Invincible โลกอมตะ – ตอนที่ 197

ตอนที่ 197

หลังจากที่ชายเคราแพะออกไปแล้ว เหยาเฟยก็พึมพำขึ้น “ไอ้เวรนั่นมันหวังจะเข้าไปในเขตในเพราะสิ่งใดกันแน่? และก็เพื่อจะสนิทสนมกับไอ้เวรนี่หวูเหินถึงกับต้องใช้เหรียญตราเลยงั้นหรอ……มันคงให้ความสำคัญกับไอ้เวรนี่มากแน่! แล้วเราเองก็ได้ยินมาว่าไอ้เวรนี่มันสนิทสนมกับเซี่ยพูถีอีกด้วย”

 

“แต่หวงเสี่ยวหลง แกคิดว่าพอแกเกาะต้วนหวูเหินกับตระกูลเซี่ยแล้ว ข้าจะไม่กล้าฆ่าเจ้างั้นหรอ?”

 

“ข้ามั่นใจว่าเจ้าคงกลัวในสิ่งที่เจ้าได้สร้างความบาดหมางกับข้า เหยาเฟยคนนี้ไว้!”

 

เหยาเฟยก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาซึ่งคำพูดของเขาได้ดังก้องไปทั่วสนามหญ้า

 

ทุกครั้งที่เขานึกถึงฉากที่เกิดขึ้นตรงหน้าห้องโถงวายุผันแปรที่หวงเสี่ยวหลงบอกให้เขาคุกเข่าแล้วยอมรับความผิดในที่สาธารณะแล้ว มันก็ทำให้เหยาเฟยไม่สามารถควบคุมจิตสังหารของตนได้

 

หวงเสี่ยวหลง!

 

แววตาของเหยาเฟยก็เฉียบคมราวกับใบมีด

 

ขณะนี้หวงเสี่ยวหลงที่กำลังถูกกล่าวถึงในเขตในก็กำลังเดินมาถึงตรงหน้าศาลาแห่งหนึ่ง

 

เจดีย์แห่งนี้มีความสูงถึง100 จางและมันก็ถูกแบ่งเป็นหลายๆชั้นและในแต่ชั้นจะมีรูปเขียนอันแปลกประหลาดอยู่บนกำแพงของแต่ละชั้น

 

ในรูปแต่ละชั้น มันจะมีรูปมนุษย์ สัตว์ป่า ภูเขา ทะเล และก็พืชที่ดูแปลกประหลาด

 

พอมองเจดีย์แห่งนี้แล้ว ในดวงตาของหวงเสี่ยวหลงก็ได้ปรากฏแสงสว่างอันคุ้นเคยกระพริบขึ้น พอตรวจสอบจากรูปทรงของเจดีย์ตรงหน้าแล้วมันมีความคล้ายคลึงกับสมบัติสวรรค์เจดีย์หลิงหลงอย่างมาก

 

จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นด้านหลังของเขา “นี่คือเคล็ดวิชาเจดีย์ จักรพรรดิได้สร้างมันให้คล้ายกับสมบัติสวรรค์เจดีย์หลิงหลง  ภายในเจดีย์ได้จัดตั้งค่ายอาคมรวมวิญญาณไว้ ซึ่งปราณฉีถายในเจดีย์เป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก

 

หวงเสี่ยวหลงก็หันไปมองด้านหลัง เขาก็พบกับคนที่พูดซึ่งคนๆนี้เป็นชายหนุ่มที่สวมใส่ชุดสีฟ้าสดใส  และเขาก็ใส่สิ่งที่มีสีฟ้าสดใสตั้งแต่หัวจรดเท้า  ซึ่งเขาก็มีป้ายสีทองที่เป็นเครื่องหมายบอกว่าเขาเป็นศิษย์ภายในแห่งสถาบันต้วนเริ่น  อายุของเขาก็น่าจะประมาณ 27 ถึง 28 ปี

 

สร้างเลียนแบบเจดีย์หลิงหลงงั้นหรอ? ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมรูปร่างของมันถึงคล้ายเจดีย์หลิงหลง

 

“ข้าชื่อหลิวเจี้ยนหยู”ชายหนุ่มในชุดสีฟ้าสดใสก็ยิ้มแล้วพูดแนะนำตัว

 

 

“หวงเสี่ยวหลง”หวงเสี่ยวหลงก็ตอบกลับไป

 

