ตอนที่ 326 แผนการ
เมื่อเห็นใบหน้าของชายตรงหน้าชัดเจนแล้ว ลั่วเซิงก็รู้ว่าเขาเป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างยิ่ง
บอกว่าไปเยี่ยมสามีภรรยาผิงหนานอ๋องแล้วได้ยินว่าเว่ยเหวินมาหาเรื่องจึงมาห้ามปรามก็แล้วไป
แต่อยู่กินอาหารที่นี่ ไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของเขา
ที่เขาอยู่ต่อย่อมเป็นเพราะมีผลประโยชน์ที่ดียิ่งกว่าดึงดูดเขา จะเป็นสุรารสหวานชั้นดีหรืออาหารเลิศรส?
ลั่วเซิงส่ายศีรษะเงียบๆ
หลังจากที่จวนแม่ทัพใหญ่เกิดเรื่อง คนเหล่านั้นเช่นเสนาบดีจ้าวยังสามารถหักห้ามความอยากอาหารไม่มาได้ นางไม่เชื่อว่าเว่ยเชียงจะมีจุดประสงค์แค่กินดื่ม
เช่นนั้นแล้วเขาอยู่ต่อที่นี่เพื่ออะไรกัน
ลั่วเซิงเดาไม่ออก
แต่ว่านางไม่กลัว สิ่งที่นางกลัวคือเขาจะเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในกำแพงราชวัง ทำให้นางไม่อาจเข้าถึงได้
“วันนี้ฝ่าบาทจะเสวยหม้อไฟลูกชิ้นปลาเหมือนเดิมหรือเพคะ”
“ใช่ ข้าเป็นคนรักเดียวใจเดียว เมื่อชอบอะไรแล้วก็จะชอบไปตลอด” เว่ยเชียงมองลั่วเซิงแล้วยิ้มให้บางๆ
ลั่วเซิงใจกระตุก ความคิดหนึ่งวาบผ่านด้วยความว่องไว
นางตามความคิดนี้ไม่ทันจึงยิ้มๆ อย่างสงบพูดว่า “เช่นนั้นฝ่าบาทรอสักครู่เพคะ”
ไม่นาน บนเตาดินสีแดงขนาดเล็กที่มีถ่านซ่อนอยู่ก็ปรากฎหม้อไฟที่กำลังร้อน
น้ำแกงหวานสดที่ซึมเข้าไปในลูกชิ้นปลากำลังลอยอยู่ในหม้อ กลิ่นหอมโชยไปทั่วห้องโถง และส่งกลิ่นหอมมากขึ้นเรื่อยๆ
นี่คือรสชาติที่ห่างหายไปนาน
เว่ยเชียงสูดลมหายใจเข้า เผยรอยยิ้มพึงพอใจ
ลั่วเซิงนั่งกลับไปที่ข้างตู้คิดเงิน มือเท้าคาง ดูเบื่อหน่ายอย่างยิ่ง
ลองนับเวลาดูแล้ว เรื่องก็ใกล้จะสิ้นสุดแล้ว
นางอดใจตนเองไม่ให้มองไปที่ข้างหน้าต่าง
เมื่อตกกลางคืน หอสุราที่มีกลิ่มหอมเย้ายวนแห่งนี้ก็ไม่มีแขกอื่นมาอีก
เว่ยเชียงเอ่ยปาก “หอสุราของคุณหนูลั่วจะเปิดต่อไปหรือไม่”
ลั่วเซิงมองเขา ตอบอย่างเกียจคร้านว่า “คราบใดที่ไม่มีคนมาทำลายร้าน แน่นอนว่าจะเปิดต่อไปเพคะ”
เว่ยเชียงเงียบ
เขาอยากถามว่าแม่ทัพใหญ่ลั่วเกิดเรื่องแล้วเจ้าไม่กังวลหรือ
แต่เห็นนางเป็นเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่เคยทุกข์ใจเลย
นี่คือเด็กสาวที่ไม่เคยได้รับความไม่เป็นธรรมมาก่อน ไม่รู้ว่าเวลาที่คนตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากจะลำบากเพียงใด
แต่ด้วยเหตุนี้ นางจึงมีความกล้าหาญในแบบที่หญิงสาวคนอื่นไม่มี
จึงทำให้เขาอดคิดถึงคนๆ นั้นผ่านตัวนางไม่ได้
เว่ยเชียงเหม่อลอย สายตาหยุดอยู่ที่ลั่วเซิงเป็นเวลานาน
ลั่วเซิงเงยหน้ามองมา รู้สึกถึงสายตาที่แปลกไปนั่นได้อย่างเฉียบไว นางตกใจ
ความคิดที่แวบผ่านเมื่อครู่นี้แจ่มชัดขึ้นมาในทันใด
สิ่งที่เว่ยเชียงต้องการไม่ใช่สุราชั้นดีหรืออาหารเลิศรส แต่คือนาง
ไม่สิ คือคุณหนูลั่ว!
