บทที่ 372 จุดจบของสวีเสี่ยวเฉียน
สิทธิบัตรไม่เหมือนกับบทความตรงที่เมื่อได้รับการอนุมัติแล้วจะมีการตีพิมพ์ในวารสารโดยเจ้าหน้าที่ของสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาของรัฐ และในระหว่างกระบวนการจะต้องผ่านการเปรียบเทียบฐานข้อมูลจำนวนมากและการตรวจสอบที่เข้มงวด ทุกๆ วันจะมีคดีเกี่ยวกับสิทธิบัตรเกิดขึ้นทั่วประเทศกว่าหนึ่งหมื่นเคส ในขณะที่สำนักงานทรัพย์สินทางปัญญามีเพียงแห่งเดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้นหากจะขอสิทธิบัตรก็ต้องเตรียมพร้อมแต่เนิ่นๆ
ท้ายที่สุดแล้ว ครอบครัวของสวีเสี่ยวเฉียนก็มีภูมิหลังในแวดวงการแพทย์ อีกทั้งไม่กี่ปีมานี้ก็ยังมีชื่อเสียงที่ดีในวงการ ในระยะเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมา สวีเสี่ยวเฉียนได้ตีพิมพ์บทความหลายฉบับ และแม้แต่สิทธิบัตรของเขาก็กำลังอยู่ในคิวรออนุมัติที่สำนักงานทรัพย์สินทางปัญญา
หลังจากสรุปประเด็นจากหนังสือเล่มนี้ สวีเสี่ยวเฉียนก็ได้เขียนบทความออกมาหลายฉบับและส่งมันไปให้สำนักวารสารต่างประเทศหลายแห่ง
ส่วนที่เหลือจะได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสารภายในประเทศ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไปบอกผู้เป็นพ่อไว้เพื่อขอให้เขาได้ตีพิมพ์มันโดยเร็ว
ภายในสมาคมการแพทย์เองก็กำลังเตรียมการอย่างแข็งขัน โดยมีหวังชิ่งหยวนเป็นผู้นำ แรงสนับสนุนจึงแข็งแกร่งตามไปด้วย ทั้งมีการเชิญชวนผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ฉุกเฉินภายในประเทศมาร่วมงานด้วย
เหลือเพียงแค่รอการประชุมก่อตั้งหน่วยงานเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น!
สวีเสี่ยวเฉียนทำทุกอย่างด้วยความใส่ใจจนเรียกได้ว่าเขายอมทำงานหนักเพื่อการก่อตั้งหน่วยงานการแพทย์ฉุกเฉินของสมาคมการแพทย์แห่งชาติ!
ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ฉุกเฉินต่างก็มีทัศนคติต่อชายหนุ่มคนนี้ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก อย่างไรเสียก็มีคนหนุ่มสาวที่มีความสามารถและความเข้าใจถึงขั้นนี้ไม่มากนัก
หวังชิ่งหยวนส่งต่อหนังสือเล่มนี้ให้กับผู้คนในแวดวงเล็กๆ หลายคนได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วก็เกิดสนใจขึ้นมาในทันที!
จะเรียกว่าตำราพระเจ้าก็ฟังดูเกินจริงไปหน่อย แต่ถึงกระนั้นมันก็เป็นหนังสือที่ยอดเยี่ยมมากเช่นกัน!
ใครก็ตามที่มีความเข้าใจลึกซึ้งเช่นนี้ย่อมเป็นคนมีความสามารถและฉลาดหลักแหลม ถือเป็นยอดบุคลากรในสาขาการแพทย์ฉุกเฉิน
ชื่อเสียงและเส้นสายของสวีเสี่ยวเฉียนเติบโตถึงจุดสูงสุด หากหน่วยงานถูกก่อตั้งขึ้นจริง ถึงเขาจะไม่ได้เป็นประธาน แต่เขาก็คงหนีตำแหน่งรองประธานไม่พ้นแน่นอน!