“เจ้าคือหวงเสี่ยวหลงคนนั้นงั้นหรอ?  คนที่เป็นเจ้าของจิตวิญญาณต่อสู้คู่ หวงเสี่ยวหลง?”พอได้ยินชื่อของหวงเสี่ยวหลงหลิวเจี้ยนหยูก็ทนตกใจไม่ได่

 

“งั้น เจ้าก็คือหวงเสี่ยหวลงนี่เอง”หลิวเจี้ยนหยูก็หัวเราะอย่างมีความสุขในขณะที่เขายื่นออกไปหาหวงเสี่ยวหลงแล้วเดินเข้าไปใกล้ “ข้าก็อยากจะทำความรู้จักกับ นายน้อยเทพมังกร ผู้ชนะเลิศการประลองเมืองจักรพรรดิในปีนี้ ที่ถูกยกย่องว่าเป็นสัตว์ประหลาดอัจฉริยะตั้งแต่ก่อตั้งอาณาจักรขึ้นมาเลย”

 

พอจับมือกันเสร็จทั้งสองก็ปล่อยมือ

 

หลิวเจี้ยนหยูก็อธิบายว่า “ข้าก็ไม่ค่อยรู้จักเจ้าเท่าไหร่ ตอนนี้หลายคนๆต่างก็เอาเจ้าไปเปรียบเทียบกับ งค์ชายหวูเหิน นายน้อยไร้หัวใจ และนายน้อยจากตระกูลใหญ่ อีก 5 คน ซึ่งพวกนั้นได้เรียกขานเจ้าว่า นายน้อยเทพมังกร  และตอนนี้จักรวรรดิต้วนเริ่นก็ไม่ได้มีนายน้อยเพียงแค่ 5 คนอีกแล้ว แต่กลับกลายเป็น  6 คนต่างหาก”

 

“ 6 นายน้อย!”หวงเสี่ยวหลงก็ส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่าย

 

เขาไม่คิดว่าเขาจะได้ชื่อเล่นอย่างนายน้อยเทพมังกรและยังกลายเป็นส่วนหนึ่งของนายน้อยทั้ง 6 แห่งจักรวรรดิต้วนเริ่นเลยอีกด้วย

 

“แต่…เจ้าไม่ใช่ศิษย์ภายในไม่ใช่หรอแล้วเจ้าเข้ามาได้อย่างไร?”หลิวเจี้ยนหยูก็ถามออกมา

 

“เพราะข้ามีเหรียญตราไง”หวงเสี่ยวหลงก็ตอบไปอย่างชัดเจนและสั้นๆ

 

เนื่องจากพวกยามเอาเรื่องเหรียญตราไปป่าวประกาศ       ดังนั้นมันก็ไม่มีอะไรต้องปิดบัง

 

หลิวเจี่ยนหยูก็ตกใจกับเรื่องนี้มากๆ เขาจ้องมองหวงเสี่ยวหลงอย่างไม่อยากจะเชื่อก่อนที่จะหัวเราะออกมา “เหรียญตราอันนี้นายน้อยหวุเหินเป็นคนให้มาสินะ? ข้าไม่คิดเลยว่านายน้อยหวูเหินจะส่งเหรียญตรานี่ให้เจ้าใช้”

 

พอได้ยินในสิ่งที่คนอื่นพูด หวงเสี่ยวหลงก็ไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธแต่อย่างใด  ไม่เพียงแต่หลิวเจี้ยนหยูจะไม่เชื่อแล้วแม้แต่จักรวรรดิต้วนเริ่นทั้งอาณาจักรก็ยังมีปฏิกิริยาเดียวกัน

 

หลิวเจี้ยนหยูก็พูดคุยกับหวงเสี่ยวหลงสักพักก่อนที่จะแยกออกไป

 

แม้ว่าหลิวเจี้ยนหยูจะไม่ได้พูดอะไรมากนัก แต่หวงเสี่ยวหลงก็ร่าเขานั้นเป็นคนของตระกูลหลิวแห่งจักรวรรดิตว้นเริ่น

 

แม้ว่าตระกูลหลิวอาจจะเอามาเทียบกับตระกูลเซี่ยไม่ได้แต่ตระกูลหลิวก็ยังเป็นหนึ่งในตระกูลอันยิ่งใหญ่แห่งจักรวรรดิต้วนเริ่น ซึ่งตระกูลลหิวนั้นมีสถานะต่ำกว่าตระกูลกั่วของกั่วไท่เล็กน้อยเท่านั้น

