ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 315 วางไม่ลง

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 315 วางไม่ลง

ไม่รอให้คุณชายใหญ่เถาตอบ เถาฮูหยินก็วางจอกชาลง พูดเสียงเยือกเย็นว่า “เพราะว่าคุณชายรองหลินมีมารดาที่เป็นบุตรสาวกบฏคนหนึ่งอย่างไรเล่า! ต้าหลัง หากเจ้าแต่งคุณหนูใหญ่ลั่วเข้าเรือน เจ้าจะให้ข้าทนดูเจ้ากลายเป็นสามัญชนตลอดชีวิต มีความสามารถมากมายแต่กลับไม่สามารถแสดงออกมาเช่นคุณชายรองหลินหรือ”

คุณชายใหญ่เถาชะงัก

พูดตามตรง ใครจะทนปล่อยให้ลูกลำบากกว่าผู้อื่นตั้งแต่เกิดเล่า

เถาฮูหยินถอนหายใจ “ในฐานะที่เป็นพ่อแม่ ล้วนต้องการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกๆ ข้าและท่านพ่อเจ้าก็เช่นกัน หรือว่าเจ้าไม่ใช่”

“ท่านแม่ ข้า…”

“กลับห้องอ่านหนังสือเถอะ ปีหน้าสอบซิ่งปั่งผ่านแล้วยังกังวลจะไม่ได้ภรรยาดีๆ หรือ”

“แต่ว่า…”

“ไม่มีแต่ว่าอะไรทั้งนั้น พูดได้เพียงว่าเจ้าไม่มีวาสนาเป็นสามีภรรยากับคุณหนูใหญ่ลั่ว” เถาฮูหยินพูดอย่างเยือกเย็น เมื่อคิดถึงลั่วเซิงก็ขมวดคิ้ว “มิหนำซ้ำคุณหนูใหญ่ลั่วยังมีน้องสาวน่าหนักใจแบบนั้น แม้ครานี้จวนลั่วจะปลอดภัย แต่คงก่อปัญหาใหญ่ไม่ช้าก็เร็ว หากคุณหนูลั่วคนนั้นสร้างปัญหาอีกก็คงไม่มีพ่อผู้เป็นผู้บัญชาการองครักษ์จิ่นหลินคอยปกป้องแล้ว”

คุณชายใหญ่เถาฟังคำเกลี้ยกล่อมของเถาฮูหยินเสร็จก็กลับห้องไปด้วยความสับสน

ในห้องมีหนังสือกองพะเนิน กลิ่นหอมของธูปหอมลอยอ้อยอิ่ง

คุณชายใหญ่เถาค่อยๆ กวาดมองหนังสือเหล่านี้ ความคิดขัดแย้งในใจไม่หยุด

ความคิดหนึ่งรู้สึกว่าท่านแม่พูดมีเหตุผล อีกความคิดหนึ่งก็รู้สึกว่าในหัวปรากฏภาพหญิงสาวผู้ภูมิฐานและสง่างาม

เขามีใจให้คุณหนูใหญ่ลั่ว

ยังจำได้ว่าเมื่อครั้นหมั้นหมาย เขารู้สึกไม่พอใจเพราะอีกฝ่ายเป็นบุตรสาวของผู้บัญชาการองครักษ์จิ่นหลิน แต่หลังจากได้เจอหลายครั้งก็เปลี่ยนใจ

เขาชอบหน้าตาเรียบร้อยและสงบของนาง ชอบสายตาที่ซ่อนความขลาดอายเมื่อมองเขา

มันเหมือนกับภาพวาดสีหมึกที่เฉยเมย กล้วยไม้ที่เบ่งบานในหุบเขาที่ว่างเปล่า หนังสือที่ชวนให้ผ่อนคลาย

เขาเคยจินตนาการถึงชีวิตหลังแต่งงานกับนาง และยังเคยบอกรักด้วยคำพูดหวานซึ้งว่าจะอยู่ร่วมกันจนแก่เฒ่า

แต่ตอนนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปกะทันหัน

ความมีเหตุผลและอารมณ์ต่อสู้กันไม่หยุด ทว่าคุณชายใหญ่เถาเป็นผู้มีนิสัยโอนอ่อนบอบบาง เขาซึมเศร้าอยู่พักหนึ่งแล้วก็ล้มป่วย

บุตรชายอันเป็นที่รักล้มป่วยแล้ว เถาฮูหยินสงสารจับใจ

นางรู้ว่าลูกชายป่วยใจ

ในเมื่อป่วยใจ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการแก้ปมในใจ

ใกล้จะถึงการสอบชุนเหวยแล้ว ไม่มีอะไรสำคัญไม่กว่าร่างกายของลูก เถาฮูหยินเก็บความไม่พอใจที่รับรู้ความรักที่ลูกชายมีต่อคุณหนูใหญ่ลั่วไว้ เดินไปยังห้องของคุณชายใหญ่เถา

