ตอนที่ 194 เคล็ดวิชาแยกร่าง
“ดูเหมือนว่าฉันจะต้องใช้เส้นสายของต้วนเริ่นเพื่อเข้าไปพื้นที่ของศิษย์ภายในแล้วสินะ”หวงเสี่ยวหลงก็ครุ่นคิดกับตัวเอง
จักรพรรดิต้วนเริ่นนั้นเป็นผู้ก่อตั้งสถาบันต้วนเริ่นขึ้นมา สำหรับผู้หนุนหลังสถาบันต้วนเริ่นแล้ว เรื่องนี้น่าจะไม่เกินขอบเขตอำนาจของเขาเท่าไหร่นัก
“ข้าสงสัยแล้วสิว่าไอ้บ้าเซี่ยพูถีนั่นจะอยู่ที่หอพักหรือป่าวนะ”หวงเสี่ยวหลงก็ครุ่นคิดในขณะที่เขาเดินผ่านพื้นที่หอพักนักศึกษาใหม่ พอคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว เขาก็ได้เปลี่ยนเส้นทางแล้วมุ่งหน้าไปที่ที่พักของเขา
พอเข้าไปที่พักที่เขาแบ่งใช้กับเซี่ยพูถี ก็หาเซี่ยพูถีไม่พบเลย
สุดท้าย หวงเสี่ยวหลงก็ทำได้เพียงออกไปเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ไม่ไกลจากที่พักของเขา หวงเสี่ยวหลงก็ได้เดินไปชนฉุ่ยหลี่ในขณะที่เขากำลังเดินออกไปจากที่พัก และในขณะเดียวกัน ฉุยหลี่ก็เดินมาพร้อมกับจ้าวหวูจื่อ
ทั้ง 3 คน ก็ตกใจในขณะที่พวกเขาเดินมาพบกัน
ฉุยหลี่นั้นดูไม่สบายใจในขณะที่จ้าวหวูจื่อกับเดินตรงมาหาหวงเสี่ยวหลงพร้อมด้วยรอยยิ้มอันน่าหลงใหล “ข้าไม่คิดเลยนะว่านายน้อยหวงจะเกาะต้นไม้ใหญ่อย่างตระกูลเซี่ยกับเค้าด้วย ข้าได้ยินมาว่าเซี่ยพูถีเชิญเจ้าไปดื่มไวน์น่าคมคายที่มีค่าหลายล้านเหรียญทองเลยนะ ฮิฮิ!”
หวงเสี่ยวหลงไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอะไรออกมาเลย
“แต่ ความสามารถของนายน้อยหวงก็มีค่ามากพอจะทำให้ตระกูลเซี่ยดึงเข้ามาเป็นพวกหล่ะนะ”เธอก็หัวเราะคิกคักออกมาโดยใช้มืออันผอมบางยกขึ้นปิดปากครึ่งนึงในขณะที่เธอพูดจบ เสียงหัวเราะของเธอก็ดังก้องออกมาในขณะที่หน้าอกกลมกลึงของเธอสั่นไหวไปมา
หวงเสี่ยวหลงมองจ้าวหวูจื่ออย่างไม่แยแส “นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการสินะ? ถ้าไม่ก็เอาหน้าอกอันใหญ่โตของเจ้าแล้วใสหัวออกไปซะ!!”
หน้าอกอันใหญ่โต!
ใสหัวออกไปซะ!
เสียงหัวเราะที่ชวนน่าฟังของจ้าวหวูจื่อก็ชะงักขึ้น ร่างกายของเธอก็แข็งตึงในขณะที่รอยยิ้มอันน่าหลงใหลบนใบหน้าเธอกลายเป็นหน้าเกียจ คำพูดที่ไม่คาดคิดของหวงเสี่ยวหลงก็ยังทำให้ฉุยหลี่ตกใจด้วยและเธอก็หันไปมองเขาอย่างตกตะลึงเธอไม่เคยคิดว่าคำพูดหยาบคายอย่างนี้จะออกมาจากปากของหวงเสี่ยวหลงที่ดูสุภาพและสง่างาม!
ใบหน้าของจ้าวหวูจื่อก็แดงก่ำราวกับเธอโดนตบซึ่งในแววตาของเธอได้มีความฉุนเฉียวกระพริบขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หน้าอกของเธอนั้นโยกขึ้นลงซึ่งเห็นได้เธอโกรธมาก
ตั้งแต่เธอเกิดมา นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าพูดใส่หน้าเธอว่า….เอาหน้าอกอันใหญ่โตของเจ้าออกไปซะ!