 

หวงเสี่ยวหลงนั้นรู้สึกดีกับหลิวเจี้ยนหยูเหมือนที่เขามีกับกั่วไท่ พวกเขาทั้งสองคนไม่ได้มีนิสัยแบบลูกหลานตระกูลใหญ่ที่หยิ่งยโส

 

หลังจากแยกกับหลิวเจี้ยนหยูแล้ว หวงเสี่ยวหลงก็เดินไปทั่วเขตในของสถาบัน

 

ผ่านไปอีกวันก็ยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆจากเจดีย์หลิงหลงหรือแหวนผนึกพระเจ้าที่อยู่ในร่างของหวงเสี่ยวหลงเลย

 

หวงเสี่ยวหลงก็เลยออกไปจากพื้นที่เขตในเมื่อท้องฟ้ามืดครึ้มและกลับไปที่คฤหาสน์เนินเขาทิศใต้

 

สำหรับคนที่มาตามเฝ้าหวงเสี่ยวหลงนั้น เขาได้รายงานกับเหยาเฟยว่าหวงเสี่ยวหลงแค่เดินเล่นรอบๆ ทำให้เหยาเฟยถึงกับขมวดคิ้ว

 

“เดินเล่นรอบๆไร้จุดหมายงั้นหรอ?” เหยาเฟยก็พยายามคิดถึงเป้าหมายของหวงเสี่ยวหลง

 

“นายน้อย เป็นไปได้ว่ามันคงสงสัยเกี่ยวกับพื้นที่ของเขตในเลยต้องการจะเข้าไปตรวจสอบละมั้ง?” ในเวลานี้ ยามคนนึงก็ได้ก้าวเท้าออกมาแล้วพูดแนะขึ้น

 

แต่ก่อนที่เขาจะได้ทันพูดจบ เขาก็ถูกหมัดของเหยาเฟยโจมตีใส่ ทำให้เขาลอยออกไปตรงมุมห้อง

 

“แล้วเจ้าคิดว่าไง?”เหยาเฟยก็เย้ยหยัน เสียงของเหยาเฟยเย็นชามากๆ

 

นี่เลยทำให้ยามคนนั้นตีปากตัวเองอย่างสำนึกผิด

 

“ติดต่อจินมู่ ให้มันกลับมา”เหยาเฟยก็หันไปสั่งผู้คุ้มกันที่อยู่ข้างหลังเขา

 

ผู้คุ้มกันคนนั้นลังเลแล้วพูดออกมาว่า “นายน้อย เราสูญเสียการติดต่อกับศิษย์พี่จินมู่เมื่อ2วันก่อน ดูเหมือนศิษย์พี่จินมู่จะ….หายตัวไป!”

 

“อะไรนะ? หายตัวไป?!”เหยาเฟยก็ถลึงตาใส่

 

“ใช่ขอรับ ศิษย์พี่จินมู่ได้หายตัวไปเหมือนศิษย์พี่จาง สิ่งสุดท้ายที่พวกเรารู้ก็คือทั้งสองคนนั้นอยู่ที่คฤหาสน์เนินเขาทิศใต้”ผู้คุ้มกันคนนั้นก็พูดยืนยันขึ้นมา

 

ศิษย์พี่จินมู่ที่เหยาเฟยกล่าวถึงก็คือชายชราผมเงินที่ถูกหวงเสี่ยวหลงกลั่นเป็นโอสถวิญญาณเมื่อ 2 วันก่อน

 

“หายตัวไปแล้ว 2 วันงั้นหรอ แล้วทำไมเจ้าถึงมารายงานข้าตอนนี้?”เหยาเฟยก็โมโหเลยโจมตีใส่ผู้คุ้มกันคนนั้น จนมันรอยออกไป

 

ผู้คุ้มกันที่เหลือก็ตัวสั่นอย่างหวาดกลัว

 

“สวะเอ้ย ไปตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นสิ!”เหยาเฟยก็คำรามออกมา

 

“ได้ขอรับ นายน้อย!”

 

ผู้คุ้มกันทั้งหมดก็ออกไปอย่างหวาดกลัว

 

แววตาของเหยาเฟยก็เย็นชามากขึ้น “หวงเสี่ยวหลง!”

