บทที่ 484 ส่งมอบบ้าน
บทที่ 484 ส่งมอบบ้าน
บ้านที่ถังอวี๋เฮ่าชี้ให้เห็น มันเป็นบ้านหลังที่ชายวัยกลางคนที่ก่อเรื่องโวยวายต้องการจะซื้อ
แท้จริงแล้วชายวัยกลางคนไม่ได้อยากจะซื้อบ้านหลังดังกล่าว เนื่องจากมันเป็นบ้านที่ดีที่สุดในโครงการ ราคาของมันสูงล้ำ ไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถจ่ายได้ไหว ต่อให้เขาอยากจะซื้อจริงก็ไม่อาจซื้อ เพราะมันเป็นราคาที่ต้องแลกด้วยอะไรอื่นที่หนักหนา
เขาเลือกซื้อบ้านที่นี่ หนึ่งนั้นเพื่อเอาใจคนรัก สองนั้นเพราะต้องการเข้าหาตระกูลถัง ผู้จัดการของที่นี่เช่นถังอวี๋เฮ่าเป็นคนของตระกูลถัง แม้จะเป็นเพียงตระกูลสายรอง แต่อย่างไรก็เป็นตระกูลถัง ชายวัยกลางคนต้องการคว้าโอกาสเข้าใกล้เพื่อทำความรู้จักอีกฝ่าย
และช่วงที่กำลังดูบ้านเมื่อครู่ ก็บังเอิญได้ทราบจากพนักงานขายว่าบ้านหลังดังกล่าวขายออกไปแล้ว เขาจึงตัดสินใจเผยอาการที่บ่งบอกว่าต้องการซื้อหา เพื่อเป็นการแสดงถึงความสามารถ จนนำไปสู่โอกาสการได้ทำความรู้จักถังอวี๋เฮ่า ส่วนที่สองนั้นก็เพื่อโอ้อวดต่อหน้าคนรักของตนเอง
แต่ชายวัยกลางคนไม่ได้คาดคิด ว่าผู้ซื้อบ้านหลังดังกล่าวแท้จริงจะเป็นชายหนุ่มคนที่ตัวเขานึกเหยียดหยัน
ดูจากเสื้อผ้านั่นแล้ว คนอย่างนี้จะมีปัญญาซื้อบ้านราคาแพงระยับจริงเหรอ?
จนกระทั่งถึงตอนนี้ชายวัยกลางคนก็ยังไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะร่ำรวยหรือมั่งมี
“หลังนี้เหรอครับ?” อู๋ฝานเมินเฉยชายวัยกลางคนก่อนจะสำรวจบ้าน
“ใช่ครับ เป็นบ้านสามชั้น พื้นที่รวมสิ่งปลูกสร้างหนึ่งพันห้าร้อยแปดสิบตารางเมตร มีสระว่ายน้ำและสวนในตัว…” ถังอวี๋เฮ่าเริ่มแนะนำบ้านให้อู๋ฝานอย่างเป็นมืออาชีพ
หลังรับฟังคำอธิบาย อู๋ฝานถึงกับใจเต้นขึ้นมา เพราะมันเป็นบ้านที่ดีอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ความดีงามที่ได้มาย่อมแลกด้วยราคาต้องจ่าย เมื่อคืนก่อนเขาบอกถังอวี่เฟยไปแล้วว่าไม่ได้ต้องการบ้านที่ดีมากมายอะไร แต่เพราะอะไรเธอถึงเลือกบ้านหลังนี้มานำเสนอ?
“ที่รัก มันจะซื้อบ้านของพวกเรานี่คะ จะทำยังไงดี?” ขณะอู๋ฝานกำลังครุ่นคิดว่าควรซื้อบ้านหลังนี้ดีหรือไม่ เนื่องจากกำลังคิดอ่านเรื่องเงินทองที่ต้องจับจ่ายใช้สอย ผู้หญิงที่มากับชายวัยกลางคนกลับพูดขึ้นมาด้วยท่าทีร้อนรนขณะเกาะแขนเอาไว้แน่น
“บ้านของพวกคุณ?” อู๋ฝานมองคนทั้งสองพลางถาม “โอ้ นี่เป็นบ้านที่พวกคุณโวยวายอยากจะซื้อให้ได้งั้นสินะ?”
“ใช่ ใช่แล้ว” ชายวัยกลางคนตอบกลับ สัญชาตญาณของเขากำลังร้องบอกว่าตัวตนของอู๋ฝานจะต้องไม่ใช่คนธรรมดา ไม่เช่นนั้นแล้วถังอวี๋เฮ่าจะไม่มีทางพูดจาสุภาพด้วยถึงขนาดนี้
“พวกเราสนใจบ้านหลังนี้ก่อนนะ” แฟนของชายวัยกลางคนราวกับยังไม่เข้าใจสถานการณ์ ขณะนี้ยังคงเผยท่าทีขึงขังวางตัวถือดี “นอกจากนี้บ้านนั่นก็ราคาเกินกว่าเก้าสิบล้าน คิดว่าจะมีปัญญาจ่ายไหวอย่างนั้นเหรอ?”