“หวงเสี่ยวหลง เจ้า….!”ดวงตาของจ้าวหวูจื่อก็เต็มเพลิงแห่งความโกรธราวกับจะพ่นไฟออกมา จู่ๆก็ได้มีแรงกดดันเพิ่มขึ้น
ก่อนที่จ้าวหวูจื่อจะพุ่งโจมตี ก็ได้มีเสียงดังขึ้นมา “จ้าวหวูจื่อ เจ้ากล้าเพิกเฉยกฎของสถาบันแล้วจะต่อสู้กันงั้นเรอะ?”
ทั้งสามคนกฌมองไปที่เซี่ยพูถีที่กำลังเดินเข้ามาทางพวกเขาอย่างช้าๆโดยไม่รีบร้อน
บนใบหน้าจ้าวหวูจื่อก็แสดงความลังเลออกมาเล็ฌกน้อย จากนั้นเธอก็หันหน้าไปจ้องหวงเสี่ยวหลง “แล้วเราจะได้เห็นกันว่าเจ้าจะยังมีชีวิตมาพูดประโยคนี้ใส่ในครั้งหน้าที่เราจะได้เจอกันใหม!”พอพูดประโยคนี้ทิ้งไว้ จ้าวหวูจื่อก็หันหน้าออกไป
ฉุยหลี่ก็กัดฟันหันหน้าเดินตามจ้าวหวูจื่อออกจากที่นี่ไป บนใบหน้าฉุ่ยหลี่เต็มไปด้วยความสับสนและหลากหลายอารมณ์ปนเปกันไปในขณะที่เธอหันมามองหวงเสี่ยวหลงก่อนที่จะหายไปจากสายตาเขา
เซรายพูถีก็เดินมาอยู่ข้างหวงเสี่ยวหลงและหัวเราะออกมาในขณะที่เขามองจ้าวหวูจื่อและฉุยหลี่ออกไป เขายกนิ้วให้หวงเสี่ยวหลงแล้วพูดออกมาว่า “เจ้านี่มันช่างเป็นน้องชายที่ดีของข้าจริงๆ ––เอาหน้าอกอันใหญ่โตของเจ้าแล้วใสหัวออกไปซะ นี่มันช่างคลาสสิคจริง!”
“ไปกันเถอะ พวกเราพี่น้องจะไปกินดื่มที่ร้านไวน์น่าคมคายกันสักหน่อย!”
โดยไม่รอให่หวงเสี่ยวหลงตอบรับ เขาก็ลากหวงเสี่ยวหลงแล้วมุ่งหน้าไป
พอมาถึงร้านไวน์น่าคมคาย เซี่ยพูถีก็สั่งให้บริกรเอาว์ที่เหลือทั้งหมดมาให้พวกเขาเหมือนกับครั้งที่แล้วที่พวกเขามา
ด้วยเพราะที่บริกรคนนั้นรู้ว่าเป็นเซี่ยพูถี พอมาตอนนี้เขาเลยไม่ลังเลอีก เขาก็ได้ไปจัดของต่างๆตามออเดอร์ของเซี่ยพูถีทันที แล้วเอาไวน์น่าคมคายที่เหลืออยู่มากกว่า 200เหยือกมาส่ง
ไม่นานนักหลังจากที่เซี่ยพูถีและหวงเสี่ยวหลงเริ่มดื่มด่ำไปกับไวน์ที่พวกเขาสั่งมา กั่วจื่อและกั่วเฟยก็ได้เดินเข้ามาในร้านอีกครั้ง
พี่น้องกั่วก็เดินเข้ามาในร้านและสิ่งที่พวกเขาได้เห็นก่อนเลยก็คือเซี่ยพูถีและหวงเสี่ยวหลง พี่น้องกั่วก็รู้สึกผิดหวังขึ้นมา หลังจากที่เมื่อครั้งก่อน พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะโชคร้ายจนได้ไปเจอกับเซี่ยพูถี!….ซึ่งตอนนี้ก็เป็นเหมือนกันอีกซะงั้น