 

ที่คฤหาสน์เนินเขาทิศใต้ในตอนนี้ หวงเสี่ยวหลงได้ยืนอยู่ตรงกลางสนามหญ้า ปราณภายในของเขาไหลเวียนไปทั่ว  กระดูกหดตัว ดูเหมือนว่าเขาจะเตี้ยลงครึ่งหัว พอตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว  หวงเสี่ยวหลงก็สูงเกือบ 1 เมตรซึ่งไม่ได้แตกต่างกับเด็กอายุ 7 – 8 ขวบ

 

เมื่อกระดูกของเขาลง 1 เมตรได้สำเร็จ กระดูกในร่างของเขาก็เริ่มส่งเสียงแตกหักราวในขณะที่เขากลับไปสูง 6 ฟุตเท่าเดิม

 

นี่ก็คือ เคล็ดวิชาหดกระดูก

ก่อนหน้านี้ที่ปราณภายในของเขายังไม่ได้ทะลวงเข้าสู่ระดับนักรบเหนือธรรมชาติ ดังนั้นเคล็ดวิชาหดกระดูกก็เลยไม่มีประโยชน์อะไร แต่เขานั้นได้ฝึกเคล็ดวิชานี้มาตั้งแต่ที่ปราณภายในของบรรลุเข้าสู่ระดับนักรบเหนือธรรมชาติ มันเลยทำให้กระดูของเขาหดและขยายได้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งในอนาคตมันจะทำให้หวงเสี่ยวหลงจะสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างลักษณ์หน้าตาได้เลย  นี่เป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้รู้ว่ามันจะมีประโยชน์ในอนาคต

 

ค่ำคืนก็ค่อยๆผ่านไป

 

เมื่อรุ่งเช้าเข้ามา หวงเสี่ยวหลงก็หยุดการฝึกวิชาตอนกลางคืนแล้วออกจากคฤหาสน์เนินเขาทิศใต้ตรงทางเข้าด้านหน้า ทันทีตัวหวงเสี่ยวหลงก็แข็งตึง เขาหยุดเดินแล้วจ้องมองคนที่อยู่ด้านหน้าของเขาอย่างสับสน

 

คนที่ยืนอยู่ตรงช่างคุ้นเคยยิ่งนัก!

 

หลี่ลู่!

เธอก็คือหลี่ลู่ที่ถูกหญิงงามจากกลุ่มนักรบแห่งพระเจ้าพาตัวไปนั่นเอง

 

หลี่ลู่สวมชุดขาว ดวงตาที่แดงเล็กน้อยกำลังจ้องมองหวงเสี่ยวหลง พอเทียบกับเมื่อ 3 ปีก่อนแล้ว ใบหน้าเล็กๆที่เคยไร้เดียงสาและซุกซนได้หายไปซึ่งได้ถูกแทนที่ด้วยความงดงามและเสน่ห์อันน่าหลงไหลแทน ทุกครั้งที่เธอขยับและยิ้มสามารถทำให้จิตใจของใครหลายๆคนถึงกับสั่นไหว  หลี่ลู่นั้นสูงขึ้นมากกว่า 3 ปีที่แล้วและเธอก็ก้าวหน้าไปมากอีกด้วย

 

หวงเสี่ยวหลงก็ขยี้ตา กลัวว่ามันจะเป็นภาพหลอน

Invincible โลกอมตะ

Invincible โลกอมตะ

จากลูกศิษย์ของวัดเส้าหลินบนแผ่นดินใหญ่ หวงเสี่ยวหลงกลับคืนสู่โลกแห่งการต่อสู้โดยได้อาศัยความรู้จากความลับของหัวเซี่ย ซึ่งเป็นวิชาลับจากคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น ในโลกของจิตวิญญาณการต่อสู้โดยเฉพาะผู้ที่มีจิตวิญญาณการต่อสู้เท่านั้นที่จะสามารถฝึกในปราณฉีและกลายเป็นนักรบได้ หวงเสี่ยวหลงเกิดมาพร้อมกับวิญญาณการต่อสู้ที่หายากจากภายในสวรรค์แห่งนี้ได้ถูกปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ ในช่วงพิธีปลุกเสกโดยคนของโลกแห่งนี้ อย่างไรก็ตามหวงเสี่ยวหลง กับ “ตัวแปร” จิตวิญญาณการต่อสู้ต้องลุกขึ้นต่อสู้อีกครั้งและแสดงความสามารถพิเศษอื่น ๆ เพื่อเอาชนะเหล่าอัจฉริยะสร้างความตกตะลึงให้กับตระกูลและเหล่าผู้คนของโลกจิตวิญญาณการต่อสู้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท