ตอนที่ 174 ปฏิเสธ
ซินโย่วมองชายหนุ่มผู้นั้นเป็นนาน แม้แต่จังซวี่ก็สังเกตเห็น
เขามองชายหนุ่มผู้นั้น แม้แต่งกายในชุดยาวแบบนักเรียนสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน แต่กลับไม่รู้จัก
“คุณหนูโค่ว คนผู้นั้นมีอันใดผิดปกติหรือ”
ได้ยินจังซวี่ถามเช่นนี้ คนอื่นก็หันขวับมองไปทางชายหนุ่มผู้นั้น มีคนจำได้ “เอ๋ นี่ไม่ใช่กู่อวี้หรือ เจ้าถึงกับมีเงินเหลือมาซื้อนิยาย?”
คนรู้จักชายหนุ่มไม่น้อย มีคนอีกคนยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “ไม่ใช่มั้ง เจ้าไม่มีเงินซื้อรองเท้า ยังมีเงินมาซื้อนิยาย?”
ชายหนุ่มใบหน้าแดงก่ำ “ข้ามาซื้อเครื่องเขียน…”
คนเหล่านี้กลับไม่ฟัง พากันหัวเราะฮาเสียงดัง ชายหนุ่มสีหน้าเก้กังก่อนจะรีบหันหลังออกไป
“ช้าก่อน” สาวน้อยด้านหลังส่งเสียงอ่อนโยนเรียกดังขึ้น
ซินโย่วรีบก้าวเข้ามาขวางหน้าชายหนุ่ม “ท่านลูกค้าไม่ใช่ว่าต้องการซื้อเครื่องเขียนหรือเจ้าคะ”
ชายหนุ่มนามว่ากู่อวี้ แม้แต่งกายเหมือนพวกจังซวี่ หากมองให้ละเอียดก็จะพบว่าปกคอเริ่มมีขุยแลดูเก่า สีก็ซักจนซีด เห็นได้ว่าสภาพครอบครัวธรรมดามาก
แม้สำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนส่วนใหญ่มักจะรับแต่ลูกหลานขุนนาง ทว่าก็ยังรับนักเรียนที่ผลการเรียนดีเด่นแต่สถานะธรรมดานอกกฎเกณฑ์จำนวนหนึ่ง และให้เงินสมทบเพิ่ม กู่อวี้ก็คือนักเรียนจำพวกนี้ ดังนั้นหลายคนจึงไม่รู้จัก
ไม่ว่าห้วงเวลาใด นักเรียนผลการเรียนโดดเด่นย่อมเป็นที่สนใจของทุกคนในสถานศึกษา
“ไว้ข้าค่อยมาวันหลัง” กู่อวี้ประสานมือให้ซินโย่ว เดินหลบนางออกไปทันที
ซินโย่วลังเลเล็กน้อย ก่อนจะไล่ตามไป
ในโถงร้านหนังสือ พวกจังซวี่มองหน้ากันไปมา สุดท้ายก็หันขวับมองไปทางผู้ดูแลร้านหู
คุณหนูโค่วเป็นอันใดไป หรือว่าตกหลุมรักแรกพบกับกู่อวี้?
แม้ว่าชายหนุ่มเหล่านี้ไม่ได้ถามออกมา แต่ผู้ดูแลร้านหูก็อ่านสายตาพวกเขาเข้าใจ
เจ้าของร้านไม่ได้หวั่นไหวไปกับหนุ่มรูปงามเช่นใต้เท้าเฮ่อหรือจิ้งอันโหว แล้วจะมาหวั่นไหวกับนักเรียนแลดูธรรมดามากๆ ผู้นี้หรือ
พวกหนุ่มสาวมักชอบฝันเฟื่องเหลวไหล!
นอกประตูไม่รู้หิมะโปรยปรายลงมาเมื่อใด ตกลงบนหลังคาและบนพื้น กลบปิดความสกปรก
“คุณชายกู่ โปรดหยุดก่อนเจ้าค่ะ”
กู่อวี้ได้ยินเสียงเรียกก็หยุดหันมา เห็นสาวน้อยไล่ตามมา ก็มองอย่างสงสัย “คุณหนูโค่วมีธุระหรือ”
“ขอเรียนถามว่าบ้านคุณชายกู่อยู่ที่ใด”
บ้านที่ล้มพังทลายลงมาเป็นแถบ เห็นชัดว่าไม่ใช่สำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน มาคิดดูอีกที อีกสองวันนักเรียนก็จะได้หยุดกลับบ้านกัน เป็นไปได้มากว่าเรื่องจะเกิดที่บ้านของกู่อวี้
แน่นอนว่ายังมีความเป็นไปได้อื่นอีก แต่ตอนนี้ซินโย่วไม่มีเวลามาหวนคิดรายละเอียดในภาพ
เผชิญหน้ากับสาวน้อยรูปโฉมงดงาม ร่ำรวยและอายุน้อยไล่เลี่ยกัน กู่อวี้กลับเอ่ยด้วยความกระจ่างใจอย่างมาก “คุณหนูโค่ว เหตุใดถามว่าบ้านข้าอยู่ที่ใด”
ตอนซินโย่วไล่ตามออกไป คิดจะลงมือจากชีวิตความเป็นอยู่ของชายหนุ่ม ถามเขาว่าต้องการงานพิเศษคัดลอกอักษรอันใดไหม จะได้เลยถามว่าบ้านอยู่ที่ใด แต่ท่าทีกู่อวี้ทำให้นางเปลี่ยนความคิด
คนผู้นี้เป็นคนความคิดไว หากนางเอ่ยกะทันหัน ไม่แน่อาจทำให้เขารู้สึกว่าถูกลบหลู่ และก็จะยิ่งยากเข้าใกล้