คุณชายใหญ่เถากำลังพักอยู่ที่ห้องทางทิศตะวันออก ในความเป็นจริงแล้ว ที่นี่เป็นสถานที่ที่เขาไม่ค่อยคุ้นเคย

สถานที่ที่เขาคุ้นเคยที่สุดคือห้องหนังสือ คือหนังสือและธูปหอมเหล่านั้น

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะโดดเด่นในการสอบขุนนางตั้งแต่อายุยังน้อย

การบากบั่นร่ำเรียนไม่ใช่แค่พูดๆ เท่านั้น

“ท่านแม่มาแล้วหรือขอรับ” คุณชายใหญ่เถาพยายามลุกขึ้น

เถาฮูหยินกดตัวลูกชายไว้ “นอนดีๆ”

คุณชายใหญ่เถาไม่ขยับตัวอีก

“ดีขึ้นหรือยัง”

“ดีขึ้นมากแล้วขอรับ”

เถาฮูหยินพยักหน้าเบาๆ ส่งสัญญาณให้คนรับใช้ในห้องออกไป

เมื่อในห้องเหลือเพียงสองแม่ลูก เถาฮูหยินถอนหายใจ “ต้าหลัง เจ้าเป็นแบบนี้คนที่เสียใจคือพ่อแม่”

“ท่านแม่มิต้องเป็นห่วง ลูกจะดีขึ้นในเร็ววัน” ขณะที่คุณชายใหญ่เถาพูดเช่นนี้ ในใจกลับรู้สึกว่างเปล่าและหดหู่

เขาเข้าใจว่าพ่อแม่ทำเพื่อเขา แต่เมื่อคิดว่าต่อจากนี้จะไม่ได้เจอสตรีเรียบร้อยคนนั้นอีกก็รู้สึกแย่

เถาฮูหยินส่ายศีรษะ กล่าวด้วยความจริงใจว่า “ต้าหลัง เจ้าหมั้นหมายกับคุณหนูใหญ่ลั่วมาหลายปี จะมีนางในใจก็เป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ เรื่องนี้แม่รู้ดี”

“ท่านแม่…”

“เจ้าฟังข้าพูดให้จบก่อน”

คุณชายใหญ่เถาเงียบ

“แต่เมฆฝนบนฟ้ามิอาจคาดการณ์ ทุกเรื่องจะเป็นดั่งใจหวังได้อย่างไร แม้คุณหนูใหญ่ลั่วจะเป็นภรรยาเจ้าไม่ได้ก็ไม่ได้เท่ากับว่าพวกเจ้าไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกัน”

คุณชายใหญ่เถาตาลุกวาว พูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน “ท่านแม่?”

เถาฮูหยินรับรู้ ได้แต่โมโหในใจ ไม่เผยให้เห็นทางสีหน้าแม้แต่น้อย “หายนะครั้งใหญ่ของจวนลั่วอยู่ไม่ไกลนี้เอง หากแม่ทัพใหญ่ลั่วต้องโทษหนัก คุณหนูจวนลั่วเป็นได้เพียงทาสหรือคณิกา ถึงครานั้นหากเจ้าต้องการคุณหนูใหญ่ลั่ว ข้าก็จะไม่ขัดขวาง”

เถาฮูหยินพูดพลางสังเกตสีหน้าลูกชาย พูดต่อไปว่า “หากแม่ทัพใหญ่ลั่วไม่ได้ทำให้ครอบครัวตกระกำลำบากไปด้วย การไม่มีต้นไม้ใหญ่อย่างแม่ทัพใหญ่ลั่ว การล่มสลายของจวนลั่วล้วนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ตราบใดที่จวนเราเปิดเผยว่ามีความคิดอยากจะรับคุณหนูใหญ่ลั่วเป็นอนุ จวนลั่วย่อมต้องน้อมรับด้วยความยินดีอย่างที่สุด”

คุณชายใหญ่เถาตกอยู่ในห้วงความคิด

เถาฮูหยินเห็นดังนั้นก็ยกมุมปากเบาๆ

สวรรค์รู้ว่านางต้องข่มความขยะแขยงมากเพียงใดเพื่อพูดสิ่งเหล่านี้

นางไม่อยากให้ลูกชายมีความเกี่ยวข้องใดๆ กับบุตรสาวของขุนนางต้องโทษ แม้แต่อนุภรรยา คุณหนูใหญ่ลั่วก็ไม่คู่ควร

นางต้องเกลี้ยงกล่อมให้บุตรชายตั้งใจร่ำเรียนก่อน กลับไปแต่งภรรยาที่ดีและงดงาม ถึงครานั้นยังจะจำได้หรือว่าคุณหนูใหญ่ลั่วคือผู้ใด