เกินกว่าเก้าสิบล้าน?
อู๋ฝานประหลาดใจไปเล็กน้อย ราคาเท่านี้มันเกินกว่าที่คาดเอาไว้มาก เนื่องจากเขาไม่ได้มีเงินเก็บสำรองไว้มากมายขนาดนั้น ไม่นานมานี้ก็ยังเพิ่งลงทุนกับโรงงานไปก้อนใหญ่ สัดส่วนการเงินสำหรับใช้ซื้อบ้านย่อมมีไม่มากพอ
ชายวัยกลางคนได้เห็นท่าทีลำบากใจทางสีหน้าของอู๋ฝาน เมื่อครู่เขายังนึกคิดว่าตัวตนของอีกฝ่ายต้องไม่ธรรมดา แต่ขณะนี้กลับต้องเปลี่ยนใจอีกครั้ง ท่าทีที่อีกฝ่ายแสดงออกว่าไม่อาจจ่ายได้ไหว หมายความถึงสถานะของอีกฝ่ายไม่ได้ทรงอำนาจอย่างที่เขานึกคิดเมื่อครู่ บางทีอาจไม่ได้ดีไปกว่าตนด้วยซ้ำ
ส่วนว่าทำไมถังอวี๋เฮ่าพูดจาสุภาพด้วย บางทีอาจเป็นเพราะได้รับคำแนะนำจากมิตรสหายอีกทีหนึ่ง
เมื่อคิดได้ดังนั้นชายวัยกลางคนที่ร้อนรนอยู่เมื่อครู่ จึงแสดงท่าทีรุนแรงและถือดีออกมาอีกครั้ง สายตาของเขามองอู๋ฝานพร้อมเอ่ย “ปล่อยฉันได้แล้ว เมื่อกี้ก็บอกแล้วไงว่าไอ้หนูอย่างแกไม่มีปัญญาจ่ายได้ไหวหรอก ไม่มีปัญญายังจะแสร้งทำเป็นว่ามี ผู้จัดการถังควรระวังไม่ให้ถูกมันหลอกลวงเอานะครับ เดี๋ยวนี้มีแต่พวกต้มตุ๋นอยู่ทั่วไปหมด”
“ขอโทษด้วยครับ!” ถังอวี๋เฮ่าโพล่งขึ้นมา
ชายวัยกลางคนหัวเราะอย่างผู้มีชัยพร้อมเอ่ยกับอู๋ฝาน “ใช่แล้ว ขอโทษซะสิ ไอ้หนูจงขอโทษฉันคนนี้เร็วเข้า คุกเข่าให้มันเรียบร้อยด้วย!”
เขายังเจ้าคิดเจ้าแค้นเรื่องที่ถูกกดตัวลงกับพื้นที่เสมือนการคุกเข่าให้กับอู๋ฝาน
“ผมต้องขออภัยคุณอู๋ด้วยครับ!” ถังอวี๋เฮ่ามองทางชายวัยกลางคนอย่างเฉยชา ท่าทีที่แสดงออกมานี้เห็นได้ชัดว่าแตกต่างจากตอนสนทนากับอู๋ฝาน
“เดี๋ยวสิ ผู้จัดการถัง นี่…” สีหน้าภาคภูมิของชายวัยกลางคนเปลี่ยนเป็นแข็งค้าง จากท่าทีของถังอวี๋เฮ่า มันแทบทำให้เขาไม่อาจนึกเชื่อสิ่งที่ได้เห็นและได้ยิน
“หุบปากแล้วรีบขอโทษคุณอู๋เดี๋ยวนี้ ไม่งั้นคนอย่างคุณจะได้รู้ว่าผลจากการกระทำครั้งนี้มันร้ายแรงขนาดไหน!” ถังอวี๋เฮ่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดัน
“ผู้จัดการถัง ไม่ใช่แบบนี้สิ ผมมาที่นี่เพื่อซื้อบ้านนะ ทำกับลูกค้าแบบนี้ได้ยังไง” ชายวัยกลางคนรีบตอบกลับ “อย่าโดนไอ้หนูนี่มันหลอก คนอย่างมันไม่มีปัญญาซื้อบ้านราคาแพงขนาดนี้หรอก”
“ผมทราบดีว่าคุณอู๋เป็นยังไงครับ” ถังอวี๋เฮ่าเอ่ยตอบ “บ้านหลังนั้นไม่ได้ขายให้คุณอู๋ แต่เป็นของขวัญที่ตระกูลถังยินดีนำเสนอและมอบให้ต่างหาก”
“มอบ?” ทั้งอู๋ฝานและชายวัยกลางคนต่างชะงักงัน
ถังอวี๋เฮ่ามองอู๋ฝานด้วยท่าทีนอบน้อมอีกครั้งหนึ่ง “เรียนให้คุณอู๋ทราบ เนื่องจากเป็นคำสั่งจากคุณหนูใหญ่ ดังนั้นขอให้รับบ้านหลังนี้เอาไว้ด้วยครับ”
“มันแพงเกินกว่าผมจะรับไว้เป็นของขวัญนะครับ” อู๋ฝานตอบ
“เป็นความรู้สึกขอบคุณจากคุณหนูใหญ่ครับ อย่าได้ปฏิเสธเลยครับ” ถังอวี๋เฮ่าตอบ