ทันทีที่คิดถึงตรงนี้ ลั่วเซิงก็เกือบจะรักษาสีหน้าเบื่อหน่ายและสงบเอาไว้ไม่ได้
นางประหลาดใจสุดขีด
คิดไม่ถึงว่าเว่ยเชียงจะชอบคุณหนูลั่ว!
เขาชอบคุณหนูลั่วตรงไหนกัน ความโอหังอวดดี? หรือว่าเลี้ยงนายบำเรอ
แน่นอนว่าคุณหนูลั่วก็มีด้านที่น่ารัก แต่เท่าที่นางรู้จักเว่ยเชียง นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาชอบ
รอยยิ้มหยันตนเองแวบผ่าน
อาจจะเป็นนางที่ทึกทักไปเอง ที่จริงแล้วนางไม่รู้จักคนผู้นี้เลยสักนิด ไม่เช่นนั้นในอดีตจะตาบอดไปได้อย่างไร
ไม่ว่าอย่างไร เว่ยเชียงหาผลประโยชน์จากลั่วเซิงนั้นเป็นเรื่องจริง
ลั่วเซิงหลุบตาลง แววตาเยือกเย็นจนเป็นน้ำค้างแข็ง
ตอนนี้นางคือคุณหนูลั่ว ทันทีที่คิดว่าชายน่าขยะแขยงคนนี้กำลังอยากได้ตัวนางก็แทบอยากจะพุ่งไปที่ห้องครัวหยิบมีดออกมาสับเขา
เขาทำลายชิงหยางแล้วยังจะทำลายลั่วเซิง!
ทำลายลั่วเซิง…
ลั่วเซิงหันไปมองคนที่กำลังกินหม้อไฟอย่างสง่าคนนั้น จู่ๆ ก็เกิดความสงสัยว่า ที่แม่ทัพใหญ่ลั่วต้องติดคุกกะทันหัน เรื่องนี้มีฝีมือของเขาด้วยหรือไม่นะ
มีเรื่องหนึ่งที่ยืนยันได้ หากแม่ทัพใหญ่ลั่วเป็นผู้บัญชาการองครักษ์จิ่นหลินไปตลอด เว่ยเชียงคงไม่มีทางเข้ามายุ่งเกี่ยวคุณหนูลั่วได้
“คุณหนูลั่ว”
ลั่วเซิงเก็บความคิด ถามราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า “ฝ่าบาทเสวยเสร็จแล้วหรือเพคะ”
เว่ยเชียงลุกขึ้น “เสร็จแล้ว ไว้มาวันอื่น”
“ฝ่าบาทเดินทางปลอดภัยนะเพคะ”
มองดูเด็กสาวที่อยู่ใต้แสงไฟ เว่ยเชียงเกิดมีความคิดอยากให้นางเดินไปส่ง
กำแพงพระราชวังสูงตระหง่าน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะได้ออกมา
ทว่าความคิดนี้ก็ดับสลายลงไปเงียบๆ เหมือนกับเทียนอ่อนจางในพายุ
ยังไม่ถึงเวลาบุ่มบ่าม
“คุณหนูลั่ว แล้วพบกันใหม่”
เว่ยเชียงเดินออกจากหอสุราแล้วหันกลับไปมองอีกครั้ง
โคมไฟในหอสุราสว่างไสวในยามค่ำคืน คือความอบอุ่นชวนให้คิดถึงในยามหนาว
“ฝ่าบาท ข้างนอกหนาวเย็นพ่ะย่ะค่ะ” โต้วเหรินเตือนเบาๆ
เว่ยเชียงพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินไปข้างหน้า
ลั่วเซิงไม่ได้รอให้หอสุราปิดก็กลับจวนแม่ทัพใหญ่ก่อน
เมื่อเดินเข้าไป ใบหน้าของนางก็มืดมน ดวงตาปรากฏความเยือกเย็น
ผ่านไปไม่นาน ข่าวเรื่องคุณหนูสามอารมณ์ไม่ดีก็แพร่กระจายออกไปเงียบๆ
หากเป็นเมื่อก่อน อะไรนะ คุณหนูสามอารมณ์ไม่ดีหรือ ต้องหลีกหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะเข้าใกล้ไปให้นางทุบตีหรือไร
แต่วันนี้กลับไม่เหมือนเดิมแล้ว