พอเซี่ยพูถีเห็นสองพี่น้อิงกั่วเดินเข้ามา เขาก็หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี “ต้อขอโทษสำหรับพวกเจ้าทั้งสองด้วย ข้าได้ซื้อไวน์น่าคมคายของวันนี้ทั้งหมดแล้วหน่ะ”
คำพูดแทงใจดำนี่ก็ทำให้ท่าทางของสองพี่น้องกั่วเศร้าใจมากขึ้น
“เนื่องจากพี่กั่วได้สั่งทั้งหมดไปแล้ว งั้นพวกเราสองพี่น้องก็จะมาอีกครั้งวันอื่นแล้วกัน “กั่วจื่อก็พยายามบีบรอยยิ้มและพูดตอบออกมา จากนั้นทั้งสองก็หันออกไปโดยไม่พูดอะไรอีก
ด้านนอกร้าน น้ำเสียงที่เคร่งขรึมของกั่วจื่อก็ดังขึ้น “กลับไปส่งคนมาสืบว่าไอ้เด็กสถุลที่อยู่กับเซี่ยพูถีเป็นใครกัน”
“เข้าใจแล้วขอรับ พี่ใหญ่”
หลายชั่วโมงต่อมา หวงเสี่ยวหลงและเซี่พูถีก็ออกจากร้านไวน์น่าคมคายคนละทิศทาง หวงเสี่ยวหลงก็ตัดสินใจมุ่งหน้ากลับไปคฤหาสน์เนินเขาทิศใต้
ความมืดก็ค่อยๆคืบคานจนทำให้ท้องฟ้ามัวหมอง
ในขณะที่เขาเดินไปตามถนนรกร้าง ก็ได้พบกับเจตนาสังหารปะทุออกมาแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ฝีเท้าของหวงเสี่ยวหลงหยุดลง ในเวลาเดียวกัน เขาก็ได้ใช้ความสามารถเงาทมิฬทำให้เงาของเขาหายไปในพริบตาซึ่งทำให้เขาหลบหลีการโจมตีที่จากช่องว่างเล็กน้อยได้ ได้เกิดแสงเย็นเยียบพุ่งตรงไปที่จุดที่เขาเคยยืนอยู่
ก็ได้ปรากฏชายที่แต่งชุดดำตั้งแต่หัวจรดเท้า
หวงเสี่ยวหลงก็จ้องชายคนนั้นอย่างเย็นชา “เหยาเฟยส่งเจ้ามางั้นหรอ?”
ชายคนนั้นก็เลือกที่จะเงียบแล้วตอบสนองออกมาแทนคำพูด ร่างของชายคนนั้นก็กระพริบขึ้นในขณะที่เขาชกหมัดใส่หวงเสี่ยวหลง การทำให้เกิดประกายแสงของดาบขึ้นในเวลากลางคืนนั้นเป็นการส่งสัญญาณให้กับรอบด้านในช่วงเวลาที่มืดมิด
หวงเสี่ยวหลงได้กลายร่างเป็นร่างเทพอสูร ซึ่งเจตนาสังหารของเขาได้กระจายออกไปราวกับพายุเฮอริเคนในขณะที่เขากระพือปีกปีศาจเพื่อหลบการโจมตีจากด้านข้างอีกครั้ง หวงเสี่ยวหลงได้เรียกดาบเทพอสูรออกมาแล้วจับมันไว้อย่างแน่นหนาในขณะที่ฟันออกไป
“พายุนรก!”