เมื่อคิดถึงตำแหน่งรองประธานหน่วยงานการแพทย์ฉุกเฉินของสมาคมแพทย์แห่งชาติแล้ว สวีเสี่ยวเฉียนก็อดตื่นเต้นไม่ได้
สมาคมกำลังเตรียมการประโคมข่าวใหญ่และจะจัดตั้งหน่วยงานขึ้นในอีกไม่กี่วัน อย่างไรเสียหวังชิ่งหยวนก็เป็นผู้นำ เขาให้ความช่วยเหลือกับผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ในประเทศมามากมายหลายคนแล้ว และยิ่งมีโอกาสนี้ผ่านเข้ามา การก่อตั้งหน่วยงานจึงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ และเวลาก็ใกล้เข้ามาทุกที
ทว่าตอนนี้กลับมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น
บทความของสวีเสี่ยวเฉียนถูกตีพิมพ์ลงในวารสารชื่อดังของประเทศ นักวิชาการด้านการแพทย์ฉุกเฉินและผู้ที่มีส่วนร่วมในการเตรียมการของสมาคมการแพทย์จำนวนมากต่างอ่านบทความนี้ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
ก่อนการประชุม สวีเสี่ยวเฉียนได้พูดถึงความทุ่มเทของเขาต่อการพัฒนาบางสิ่ง และหวังว่าตนจะได้ทำคุณประโยชน์ให้กับมาตุภูมิมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ทางสมาคมกำลังจะประโคมข่าวครั้งใหญ่ หลีอวี่หรานซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบของฐานข้อมูลเอซีไออีก็ได้ออกประกาศต่อสาธารณะดังต่อไปนี้
‘หลังจากที่หน่วยงานของเราได้ประชุมกัน ทางเราก็ตัดสินใจจะถอด ‘ประมวลบทความเวชศาสตร์ฉุกเฉินแห่งประเทศจีนฉบับล่าสุด‘ ออกจากฐานข้อมูลเอซีไออี หน่วยงานของเรามุ่งปราบปรามและจะลงโทษผู้ที่ทุจริตทางวิชาการ ทางเราจะต่อต้านวารสารเหล่านั้นอย่างเด็ดขาดและยืนกรานที่จะต่อต้านการลอกเลียนแบบผลการวิจัย การปลอมแปลง การปรับเปลี่ยนข้อมูลการวิจัย และพฤติกรรมที่ส่อการทุจริตอื่นๆ ถือเป็นการละเมิดจริยธรรมทางวิชาการอย่างร้ายแรง ซึ่งอ้างอิงจากบทความต่อไปนี้’
ด้านล่างเป็นการเปรียบเทียบบทความและแจ้งข้อหาทุจริต
การทุจริตทางวิชาการไม่ใช่เรื่องเล็ก และยังมีคำแถลงอย่างเป็นทางการจากเอซีไออีซึ่งเป็นฐานข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่สุดในเอเชียเรื่องจะถอน ‘ประมวลความเวชศาสตร์ฉุกเฉินแห่งประเทศจีนฉบับล่าสุด’ ออกด้วย ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่วารสาร แต่คะแนนไอเอฟของมันก็ไม่ได้น้อยเลย ทว่ามันจะไม่ถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่สุดในเอเชียอีกต่อไป
หลังจากมีข่าวออกมา ผู้รับผิดชอบก็ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก!
ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ทว่าเมื่อเปิดดูก็พบว่ามันเป็นบทความของสวี่เสี่ยวเฉียนที่เข้าข่ายกับในประกาศ
ข่าวนี้จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ในทันที!
ผู้ตีพิมพ์เป็นบริษัทเอกชนและไม่ใช่สำนักวารสารระดับชาติแต่อย่างใด การถูกถอดออกจากเอซีไออีหมายความว่าการถูกฟ้องล้มละลายอยู่ไม่ไกลแล้ว
บริษัททุ่มเทแรงใจกับการตีพิมพ์นิตยสารมานับหลายสิบปีกว่าจะมาถึงทุกวันนี้ได้ ทว่าตอนนี้ทุกอย่างกำลังจะพังทลายลง
เมื่อคิดได้ดังนั้นก็ยิ่งหวาดกลัว
ควรจะทำอย่างไรดี
ทำไมสวีเสี่ยวเฉียนถึงไม่รีบออกมาปกป้องล่ะ
บริษัทตีพิมพ์นิตยสารดังกล่าวได้จัดงานแถลงข่าวทันทีและยอมรับความผิดพลาดต่อหน้าสื่อมวลชน เรื่องนี้ถือเป็นการละเลยหน้าที่และเป็นการปล่อยให้เกิดการทุจริตทางวิชาการ ทางบริษัทยืนยันจะต่อต้านพฤติกรรมของสวีเสี่ยวเฉียนให้ถึงที่สุด!