ถอยหลังหนึ่งหมื่นก้าว แม้บุตรชายลืมไม่ลงแล้วอย่างไร

ผู้ชายเมื่อได้แล้วก็หมดความสนใจ

เถาฮูหยินตีเหล็กตอนร้อน “ต้าหลัง เรื่องของแม่ทัพใหญ่ลั่วไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดขึ้นแล้ว จะคิดถึงแต่ตนเองไม่ได้ เจ้าว่าอย่างไรเล่า”

เถาฮูหยินยิ้ม น้ำเสียงหนักแน่น “ไม่แน่นอน”

คุณชายใหญ่เถาค่อยๆ เผยรอยยิ้ม

อาจจะเป็นเพราะปมที่อยู่ในใจถูกคลายออก ผ่านไปไม่กี่วัน อาการป่วยของคุณชายใหญ่เถาก็หายดี

แต่ในใจของเขาคิดถึงเรื่องหนึ่งอยู่เสมอ คุณหนูใหญ่ลั่วยังไม่รู้ความคิดของเขา เมื่อแม่ทัพใหญ่ลั่วถูกตัดสินโทษ จะเกิดอะไรขึ้นหากนางทนไม่ได้และฆ่าตัวตายหรือท้อแท้แล้วไปติดตามผู้อื่น

คุณชายใหญ่เถายิ่งคิดก็ยิ่งไม่สบายใจ เกิดความคิดอยากจะเจอหน้าลั่วอิง

น่าเสียดายที่ลั่วอิงไม่เหมือนกับลั่วเซิงที่เดินเตร็ดเตร่อยู่ข้างนอกทุกวัน คุณหนูใหญ่ลั่วเป็นหญิงสาวที่ไม่ค่อยออกจากจวนจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเจอนาง

มิหนำซ้ำทั้งสองยังถอนหมั้นกันแล้ว

เด็กรับใช้ที่ดักรอนอกจวนลั่วหลายวันตามคำสั่งของคุณชายใหญ่เถา ในที่สุดก็เจอสาวใช้ของลั่วอิงที่ออกมาซื้อของที่ตลาดเพื่อเอาใจเจ้านายของนาง

เด็กรับใช้แอบตามไป ฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีคนเห็นยัดจดหมายใส่ในมือของสาวใช้

สาวใช้ตกใจ เมื่อตั้งสติได้ คนๆ นั้นก็วิ่งไปแล้ว

สาวใช้ก้มหน้ามองจดหมาย จู่ๆ ก็ไม่มีอารมณ์ไปซื้อของ นางรีบกลับจวนแม่ทัพใหญ่อย่างรวดเร็ว

ลั่วอิงกำลังเหม่อมองชุดแต่งงาน

งานแต่งถูกยกเลิกไปแล้ว นางเองก็ยอมรับความจริงเรื่องนี้แล้ว แต่เมื่อเห็นชุดมงคลที่เย็บมากับมือ หัวใจดวงหนึ่งก็ราวกับจมอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง หนาวเหน็บและทรมาน

ลั่วอิงชูกรรไกรขึ้นแล้วกัดฟันวางมือลง

นางได้ปักความปรารถนาของชีวิตหลังแต่งงานไว้บนชุดแต่งงานสีแดงชุดนี้ หากทำลายเช่นนี้ไม่ต่างจากแทงกรรไกรลงหัวใจนาง

ต้องคลาดกับคนๆ นั้นแบบนี้ ถึงอย่างไรนางก็ยังวางไม่ลง

สาวใช้รีบเดินเข้ามา

ลั่วอิงชะงักเล็กน้อย “ลี่ว์เอ้อ เจ้าออกไปแล้วมิใช่หรือ”

ลี่ว์เอ้อประคองส่งจดหมายให้ “คุณหนู จดหมายของคุณชายใหญ่เถาเจ้าค่ะ”

ลั่วอิงเปิดจดหมายด้วยมือที่สั่นเทา เมื่ออ่านอย่างละเอียด นางก็ปิดปากร้องไห้

ในเรือนเสียนอวิ๋นย่วน โค่วเอ๋อร์ส่ายศีรษะไม่หยุด “ลี่ว์เอ้อนี่ไม่ไหวเลย รับจดหมายมาแล้วเก็บอาการไม่ได้เช่นนี้ ทันทีที่บ่าวเห็นก็ดูออกเลยว่าผิดปกติ”

คิดถึงครานั้นที่คนของไคหยางอ๋องยัดจดหมายใส่มือของนางกลางถนนใหญ่ นางเก็บอาการได้ดีกว่านี้มาก

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท