ตอนที่ 195 ข่าวคราวของนักรบแห่งพระเจ้า
“เจ้า!”ใบหน้าของชายคนนั้นแสดงความหวาดกลัวออกมาอย่างชัดเจนในขณะที่เขามองหวงเสี่ยวหลง เขาพยายามจะลุกขึ้นจากพื้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
แต่ก่อนที่เขาจะได้เคลื่อนไหว เขาก็ลอบตรวจสอบอย่างระมัดระวังและรู้เลยว่าหวงเสี่ยวหลงได้ทะลวงเข้าสู่ขั้นนักรบเหนือธรรมชาติเมื่อไม่นานมานี้เอง แม้ว่าเขาจะโค่นเซี่ยพูถีลงได้ แต่ก็ไม่มีใครสนใจตรงจุดนั้นเลยสักคน แต่ขนาดเขาที่มีจิตวิญญาณเป็นค้างคาวเนตรม่วงได้ต่อสู้ด้วยโดยใช้เวลากลางคืนเป็นประโยชน์ก็ยังแพ้
“ทำไมเจ้าไม่ยอมรับว่าเหยาเฟยเป็นคนส่งเจ้ามาหล่ะ?”หวงเสี่ยวหลงก็จ้องมองชายชุดดำอย่างเย็นชา
ในจังหวะนั้น ร่างของชายชุดดำก็เบลอแล้วทำการแยกร่างออกมาในขณะที่เขาเคลื่อนไหว ซึ่งเขาได้แยกร่างเป็น 24 ร่าง ค้างคาวเนตรม่วงก็ได้กางปีออกแล้วทำการหลบหนี
การแยกร่างออกเป็น 24 ร่างนั้นคือขีดจำกัดของเขา
“คิดจะหนีงั้นหรอ?”การแสดงออกของหวงเสี่ยวหลงก็มืดครึ้ม เขาได้งอมือให้เป็นกรงเล็บและบดขยี้มิติในทิศทางของชายชุดดำ
หมอกสีดำอันมืดมิดก็พุ่งออกมาจากมือของหวงเสี่ยวหลง แล้วรวมตรงกันในอากาศและก่อตัวเป็นหัวภูตผี––หัวภูตผีปรากฏขึ้น 24หัว หัวภูตผีพวกนี้ก็คำรามแล้วพุ่งออกไป ภูตผีแต่ละหัวได้พุ่งเข้าใส่หลังร่างแยกของชายชุดดำ
ร่างแยกทั้ง 23 ใน 24 ร่างสูญสลายกลายเป็นหมอกแต่ร่างจริงที่เหลืออยู่กลับร่วงลงมาจากอากาศ โดยกรีดร้องออกมาอย่างขนหัวลุก
พอร่วงลงมาถึงพื้น ชายชุดดำก็ชักกระตุกแล้วกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นอย่างเจ็บปวดเนื่องจากมันเป็นความเจ็บปวดที่แสนสาหัสอย่างมาก บาดแผลบนแผ่นหลังของเขานั้นไม่สามารถจำแนกได้ว่าเกิดจากอะไร แต่บาดแผลของเขากลับมีพลังงานสีดำซึมออกมาซึ่งพลังงานพวกนี้ได้ก่อตัวเป็นรูปร่างหัวภูติผี ภายในถนนยามคำคืนนี้มีเสียงภูติผีคำรามร่ำร้องไปทั่วไม่รู้จบ
นี่ก็คือกระบวนท่าแรกของกรงเล็บเทพอสูร การจู่โจมของปีศาจนับพัน หวงเสี่ยวหลงไม่ค่อยจะได้ฝึกวิชานี้เท่าไหร่ แต่พอผ่านมาหลายปี ด้วยความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของหวงเสี่ยวหลง ก็ทำให้พลังโมตีของมันเพิ่มอย่างเห็นได้ชัด
ณ ตอนนี้ กระบวนท่าแรกกรงเล็บของเทพอสูรหวงเสี่ยวหลงสามารถสร้างภูตผีมากกว่า 30 ตนจาการโจมตีเดียว
ศัตรูที่รับการโจมตีจากกรงเล็บเทพอสูรจะทำให้ร่างกายของมันผู้นั้นถูกปราณฉีของภูติผีนับพันเข้ารุกรานซึ่งการถูกปราณฉีของภูตินับพันนี่เลวร้ายกกว่าปราณฉีของวิชาดาบเทพอสูรซะอีก
“ข้าขอร้อง ฆ่าข้าเถอะ ได้โปรด!”ไม่กี่วิต่อมา เสียงกรีดร้องของความเมตตาก็ดังขึ้นบนถนน ชายชุดดำไม่อาจทนทรมาณจากวิชานี้เลยขอร้องแก่หวงเสี่ยวหลง
“พูดมาซะว่าใครส่งเจ้ามา?”หวงเสี่ยวหลงขยับเข้าไปใกล้ชายคนนั้นแล้วพูดออกด้วยเสียงต่ำและดุดัน
“คนที่ส่งมาก็คือ คือกั่วจื่อ!”ชายชุดดำก็ตะโกนออกมาสั้นๆ
กั่วจื่อ!