ทันใดนั้น ทุกคนก็ได้รู้เรื่องการทุจริตของสวีเสี่ยวเฉียน โดยเฉพาะในแวดวงแพทย์ปักกิ่ง
หลังจากที่สวี่เม่าเซินทราบเรื่องแล้ว เขาก็มาที่บ้านของสวีเสี่ยวเฉียนทันที และพบว่าอีกฝ่ายกำลังนั่งอยู่ในบ้านด้วยสีหน้าหมดอาลัยตายอยาก
และตอนนี้ สำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาของรัฐก็ได้ออกแถลงการณ์ด้วย
‘มีการทับซ้อนกันของสิทธิบัตรที่คุณไป๋เยี่ยและคุณสวีเสี่ยวเฉียนยื่นขออนุมัติ ขอให้ทำการส่งใบยื่นขออนุมัติอีกครั้งหลังจากที่ได้แก้ไขและตรววจสอบแล้ว’
ข่าวนี้ยิ่งเหมือนกับการเติมเชื้อเพลิงเข้ากองไฟ
จะทำอย่างไรดี
สวีเสี่ยวเฉียนมองพ่อของเขาด้วยสีหน้ากังวล “พ่อ ผมควรทำยังไงดี”
สวี่เม่าเซินขมวดคิ้วแน่นพร้อมกับเงียบไม่พูดไม่จา หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เอ่ยขึ้น “ไปหาหวังชิ่งหยวน อาจารย์ของแกซะ ดูซิว่าเขาจะทำอะไรได้บ้าง ถ้าเขาคิดจะช่วยแก ก็คงจะพอมีโอกาส”
สวีเสี่ยวเฉียนคิดแล้วก็ตระหนักได้ว่าตนควรทำเช่นนั้นจริงๆ เขาจึงรีบไปพบหวังชิ่งหยวนด้วยความหวังว่าอาจารย์จะช่วยเขาได้
เมื่อหวังชิ่งหยวนเห็นว่าสวีเสี่ยวเฉียนทำเรื่องพรรคนี้ เขาก็ถอนหายใจ “ไปขอโทษเถอะ ผมคงช่วยอะไรคุณไม่ได้”
ประโยคนั้นทำให้สวีเสี่ยวเฉียนรู้สึกราวกับว่าตนถูกตัดสินโทษประหารชีวิต!
ส่วนเถ้าแก่บริษัทตีพิมพ์ก็มาหาสวี่เม่าเซินเพื่อจะพิสูจน์ว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับประมวลบทความเล่มนี้ สวี่เม่าเซินได้ฟังดังนั้น ไฉนจะไม่โกรธ
ทั้งที่ลูกชายของเขาเป็นคนสร้างเรื่อง แต่เขาจะต้องมารับหน้าแทนงั้นหรือ
เขาปฏิเสธไปโดยไม่แม้แต่จะคิด
ถ้าเป็นการตีพิมพ์บทความเพียงบทความเดียวก็พอจะคุยกันได้ ถ้ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรก็พอจะมองข้ามได้บ้าง อย่างไรเสียในแวดวงวิชาการก็มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเยอะมาก
ทว่ากลับโชคร้ายที่หลีอวี่หรานผู้เป็นผู้รับผิดชอบของฐานข้อมูลเอซีไออีกลับเป็นแฟนตัวยงของไป๋เยี่ย และคอยติดตามการเคลื่อนไหวของไป๋เยี่ยตลอด
และบทความนี้ดันไปมีความคล้ายคลึงกับของไป๋เยี่ยจนน่าประหลาดใจ จึงนำมาสู่เหตุการณ์ในวันนี้!
ตอนนี้บรรดาผู้คนที่กำลังเตรียมการจัดตั้งหน่วยงานการแพทย์ฉุกเฉินสมาคมการแพทย์ก็เข้าใจว่าสวีเสี่ยวเฉียนเป็นเพียงคนหลอกลวงเท่านั้น!
คนที่เป็นเจ้าของจริงๆ คือไป๋เยี่ยต่างหาก
และในวันเดียวกันนั้นเอง กองทัพได้ออกแถลงการณ์ยกเลิกตำแหน่งในกองทัพและการรับราชการทหารของสวีเสี่ยวเฉียนด้วย!