ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 332 ดื้อรั้น

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 332 ดื้อรั้น

สวี่ซี หลานชายอายุสิบห้าของนางเริ่มไปบ่อนพนันแล้วหรือ

การค้นพบนี้ทำให้ลั่วเซิงหน้าขรึมลง นางเงี่ยหูฟังบทสนทนาของสองพี่สองต่อ

เห็นได้ชัดว่าสวี่ซีไม่ยอมฟังคำหว่านล้อม เขาขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านพี่จะยุ่งทำไม”

เนื่องจากพวกเขามีความสัมพันธ์ทางครอบครัวฝั่งตายาย ตระกูลสวี่และหลินจึงแทบจะไม่ได้ไปมาหาสู่กัน ถึงแม้หลินซูจะตั้งใจดูแลลูกพี่ลูกน้องคนนี้ แต่เขาที่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในห้องหนังสือจึงไม่ค่อยมีเวลาพูดคุยกับสวี่ซีมากนัก

เมื่อได้ยินสวี่ซีพูดเช่นนี้ หลินซูก็หน้าขรึม “ข้าเป็นพี่เจ้า!”

สวี่ซีกลอกตา พึมพำเสียงเบาว่า “ยุ่งยิ่งกว่าพ่อแม่อีก”

หลินซูลอบสูดหายเข้าลึกๆ

จะใจร้อนไม่ได้…

แต่เขาก็ใจเย็นไม่ได้ ความสงบนิ่งทั้งหมดของเขาพ่ายแพ้ให้กับความบัดซบของลูกพี่ลูกน้องคนนี้!

“ท่านตาฝากอาจารย์ไว้แล้ว ปีหน้าให้เจ้าเข้าเรียนที่สำนักศึกษา ถึงครานั้นเราจะเรียนหนังสือด้วยกัน…” หลินซูพยายามพูดแผนที่วางไว้เสียงเบา

สวี่ซีได้ยินก็รำคาญ “ข้าไม่ไป”

“สวี่ซี เจ้าอย่าเอาแต่ใจ เจ้าอายุแค่สิบห้า เรียนหนังสือให้มากไม่ดีหรือ”

“เรียนหนังสือไปมีประโยชน์อะไร” สวี่ซีย้อนถาม

หลินซูชะงัก

คำพูดแบบนี้เขาได้ยินมานักต่อนัก

เขามีชื่อเสียงในด้านความแก่กล้าสามารถ และยังเป็นที่ชื่นชอบของอาจารย์ บางคนชอบพูดว่า หลินซูมีความสามารถและฉลาดแล้วอย่างไร แม้แต่ซิ่วไฉก็ไม่ใช่

เขาคิดว่าคำพูดแบบนี้ได้ยินบ่อยเข้าคงไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อได้ยินสวี่ซีพูดเช่นนี้ เขาก็รู้สึกหมดความอดทนเล็กน้อย

เสียงฝีเท้าดังขึ้น

สองพี่น้องเงยหน้าขึ้นโดยสัญชาติญาณ พวกเขาเห็นลั่วเซิงมาถึงที่โต๊ะและนั่งลงด้วยใบหน้าไร้อารมณ์

สวี่ซี “?”

มองดูปีศาจสาวที่เย็นชา เขาอดไม่ได้ที่จะพยายามครุ่นคิดว่าเมื่อครู่นี้เขาพูดอะไรขัดเคืองนางไปหรือไม่

เมื่อคิดเสร็จแล้ว เด็กหนุ่มก็สงบลง

โชคดีที่ไม่ได้นินทาปีศาจสาว

ท่านพี่สั่งสอนเขา ไม่เกี่ยวกับคุณหนูลั่ว

หลินซูกลับประหลาดใจก่อนจะเอ่ยปากขึ้น “คุณหนูลั่ว เจ้า…”

เขากำลังตักเตือนสวี่ซีปากเปียกปากแฉะ เหตุใดคุณหนูลั่วจึงนั่งลงเล่า

นั่งก็นั่งเถอะ ยังทำหน้าไม่รับแขกอีก…

เว่ยหานที่หน้าไม่รับแขกเช่นกันดื่มสุราคำหนึ่งเงียบๆ

“คุณชายใหญ่สวี่คิดว่าเรียนหนังสือไร้ประโยชน์หรือ” ลั่วเซิงเอ่ยถามอย่างเย็นชา

สวี่ซีต้านทานความกดดันไว้พูดว่า “กับคนอื่นอาจจะมีประโยชน์ แต่กับข้าน่ะไม่มีประโยชน์แน่นอน”

หลังจากที่ท่านแม่ของเขากลายเป็นสตรีผู้มีความผิด เส้นทางบางเส้นก็ถูกลิขิตให้ปิดไว้แล้ว พยายามไปจะมีประโยชน์อะไร