“ถ้าแบบนั้น ผมขอโทรพูดคุยกับเธอก่อนแล้วกันครับ” อู๋ฝานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบรับ
อู๋ฝานเดินหลบไปด้านข้างก่อนจะโทรหาถังอวี่เฟย ส่วนชายวัยกลางคนที่พบเห็นโอกาสจึงลุกขึ้นยืนเตรียมถอยเท้ากลับ
“อู๋ฝาน? คิดยังไงโทรหาฉันได้คะเนี่ย? คิดถึงเหรอคะ?” เสียงของถังอวี่เฟยดังตอบจากปลายสาย
“พอก่อนครับ ผมมีเรื่องอยากถาม เรื่องบ้านนั่นมันยังไงกันครับ? ทำไมให้บ้านราคาแพงขนาดนั้นกันล่ะ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“ไปถึงสำนักงานขายแล้วเหรอคะ?” ถังอวี่เฟยตอบกลับ “ไม่กล้ารับเอาไว้เหรอคะ? หรือกลัวว่าจะเป็นค่าสินสอด?“
“เข้าเรื่องเถอะนะครับ” อู๋ฝานตอบกลับ
“ก็พูดถึงอยู่ค่ะ ทำไมไม่ถือซะว่ารับบ้านหลังนั้นแทนสินสอดจากฉันกันล่ะคะ?”
“ถ้ายังตอบอย่างอื่นผมจะวางสายแล้วนะครับ แล้วก็จะไม่รับบ้านหลังนั้นด้วย” อู๋ฝานตอบ
“น่าเบื่อเกินไปแล้วค่ะ” ถังอวี่เฟยตอบกลับ “ตอนแรกฉันก็อยากจะแนะนำบ้านที่เหมาะสมกับงบประมาณให้หรอก แต่พอคุณปู่ทราบว่าคุณกำลังมองหาบ้าน ท่านเลยตัดสินใจมอบให้แทนคำขอบคุณสำหรับของขวัญวันเกิดที่ให้ฉันมาเมื่อครั้งก่อนค่ะ ดังนั้นบ้านที่มอบให้จึงไม่ใช่ของขวัญจากฉัน แต่เป็นจากปู่ของฉันต่างหาก”
“มันก็ยังแพงเกินไปอยู่ดีครับ ผมรับไม่ไหว” อู๋ฝานตอบ “นอกจากนี้วิชาที่ผมมอบให้เดิมทีก็เป็นแค่ของขวัญวันเกิด ผมไม่ได้คาดหวังของตอบแทนหรอกนะครับ”
“บอกกับฉันไปก็เท่านั้นแหละค่ะ อย่างที่บอกว่ามันเป็นความตั้งใจของคุณปู่” ถังอวี่เฟยตอบกลับ “อู๋ฝาน รับบ้านหลังนั้นเอาไว้ตามที่คุณปู่ฉันปรารถนาดีเถอะนะคะ ถ้าไม่รับเอาไว้ท่านคงรู้สึกผิด ถึงตอนนั้นคงหาบ้านที่ดียิ่งกว่านั้น เพื่อสานสัมพันธ์กับผู้ฝึกตนอัจฉริยะอย่างคุณแน่นอนค่ะ หากไม่รับเอาไว้ท่านคงไม่สบายใจ และคุณควรภูมิใจในตัวเองให้มากกว่านี้นะคะ ที่มอบให้ครั้งนี้ใครจะได้กำไรยังเป็นเรื่องยากจะตอบด้วยซ้ำไปค่ะ”
“ที่พูดเกลี้ยกล่อมขนาดนี้ คงไม่ใช่เพราะกลัวว่า พอปู่ของคุณรู้เรื่องแล้วจะลงโทษที่ผมไม่ยอมรับเอาไว้ใช่ไหมครับ?” อู๋ฝานหัวเราะ
“คิดมากอะไรแบบนั้นกันล่ะคะ” ถังอวี่เฟยตอบกลับราวไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “อู๋ฝาน คุณอาจไม่รู้ว่าตัวเองสำคัญยังไงกับตระกูลของเรา บอกแบบนี้ก็แล้วกันค่ะ ขอแค่คุณบอกว่าอยากซื้อบ้าน ฉันเชื่อว่าคนจากห้าตระกูลใหญ่ในเจียงโจวจะพร้อมหน้ากันเสนอบ้านพร้อมเข้าอยู่อาศัยให้เลือกเลยด้วยซ้ำ อาจถึงขั้นเสนอหลังที่ใหญ่กว่า ดีกว่า และแพงกว่านี้อย่างไม่อาจเทียบ ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าฉันมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณ โอกาสที่ดีแบบนี้คงไม่ตกมาถึงพวกเราตระกูลถังอย่างแน่นอนค่ะ”