หวงเสี่ยวหลงก็มึนงง
“กั่วจื่อจากตระกูลกั่ว สองพี่น้องกั่ว กั่วจื่อและกั่วเฟย?”
“ใช่แล้ว นั่นคือพวกเขา!”ชายชุดดำก็ยอมรับ “ข้าขอร้องหล่ะ ฆ่าข้าเถอะ ได้โปรดปล่อยข้าตายอย่างไม่ทรมาณที”
สายตาของหวงเสี่ยวหลงก็เย็นชาขึ้นเมื่อได้ยินคำสารภาพจากชายชุดดำ เขาไม่คาดคิดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังจะเป็นสองพี่น้องตระกูลกั่ว คนที่เขาคิดว่าเป็นคนส่งคนมาที่คิดได้ทันทีก็มีเหยาเฟยหรือไม่ก็จ้าวหวูจื่อ
แต่เขาไม่ได้หาเรื่อง 2 พี่น้องตระกูลกั่วนี้เลยนะ
แค่เพียงเพราะข้าและเซี่ยพูถีซื่อไวน์น่าคมคายตัดหน้าพวกนั้น แล้วพวกนั้นไม่กล้าจะลงมือกับเซี่ยพูถีเลยโยนมาระบายใส่ข้าเนี่ยนะ?
ดูเหมือนว่าเขาจะดูถูกนิสัยของ 2 พี่น้องคู่นี้มากไป!
พอมองสังเกตชายชุดดำที่ดิ้นไปมาเหมือนกับปลาพ้นน้ำ หัวเสี่ยวหลงก็มีความคิดพุดขึ้นมาราวกับฟ้าผ่า ด้วยความคิดนี้ เขาก็ได้เรียกเจดีย์หลิงลงอออกมาแล้วเริ่มเปิดใช้งานอาคมกลืนกินปีศาจนับพันที่อยู่ภายในหม้อสัตว์อสูรนับพัน แรงดึงดูดอันทรงพลังก็ได้เข้าปกคลุมชายชุดดำทันทีแล้วดึงชายคนนั้นเข้าสู่หม้อสัตว์อสูรนับพัน อย่างไรก็ตาม หวงเสี่ยวหลงก็ไม่ได้เริ่มกลั่นชายคนนั้น แต่เขากลับรีบออกไปจากที่แห่งนี้และกลับไปที่คฤหาสน์เนินเขาทิศใต้
เมื่อเขากลับมาคฤหาสน์เนินเขาทิศใต้ หวงเสี่ยวหลงก็ได้เรียกเฟยฮาวออกมา
เพื่อจะกลั่นผู้เชี่ยวชาญนักรบเหนือธรรมชาติขั้นต้นให้ง่ายขึ้น เขาก็จะต้องใช้ปราณฉีของตัวเองและของเฟยฮาวเพื่อจะได้เพียงพอต่อวคามต้องการในการกลั่น
ใช้เวลาเพียงวันเดียวก็ทำให้กลั่นชายชุดดำกลายเป็นโอสถได้เสร็จสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามด้วยความแข็งแกร่งระดับนักรบเหนือธรรมชาติระดับที่ 2 โอสถที่ได้ก็ทำได้เพียงโอสถระดับ 5 ขั้นกลาง
สำหรับหวงเสี่ยวหลงในปัจจุบัน โอสถระดับ 5 กลางก็ไม่มีค่าอะไรต่อเขาเลย เมื่อเขากลั่นเสร็จ หวงเสี่ยวหลงและเฟยฮาวก็ได้ออกจากห้องไป
พอเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ ทั้งสองคนก็นั่งลงและเฟยฮาวก็ได้เริ่มถามออกมา “ท่านจักรพรรดิ เหยาเฟยเป็นคนส่งชายชุดดำคนนี้มาหรอขอรับ?”
หวงเสี่ยวหลงก็ส่ายหัว “คนที่ส่งมาก็คือกั่วจื่อและกั่วเฟย สองพี่น้องนั่นต่างหาก”
“กั่วจื่อและกั่วเฟย?”ในสายตาของเฟยฮาวก็ได้ปรากฏร่องลอยความสับสน
ดังนั้นหวงเสี่ยวหลงก็เลยอธิบายลักษณของกั่วจื่อและกั่วเฟยและกล่าวถึงเรื่องไวน์น่าคมคายสั้นๆ
“ท่านจักรพรรดิ ท่านต้องการให้พวกเรา….?”เฟยฮาวก็ได้พูดแนะนำขึ้นมา
หวงเสี่ยวหลงก็ส่ายหัว โบกมือแล้วพูดออกมาว่า”แล้วเหยาเฟยได้ส่งคนมาตรวจสอบเบาะแสของชายชราชุดำนั่นใหม?”
เฟยฮาวก็ยิ้มอย่างสุภาพแล้วรายงานให้หวงเสี่ยวหลงฟัง “ข้าน้อยกำลังจะรายงานให้ท่านจักรพรรดิทราบอยู่พอดีเลย เมื่อ 2 วันที่แล้วท่านผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้าย จ้าวชูได้จับกุมได้คนนึงขอรับ”
“หึ!”หวงเสี่ยวหลงก็หัวเราะออกมา “แล้วมันอยู่ใหน?”
“มันถูกขังไว้ในห้องที่อยู่ทางทิศตะวันออกของสนามหญ้า”จากนั้นเฟยฮาวก็พูดเพิ่ม”ข้าน้อยจะไปนำตัวมันมาเองขอรับ”
หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้า
ไม่นาน เฟยฮาวก็พาชายชราหน้าซีดเซียวที่มีผมสีเงินเข้ามาในห้องโถงใหญ่
ทันทีที่ชายชราผมเงินเห็นหวงเสี่ยวหลง เขาก็ตะคอกออกมาว่า “หวงเสี่ยวหลงมันจะดีกว่าหากเจ้าปล่อยข้าไปตอนนี้ ถ้าไม่หล่ะก็ ตระกูลเหยาจะกำจัดโดยไม่เหลือร่างให้ฝังแน่!”
หวงเสี่ยวหลงก็ยังคงไม่สนใจ “งั้นหรอ?” โดยไม่รอคำตอบ หวงเสี่ยวหลงก็งอนิ้วมือเป็นกรงเล็บ แล้วใช้กระบวนท่าแรกของวิชากรงเล็บเทพอสูรโจมตีใส่ลำตัวของชายชราคนนั้น แรงปะทะทำให้เขากระเด็นพุ่งออำกไปจากห้องโถงและพุ่งชนพื้นแล้วกลิ้งไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงประตู
ที่จริงแล้วชายชราผมเงินนั้นเป็นนักรบเหนือธรรมชาติระดับ 9 แต่โชคร้ายที่ทะเลปราณฉีและเส้นลมปราณของเขานั้นถูฏจ้าวชูผนึก ต่อหน้าหวงเสี่ยวหลงเขาก็ไม่ต่างอะไรจากคนธรรมที่ไม่ต่อต้านได้
ก่อนที่เขาจะได้กระพริบตา ก็ได้มีพลังงานของภูติผีนับพันบุกทะลวงเข้าสู่ร่างของของตัวเขา ชายชราผมเงินได้กรีดร้องออกมาอย่างทุกทรมานดังกึกก้องไป ไม่นานนักเขาก็เริ่มขอความเมตตาจากหวงเสี่ยวหลง
“ไว้ชีวิตเจ้างั้นหรอ?”หวงเสี่ยวหลงก็เข้าไปใกล้ชายชราผมเงิน แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก “อย่ากังวลไปเลย ตระกูลเหยาที่เจ้าพูดถึงหน่ะจะถูกลบหายไปจากจักรวรรดิต้วนเริ่นในไม่ช้า!”เมื่อเขาพูดเสร็จหวงเสี่ยวหลงก็เรียกเจดีย์หลิงหลงออกมาแล้วใช้มันดูชายชราผมเงินเข้าไป