เป็นอัจฉริยะเหมือนท่านพี่ผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือ จากนั้นถูกคนเหล่านั้นแสดงความเวทนาด้วยเจตนาร้ายหรือ

เขารู้สึกว่าชีวิตตอนนี้ดีมาก ตั้งแต่ที่ปีศาจสาวช่วยในเหตุกาณ์ครานั้น คนที่มาหาเรื่องเขาก็น้อยลง ทั้งยังมีเงินใช้เพียงพอ คิดมากไปมีแต่จะหาเหาใส่หัว

ลั่วเซิงยิ้มๆ “ช่างมั่นใจเสียจริงๆ หากเจ้าเรียนหนังสือให้มากกว่านี้คงไม่พูดอะไรโง่เขลาเช่นนี้ออกมา”

“เกี่ยวอะไรกับเจ้า” สวี่ซีย้อนถามอย่างขี้ขลาดในใจ มือทั้งคู่ของเขาจับขอบโต๊ะไว้ด้วยสัญชาติญาณ เตรียมพร้อมวิ่งหนีตลอดเวลา

ถึงอย่างไรก็กินอิ่มไปครึ่งหนึ่งแล้ว เขาไม่อยากตกอยู่ในมือของปีศาจสาวอีก

ลั่วเซิงไม่ได้โต้ตอบ

กับเด็กรู้เท่าไม่ถึงการณ์เช่นนี้ พูดปากเปียกปากแฉะไปก็ไร้ประโยชน์ ต้องตีอย่างเดียว

แน่นอนว่าการตีคราวนี้ต้องเลื่อนออกไปเล็กน้อย

“ตอนนี้เจ้ามีเงินไปบ่อนพนันด้วยหรือ”

ทันทีที่หลินซูได้ยินก็รู้ว่าลั่วเซิงอยู่ฝ่ายเดียวกับเขา เขาจึงไม่รู้สึกอึดอัดเพราะคุณหนูลั่วนั่งข้างๆเขาอีก เขายังหาเวลาว่างดื่มสุราข้าวคำหนึ่ง

สุราข้าวอุ่นลงแล้ว เมื่อไหลผ่านลำคอไปจึงได้รสหวานและเผ็ดกำลังดี

มีน้องชายน่าหนักใจเช่นนี้ เขาขอสงบอารมณ์ก่อน ตาคุณหนูลั่วสั่งสอนบ้างเถอะ

สวี่ซีเคลื่อนสายตาออกไป เบ้ปากพูดว่า “เจ้าไม่ใช่คนให้เงินเสียหน่อย”

“ใครให้” ลั่วเซิงถามด้วยใบหน้าเยือกเย็น

สวี่ซีอ้ำอึ้ง

แน่นอนว่าที่บ้านเป็นคนให้ แต่ปีศาจสาวไม่ชอบแม่เลี้ยงของเขามาก หากได้ยินเขาพูดเช่นนี้แล้วหามเขากลับไปอาละวาดที่จวนจะทำอย่างไร

อันที่จริงหลังจากครานั้น เขาก็ไม่ไว้ใจแม่เลี้ยงอย่างที่ผ่านมาอีก เพียงแต่ว่านางมีเงินให้ แล้วเขาจะไม่เอาหรือ

เห็นสวี่ซีเงียบ ลั่วเซิงเลิกคิ้ว “รู้แล้ว แม่เลี้ยงคนนั้นของเจ้าเป็นคนให้”

“ข้าบอกแล้วว่าไม่เกี่ยวกับเจ้า” สวี่ซีพูดอย่างดื้อรั้น

แม่เลี้ยงเป็นคนให้แล้วอย่างไร

นั่นคือเงินของจวนโหว เขาก็ต้องมีส่วนแบ่งอยู่แล้ว คนนอกคนหนึ่งจะมายุ่งมากมายเช่นนี้ทำไม

“ไม่เกี่ยวกับข้าได้อย่างไร เจ้ากินอาหารในหอสุราที่ข้าเปิดแล้วพูดคำพูดโง่เขลาเหล่านี้ ข้าได้ยินแล้วไม่ชอบ”

ความมั่นใจของลั่วเซิงทำให้สวี่ซีโมโหจนลุกขึ้น “หากไม่ใช่เพราะท่านพี่ลากมา เจ้าคิดว่าข้าอยากมารึ”

เมื่อเห็นเด็กหนุ่มสะบัดแขนเสื้อทำท่าจะออกไป ลั่วเซิงก็พูดเสียงเย็นชาว่า “ยังไม่คิดเงินก็ไปแบบนี้ เจ้าคิดจะกินแล้วชักดาบหรือ”

“กินแล้วชักดาบ?” ทันทีที่หงโต้วได้ยิน นางก็ถือไหสุราขึ้นมาพุ่งเข้าไป

สวี่ซีตัวแข็งทื่อ

หลินซูรีบพูดขึ้นว่า “คุณหนูลั่ว ข้าจ่ายเงินเอง”