อี๋เหนียงใหญ่ถูกเหล่าอี๋เหนียงตั้งเป็นตัวแทนไปยังเรือนเสียนอวิ๋นย่วน
“วันนี้คุณหนูเจอเรื่องไม่สบอารมณ์มาหรือ”
ลั่วเซิงเอ่ยสีหน้าไม่แยแส “ท่านหญิงน้อยจวนผิงหนานอ๋องมาหาเรื่อง ถูกข้าไล่กลับไป ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
อี๋เหนียงใหญ่ได้ยินดังนั้นก็ตกใจ “ไม่เป็นอะไรจริงๆ หรือ ขัดเคืองท่านหญิงไป…”
“นางมาหาเรื่อง แสดงว่าขัดเคืองมานานแล้ว ต่างกันเพียงแค่ท่านพ่อข้าเป็นอะไรหรือไม่เท่านั้นเอง อี๋เหนียงใหญ่กลับไปเถอะ ไม่ต้องกังวลเรื่องเหล่านี้ ถึงอย่างไรกังวลไปก็ไร้ประโยชน์”
“เช่นนั้นคุณหนูอย่าอารมณ์เสียเลย” อี๋เหนียงใหญ่ได้ยินคำพูดของลั่วเซิงแล้วก็ลอบถอนหายใจและเดินออกไปเงียบๆ
เหล่าอี๋เหนียงที่กำลังรอข่าวล้อมกันเข้ามา แย่งกันถามว่า “พี่ใหญ่ เหตุใดคุณหนูจึงอารมณ์ไม่ดีหรือ”
วันนี้ต่างจากอดีต จะก่อเรื่องไม่ได้อีกนะ
“คุณหนูไม่ได้เป็นอะไร แค่ท่านหญิงน้อยจวนผิงหนานอ๋องยกพวกมาหาเรื่อง คุณหนูตบหน้าท่านหญิงน้อยไป”
เหล่าอี๋เหนียง “…”
คุณหนูคงไม่เป็นอะไร แต่พวกนางเป็น!
ลั่วเฉินไปหาลั่วเซิงถัดจากอี๋เหนียงใหญ่
“ปิดหอสุราก่อนดีหรือไม่” เงียบไปครู่หนึ่ง ลั่วเฉินก็เอ่ยขึ้น
ลั่วเซิงยิ้ม “ข่าวเร็วจริงๆ”
ลั่วเฉินหรี่ตามองนาง “ข้าไม่ใช่คนหูหนวกเสียหน่อย ใช้หูฟังคนในจวนไม่ได้หรือ”
เขาแค่คิดถึงลั่วเซิงตัวคนเดียวต้องเผชิญกับกลุ่มคนที่มาคุกคามก็รู้สึกโมโหและรู้สึกผิด
“ข้าไม่อยากปิด”
ลั่วเฉิน “…”
คำตอบเอาแต่ใจเช่นนี้ ลั่วเซิงยังคงเป็นลั่วเซิงจริงๆ
“วางใจเถอะ ข้าไม่เป็นอะไรหรอก” ลั่วเซิงยื่นถุงกระดาษน้ำมันให้
“นี่คืออะไรหรือ”
“เสี่ยวชีจับนกกระจอกได้จึงเอามาทอดได้หนึ่งจาน วานให้ข้าเอามาให้เจ้าชิมสองสามตัว”
ลั่วเฉินขมวดคิ้วอย่างรังเกียจ “ข้าไม่กินนกกระจอก”
ลั่วเซิงยิ้ม “ข้าก็แค่รับคำไหว้วานมา หงโต้วบอกว่านางกินได้ทุกอย่าง”
ลั่วเฉินรับถุงกระดาษน้ำมันไว้ พูดด้วยใบหน้าบึ้งตึงว่า “ของๆ ข้า ข้าจะจัดการเอง ข้าจะเอาไปทิ้ง”
เห็นเด็กหนุ่มเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ลั่วเซิงก็ยิ้มบาง
โค่วเอ๋อร์รายงานว่า “คุณหนู คุณหนูทั้งสามมาแล้วเจ้าค่ะ”
ลั่วเซิงเปลี่ยนท่า นางพิงเตาอุ่นอย่างเกียจคร้าน
“เชิญคุณหนูทั้งสามเข้ามา”
คนที่นางเฝ้ารอ ในที่สุดก็มาเสียที
ไม่นาน สามพี่น้องตระกูลลั่วก็เดินเข้ามา
“พี่ใหญ่ เหตุใดพวกท่านยังไม่พักผ่อน เวลานี้แล้ว”
ลั่วอิงมองสีหน้าลั่วเซิง พูดด้วยน้ำเสียงห่วงใยว่า “ได้ยินว่าวันนี้หอสุราเกิดเรื่อง”