ตอนนี้จ้าวชูไม่ได้อยู่ในคฤหาสน์เนินเขาทิศใต้ นั่นก็เพราะเขาได้ออกเดินทางไปพระราชวังของจักรพรรดิต้วนเริ่นในตอนเช้า ดังนั้นหวงเสี่ยวหลงก็เลยต้องรอให้จ้าวชูกลับมาก่อน เขาก็ถึงจะสามารถกลั่น*วัตถุดิบใหม่*ได้
ประมาณเที่ยงคืน จ้าวชูก็กลับมาจากพระราชวังจักรพรรดิแล้วช่วยหวงเสี่ยวหลงกลั่นชายชราผมเงิน
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้หวงเสี่ยวหลงก็ไม่ได้ใช้โอสถระดับ 7 กับตัวเองเลยเอามันเก็บใส่ไว้ในแหวนเทพอสูร
หลังจากจัดการชายชราผมเงิน หวงเสี่ยวหลงก็พูดกับจ้าวชูถึงเรื่องที่จะเข้าไปในเขตในของสถาบันต้วนเริ่น และให้จ้าวชูพูดคุยเรื่องการจัดกรต่างกับต้วนเริ่นตรงๆ
“มั่นใจได้เลยขอรับท่านจักรพรรดิ ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้นี้จะไปบอกเจ้าลิงเหลืองเรื่องนี้ทันที”หลังจากฟังคำพูดของหวงเสี่ยวหลง จ้าวชูก็ตอบออกมาทันที
หวงเสี่ยวหลงก็รีบโบกมืออย่างรวดเร็วแล้วพูดไปว่า “ตอนนี้ยังไม่จำเป็น เจ้าค่อยพูดกับต้วนเริ่นพรุ่งนี้หรือครั้งหน้าที่พบแล้วกัน” เพื่อการค้นหาไข่มุกวิญญาณ 1วันหรือ2วันก็คงไม่ต่างกันมากเท่าไหร่
“ได้ขอรับท่านจักรพรรดิ” จ้าวชูก็รับฟัง
“จ้าวชู เจ้ารู้ขุมกำลังที่อ้างตัวเองว่าเป็นนักรบแห่งพระเจ้าใหม?”หวงเสี่ยวหลงก็ถามคำถามจ้าวชู
ความจริงแล้ว หวงเสี่ยวหลงอยากจะถามเรื่องลึกลับเกี่ยวกับนักรบแห่งพระเจ้าจากจ้าวชูตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว
ฮ่าวเทียนและเฟยฮาวก็ไม่รู้ถึงตัวตนพวกนี้แต่บางทีจ้าวชูอาจจะรู้
“นักรบพระเจ้า?”จ้าวชูก็ส่ายหัว “ไม่เคยได้ยินเลยขอรับ”
แม้กระทั่งจ้าวชูก็ยังไม่รู้จักงั้นหรอ? หวงเสี่ยวหลงก็ขมวดคิ้ว ความลึกลับของนักรบพระเจ้านี้มันมากกว่าที่หวงเสี่ยวหลงคาดไว้ซะอีก มันมากถึงขนาดที่จ้าวชูก็ยังไม่รู้จักเลย
“เนื่องจากท่านจักรพรรดิต้องการข้อมูลเกี่ยวกับนักรบพระเจ้า งั้นข้าน้อยจะถามเจ้าลิงเหลืองเรื่องนี้ให้แล้วกันนะขอรับ” จ้าวชูก็พูดเพิ่มออกมา
หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้าเห็น นี่คือวิธีรับมือเมื่อไม่รู้จะทำยังไงดี แต่มันก็เพราะทุกครั้งที่จ้าวชูเรียกจักรพรรดิต้วนเริ่นว่าลิงเหลือง หวงเสี่ยวหลงก็รู้สึกระอักกระอ่วน
2วันหลังจากนั้น หวงเสี่ยวหลงก็ไม่ได้ออกจากคฤหาสน์เนินเขาทิศใต้แต่กลับบ่มเพาะแทน
ในช่วงเช้าในอีก 2 วันให้หลัง จ้าวชูก็ได้มารายงานกับหวงเสี่ยวหลง “ท่านจักรพรรดิ ข้าน้อยมีข่าวคราวเกี่ยวกับพวกนักรบแห่งพระเจ้าแล้วขอรับ”