ลั่วเซิงหรี่ตามองเขา ย้อนถามว่า “คุณชายรองหลินช่วยน้องชายของเจ้าประหยัดเงิน จะได้ให้เขาไปเสียเงินที่บ่อนพนันแทนหรือ”

“เสียเงินที่บ่อนพนันอะไรกัน ข้าชนะพนันทุกครั้งที่ไป!” สวี่ซีอดโต้กลับไม่ได้

หากแพ้พนันจริงๆ เขาจะไม่ไปอีก

“วางใจเถอะ ข้าไม่กินแล้วชักดาบหรอก คิดเงินเถอะ”

หงโต้วแจ้งราคาอาหารอย่างรวดเร็วและวางมือที่ชูไหสุราขึ้นลงมา

สวี่ซีวางเงินบนโต๊ะอย่างเจ็บใจก่อนจะเดินสาวเท้าออกไปทางประตูหอสุรา

หลินซูพยักหน้าขอโทษลั่วเซิงแล้วรีบวิ่งตามไป

ร่างของทั้งสองหายไปจากประตูหอสุราอย่างรวดเร็ว

ความเยือกเย็นบนใบหน้าของลั่วเซิงหายไปแล้ว นางเดินไปข้างหน้าต่าง

หิมะข้างนอกยังคงตก และยังตกหนักขึ้นด้วยซ้ำ หิมะจำนวนมากที่อยู่นอกหน้าต่างประดับประดาข้างนอกกลายเป็นโลกแห่งประติมากรรมน้ำแข็ง

เมื่อมองผ่านหน้าต่าง จะเห็นเด็กหนุ่มสองคนที่ยิ่งเดินยิ่งเร็วและไกลออกไปเรื่อยๆ

เว่ยหานที่นั่งข้างหน้าต่างกระแอมเบาๆ

ลั่วเซิงดึงสติกลับมายิ้มให้เว่ยหาน “ท่านอ๋องกินเสร็จแล้วหรือ”

เว่ยหานเม้มปากเล็กน้อย ผ่านไปนานกว่าจะขานตอบเบาๆ

ลั่วเซิงรู้สึกถึงความน้อยใจอย่างอธิบายไม่ถูก แต่ว่าเรื่องนี้ไม่ส่งผลต่อการส่งแขกของนาง

“เช่นนั้นข้าส่งท่านอ๋องออกไปเถอะ”

จู่ๆ เว่ยหานก็อารมณ์ดีขึ้นมา แต่กลับปฏิเสธข้อเสนอของลั่วเซิง “มิต้อง ข้างนอกหนาวเย็น”

ลั่วเซิงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “เช่นนั้นท่านอ๋องเดินทางปลอดภัยเจ้าค่ะ”

“นายท่าน เสื้อคลุมของท่าน” สือเยี่ยนยื่นเสื้อคลุมไปให้อย่างรู้หน้าที่

เว่ยหานยื่นมือไปรับแล้วเดินออกจากหอสุรา

พายุหิมะปะทะหน้า ทำให้ชุดคลุมสีดำพองขึ้นชั่วขณะ เมื่อเขาสาวเท้าไปข้างหน้าเสื้อคลุมจึงค่อยๆ กระพือลงมา ปัดหิมะบนพื้นอย่างอ่อนโยน

ท้องฟ้าและพื้นดินที่ขาวโพลนราวกับหิมะ ร่างในชุดสีดำเจือจางแสงสลัวในยามค่ำคืน ทั้งหมดนี้เมื่ออยู่ในสายตาของลั่วเซิงที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่างแล้ว กลับรู้สึกถึงความนิรันดรราวกับภาพลวงตา

จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าดวงตานางแห้งเล็กน้อย กลับไม่รู้ว่าเพราะอะไร

ชายหนุ่มที่เดินอยู่ท่ามกลางพายุหิมะหยุดลงกะทันหันและหันกลับมา

ทั้งสองสบตากันเงียบๆ ผ่านพายุหิมะ

ผ่านไปหลายลมหายใจ เว่ยหานก็เดินเข้าไปในความมืดยามค่ำคืนอย่างสบายใจ

ลั่วเซิงส่งคนออกไปสืบอย่างรวดเร็ว ผ่านไปไม่นานก็รู้บ่อนพนันที่สวี่ซีไปประจำ และคนที่เขาคลุกคลีด้วย

นางไม่ได้ทำอะไรในทันที แต่เลือกที่จะรอ

เมื่อแม่ทัพใหญ่ลั่วพลิกสถานการณ์ถึงจะเป็นโอกาสที่ดีในการจัดการหลานนอกและคนบางคน

ผ่านไปอีกสองสามวัน จู่ๆ เสนาบดีจ้าวรีบไปเข้าเฝ้าจักรพรรดิอย่างเร่งรีบพร้อมความคืบหน้าของคดี

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท