ทุกอย่างที่อาจเกิดขึ้นเท่านั้น”
“ตอนที่ข้ากินหมั่นโถวเนื้อเผลอเหม่อลอยไปเล็กน้อย ไม่คิดว่าเจ้าหนูอ้วนตัวนั้นจะพลิกชามน้ำแกงจนคว่ำ ข้าเสียดายแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ คงไม่ถึงกับแย่งน้ำแกงกลับมาจากปากของหนูหรอกใช่หรือไม่” แม่ทัพใหญ่ลั่วพูดจบก็ชี้ไปที่พัศดีคนหนึ่ง “ตอนนั้นเขาก็เห็นและยังพูดอีกว่าหนูของที่นี่กล้ากินแม้แต่เนื้อคน”
หลินเถิงมองไปที่พัศดีคนนั้น
พัศดีรีบพูดว่า “ข้าน้อยเห็นจริงขอรับ หนูเหล่านี้ได้กลิ่นหอม พวกมันแทบไม่กลัวคนเลย ไล่อย่างไรก็ไล่ไม่ไป…”
หลินเถิงวางความสงสัยนี้ลงและถามแม่ทัพใหญ่ลั่วอีกว่า “แม่ทัพใหญ่รู้สึกถึงความผิดปกติบ้างหรือไม่”
“ผิดปกติงั้นหรือ” แม่ทัพใหญ่ลั่วขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเปลี่ยนไปเมื่อคิดบางอย่างขึ้นได้ “วันนี้กล่องอาหารที่นำมาส่งมีน้ำหนักเบามาก นับว่าผิดปกติหรือไม่”
“เบางั้นหรือ”
แม่ทัพใหญ่ลั่วพยักหน้า “ก่อนหน้านี้กล่องอาหารมักมีเนื้อตุ๋นเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย แต่วันนี้กลับว่างเปล่า กล่องอาหารว่างไปหนึ่งชั้น”
สีหน้าของหลินเถิงจริงจังขึ้นมา
มีหอสุราเปิดทำการช่วงหน้าร้อน แต่เวลาที่อากาศร้อนผู้คนมักชอบกินเนื้อตุ๋นอย่างยิ่ง เรียกได้ว่ามีหอสุรามีชื่อเสียงจากเนื้อตุ๋นเลยก็ว่าได้
คุณหนูลั่วส่งอาหารให้ท่านพ่อ เนื้อตุ๋นคือสิ่งที่ขาดไปไม่ได้ หากไม่กี่วันก่อนหน้าใส่มาด้วย แต่วันนี้ไม่มี เช่นนั้นมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว ‘กล่องอาหารที่ถูกส่งเข้ามาในคุกถูกเปิดระหว่างทาง’
หลินเถิงกวาดตาผ่านนักการศาลาว่าการและหยุดลงที่หัวหน้าพัศดี
เมื่อเผชิญกับสายตาเฉียบคมนั้น หัวหน้าพัศดีก็ล้มพับลงบนพื้นและตะโกนว่า “ใต้เท้าหลินพิจารณาด้วย ข้าน้อยเพียงแค่แอบกินเนื้อตุ๋นเพราะอดใจไม่ไหว ไม่มีทางวางยาพิษแม่ทัพใหญ่ลั่วแน่นอน!”
นักการศาลาว่าการที่เฝ้าที่นี่ต่างพากันซุบซิบขึ้นมาเสียงเบา
หลินเถิงถามเสียงเย็นชา “จานเปล่าอยู่ที่ใด?”
“ถูก ถูกข้าน้อยโยนทิ้งไปแล้ว” หัวหน้าพัศดีเหงื่อไหลท่วม
“ไปหามา”
…
ลั่วเซิงก็หนีไม่พ้นการถูกสอบสวนเช่นกัน
“อาหารที่คุณหนูลั่วส่งให้แม่ทัพใหญ่ กล่องอาหารผ่านมือผู้อื่นอีกหรือไม่”
เมื่อเผชิญหน้ากับชายหนุ่มที่แววตาเคร่งขรึม ลั่วเซิงก็ตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบนิ่ง “ไม่มีเจ้าค่ะ”
“คุณหนูลั่วลองดูคิดในละเอียด”
ลั่วเซิงส่ายหน้า “ไม่มีจริงๆ เจ้าค่ะ หลายวันนี้หอสุราเงียบเหงาอย่างมาก การเตรียมอาหารให้ท่านพ่อ ข้าดูการทำอาหารของแม่ครัวตั้งแต่ทำเสร็จจนใส่ลงกล่องและข้าก็นำมาส่งด้วยตัวเอง เมื่อนำมาส่งก็มอบให้หัวหน้าพัศดี จากนั้นก็ไม่ทราบแล้ว”
ขณะนั้น นักการศาลาว่าการคนหนึ่งเดินเข้ามา กระซิบข้างหูหลินเถิงสองสามคำ
หลินเถิงขมวดคิ้วแน่นพลางพยักหน้า พร้อมพูดกับลั่วเซิงว่า “คุณหนูลั่วกลับไปก่อนเถอะ หากมีเรื่องอื่น ข้าจะเชิญท่านมาใหม่”
ลั่วเซิงพยักหน้าเล็กน้อย ตะโกนเรียกคุณชายใหญ่หลินคำหนึ่ง
หลินเถิงคลายน้ำเสียงลง “คุณหนูลั่วมีเรื่องใดอีกหรือไม่”
ลั่วเซิงเม้มริมฝีปากและพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านโปรดช่วยดูแลท่านพ่อข้าด้วย ขอให้สืบหาความจริงได้โดยไว”
หลินเถิงพยักหน้า “เป็นหน้าที่ของข้า ข้าจะพยายามเต็มความสามารถ เพียงแต่นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้ คุณหนูลั่วไม่จำเป็นต้องมาส่งอาหารอีกแล้ว”
ลั่วเซิงก้มหน้าไม่พูดไม่จา
หลินเถิงอยากพูดปลอบใจสองสามคำ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็พูดว่า “ข้าจะให้ลูกน้องออกไปส่งคุณหนูลั่ว”
“เจ้าค่ะ”
เมื่อลั่วเซิงจากไปแล้ว หลินเถิงก็รีบเข้ามารายงานสถานการณ์การสืบสวนเบื้องต้นกับเสนาบดีจ้าวทันที
เสนาบดีจ้าวมีข้อมูลบางส่วนแล้วจึงรีบเข้าวังไปพบฮ่องเต้
หลายวันนี้บรรยากาศภายในวังมีความอึมครึมเล็กน้อย แม้แต่งานรื่นเริงของฝ่าบาทและกุ้ยเฟยก็ลดน้อยลงไป
จักรพรรดิหย่งอันมาพบเสนาบดีจ้าวที่ตำหนักหย่างซิน เมื่อฟังการรายงาน สีพระพักตร์ก็เคร่งขรึมลงทันที
“แม้แต่คนยังดูแลไม่ได้ พวกเจ้ามัวทำอะไรกันอยู่?”
เสนาบดีจ้าวคุกเข่าลง “กระหม่อมผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
“ไปสืบมา ใครลงมือทำร้ายลั่วฉือ สืบมาให้ชัดเจน!”
เสนาบดีจ้าวรายงานต่อจักรพรรดิหย่งอันแล้ว นับว่าเสร็จภารกิจไปอีกเรื่อง เมื่อได้รับคำสั่งก็รีบวิ่งออกไป
จักรพรรดิหย่งอันลุกขึ้น เอามือไพล่หลังเดินไปมาในตำหนัก
นับตั้งแต่ลั่วฉือถูกลอบสังหารในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เหตุการณ์เก่าๆ ที่ฝังลึกอยู่ในความทรงจำของเขาก็ถูกพลิกกลับขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างประหลาดจึงได้ส่งไคหยางอ๋องออกไปสืบ
ตอนนี้ ลั่วฉือกระทำผิดจนต้องเข้าคุกของกรมยุติธรรมกลับยังมีคนคิดปองร้ายเขาอีกงั้นหรือ
ดูเหมือนว่าเรื่องที่พัวพันกับจวนเจิ้นหนานอ๋องจะซับซ้อนกว่าที่คิดเอาไว้มาก…
ความคิดของจักรพรรดิหย่งอันมีมากมายนับไม่ถ้วน สีพระพักตร์ยิ่งหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ
มีคนต้องการให้ลั่วฉือตาย เขาจะดูซิว่าเป็นเทพเซียนที่ไหนกัน
ลั่วเซิงออกจากศาลาว่าการของกรมยุติธรรมก็ตรงกลับไปที่จวนลั่ว ภายใต้สีหน้าหนักแน่นคือหัวใจที่นิ่งสงบ
ในที่สุดก็มีเวลาเพิ่มขึ้นแล้ว