เสียงคำรามจากนรกได้พุ่งกระจายออกไปทั่วความมืดมิด
พายุนรกสองลูกได้ปรากฏขึ้นในอากาศ แล้วพุ่งเข้าใส่ชายชุดดำทันที ชายชุดดำก็ตกใจแล้วกระโดดถอยออกไปอย่างรวดเร็วเท่าที่จะทำได้ ซึ่งร่างกายของชายชุดดำนั้นปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำมืดมิดในขณะที่ค้างคาวดำปรากฏขึ้นด้านหลังของเขา
ค้างคาวสีดำตัวนี้มีหกปีและดวงตาสีม่วง
หวงเสี่ยวหลงก็รู้ทันทีที่เขาได้เห็นว่าจิตวิญญาณต่อสู้ของชายคนนี้นั้นเป็นค้างคาวเนตรม่วง
จิตวิญญาณนี้เป็นจิตวิญญาณต่อสู้ที่หายากมากซึ่งมันมีชื่อเสียงในหมู่จิตวิญญาณต่อสู้ที่มีความสามารถยอดเยี่ยม ตามข่าวลือ ภายในค่ำคืนที่มืดมิด เจ้าค้างคาวเนตรม่วงตัวนี้สามารถดูดซับแก่นแท้ของดวงจันทร์ได้อย่างไม่มีขีดจำกัดและทำให้มันสามารถเพิ่มพลังต่อสู้ของตัวเองได้ชั่วคราวซึ่งด้วยการที่มันมีความสามารถนี้เลยสามารถพอเทียบได้กับจิตวิญญาณต่อสู้อันยอดเยี่ยมในระดับเดียวกัน
ไม่เพียงแค่นั้น การใช้ความสามรถภายในช่วงค่ำคืนก็จะทำให้ความแข็งแกร่งของเจ้าของเพิ่มขึ้น 3 เท่า
อีกด้าน ในขณะที่ชายชุดดำเรียกจิตวิญญาณต่อสู้ของตัวเองออกมาเขาก็ทำการเปลี่ยนร่างทันที หลังจากเปลี่ยนร่าง ด้านหลังของเขาก็ได้มีปีกทั้ง 6 งอกขึ้นมาแล้วออร่าแรงกดดันของตัวเขาก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าตกตะลึงและไปหยุดอยู่ที่ระดับนักรบเหนือธรรมชาติ ขั้นที่ 2 ปลาย
“เคล็ดวิชาแยกร่าง!”
ชายชุดดำก็กระโดดขึ้นแล้วแยกร่างออกมาเป็นร่างที่หน้าตาดูเหมือนกันกับร่างหลักทั้งหมดต่อหน้าต่อตาหวงเสี่ยวหลง
พอได้เห็นฉากที่เกิดขึ้นนี้ หวงเสี่ยวหลงก็ไม่กล้าจะดูถูกศัตรู
เขาได้เรียกจิตวิญญาณแฝด มังกรดำและมังกรฟ้าออกมาแล้วทำการเปลี่ยนร่าง หวงเสี่ยวหลงก็กระโดดออกไปแล้วทำการเหวี่ยงดาบคู่เทพอสูรส่งพายุสายฟ้าออกไป การโจมตีนั้นก็คือเขตแดนสายฟ้าซึ่งมันได้กระจายสายฟ้าออกไปปกคลุมพื้นที่รอบๆ ด้วยการโจมตีด้วยสายฟ้าร่างปลอมของชายชุดดำก็ค่อยๆหายไปทีละตัวซึ่งสุดท้ายก็เหลืออยู่เพียงร่างจริงเท่านั้น
แต่ในขณะนั้น ชายชุดดำก็ได้ใช้เคล็ดวิชาแยกร่างอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาแยกร่างออกเป็น 12 แทนที่จะเป็น 6
ชายชุดดำทั้ง 12 ก็ทำการใช้ค่ายกลดาบเพื่อโจมตีหวงสี่ยวหลง
หวงเสี่ยวหลงก็เฝ้าดูร่างทั้ง 12 ร่างที่ใช้ค่ายกลดาบโจมตีเขาอย่างเย็นชา ซึ่งเขาได้ขยับมือขวาแล้วโจมตีออกไปด้วยฝ่ามือ
“ฝ่ามือผนึกพระเจ้า!”
ฝ่ามือสีทองนับหมื่นก็พุ่งออกออกไปซึ่งมันได้บดขยี้มิติว่างเปล่าตามทางที่มันผ่าน
ดวงตาของชายชุดดำก็เบิกกว้างอย่างหวาดกลัวทันทีในขณะที่พื้นที่รอบๆ การไหลเวียนของอากาศและทุกสิ่งหยุดนิ่งไม่ว่าที่ใดก็ตามที่ฝ่ามือสีทองผ่านไป ร่างทั้ง 12ของเขาก็ลอยขว้างอยู่ในอากาศก่อนที่จะหายไปอย่างรวดเร็วแล้วเหลือทิ้งไว้แค่ร่างจริงของเขา
ฝ่ามือผนึกพระเจ้าได้พุ่งชนใส่อกของชายชุดดำ ทำให้ร่างของเขากระเด็นหมุนเคว้งขว้างไปเนื่องจากผลกระทบจากแรงปะทะ
หวงเสี่ยวหลงก็ได้ลงมาบนพื้นอย่างสบายๆ จากนั้นเขาก็ก้าวเดินออกไปอย่างช้าๆในขณะที่เขาเดินไปข้างๆชายชุดดำที่โจมตีเขา