นางตัดสินใจเอ่ยออกไปตรงๆ “ความจริงนอกจากเป็นเจ้าของร้านหนังสือ ข้ายังมีอีกหนึ่งสถานะ”
กู่อวี้สีหน้ายิ่งแปลกประหลาด “ข้ารู้ คุณหนูโค่วยังเป็นคุณหนูนอกจวนรองเจ้ากรม”
“อืม…นอกจากนี้ ข้ายังดูนรลักษณ์เป็น ก็เหมือนอาจารย์พยากรณ์ดวงพวกนั้น”
“ข้าไม่มีเงิน”
ชายหนุ่มหลุดปากออกไปก็ทำให้สองคนตกอยู่ในภวังค์ความเงียบ
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง กู่อวี้ก็พยายามอธิบาย “คุณหนูโค่วอย่าได้เข้าใจผิด ข้าไม่ได้สงสัยเจตนาของเจ้า แต่ข้าไม่มีเงินจริงๆ”
ซินโย่ว “…”
ความรู้สึกที่เหมือนถูกมองเป็นพวกมิจจาชีพก็แปลกใหม่ดี
“ข้าดูนรลักษณ์ไม่เก็บเงิน”
กู่อวี้มองนางอย่างไม่เข้าใจ
ซินโย่วสีหน้าจริงจัง “ข้าเห็นคุณชายกู่จะมีเคราะห์เลือดตกยางออก และจะเกิดตอนกลับบ้าน…”
กู่อวี้ฟังไม่ทันจบก็ขัดขึ้น “ขออภัย ข้าไม่เชื่อเรื่องพวกนี้”
“คุณชายกู่…”
“ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ ข้าเองก็ไม่อาจรับคำเรียกขาน ‘คุณชาย’ ได้ หากคุณหนูโค่วชอบดูนรลักษณ์ก็ไปดูให้ผู้อื่นเถิด” กู่อวี้พูดจบก็สะบัดหน้าไปทันที
ซินโย่วยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มองตามชายหนุ่มจากไปอย่างเร่งรีบแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
ช่างโชคดีจริงที่ซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อคือไต้เจ๋อ หากเป็นคุณชายกู่ผู้นี้ก็คงรับมือยากแล้ว
“คุณหนูโค่ว กู่อวี้ผู้นั้นมีอันใดหรือ” จังซวี่เดินเข้ามาถาม
ซินโย่วมองนักเรียนสองสามคนที่เดินออกมาจากโถงร้าน ยิ้มเกรงใจให้จังซวี่ “คุณชายจัง พวกท่านรู้ไหมว่าบ้านคุณชายกู่อยู่ที่ใด”
จังซวี่เพิ่งรู้จักกู่อวี้ ย่อมไม่รู้ว่าเขาพักที่ใด ดังนั้นจึงมองไปทางคนที่ตามเขามา
คนอื่นๆ มองหน้ากันไปมา เห็นชัดว่าไม่รู้
หนึ่งในนั้นเอ่ยอย่างลังเลว่า “หวางเทียนฉีสนิทกับกู่อวี้ไม่เลว น่าจะรู้ หรือข้ากลับไปถามเขาดู”
จังซวี่มองไปทางซินโย่ว “คุณหนูโค่ว ท่านถามที่พักกู่อวี้ไปทำไมกัน”
คงมิใช่ว่าถูกใจกู่อวี้แรกเห็น จึงคิดหาบ้านเขากระมัง
พอความคิดนี้แวบขึ้นมา ในใจจังซวี่ก็ปฏิเสธทันที
เป็นไปไม่ได้ หากคุณหนูโค่วหวั่นไหวง่ายดายเช่นนี้ เห็นเขาก็ควรหวั่นไหว อย่างไรก็คงมิใช่เจ้ากู่อวี้ผู้นี้
มองเห็นสายตาหลายคู่รออยู่ ซินโย่วยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “ข้าขอบอกคุณชายจังเพียงคนเดียว”
จังซวี่พลันรู้สึกได้หน้า เร่งให้สหายผู้นั้นรีบกลับไปสอบถาม จากนั้นก็เดินตามซินโย่วไปหาที่คุยส่วนตัว
“หวังว่าคุณชายจังจะเก็บเป็นความลับได้”
จังซวี่ได้ยินก็รีบตบหน้าอกรับปาก
“อีกไม่นานคุณชายกู่จะมีเคราะห์เลือดตกยางออก น่าจะเกิดที่บ้านเขา ร้านหนังสือชิงซงเปิดในละแวกสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน การค้าส่วนใหญ่ย่อมได้รับการสนับสนุนจากเหล่านักเรียน ข้าทนเห็นนักเรียนอายุน้อยๆ ต้องจากไปไม่ได้…”
จังซวี่สีหน้าตกใจระคนแปลกใจ “คุณหนูโค่ว เจ้ายังดูนรลักษณ์เป็น?”
“นิดหน่อย”
“เช่นนั้นเจ้าดูให้ข้าบ้าง”
ซินโย่วจ้องมองจังซวี่ทีหนึ่ง “คุณชายจังระยะนี้ค่อนข้างราบรื่นดี”
จังซวี่เดิมไม่ค่อยเชื่อว่าซินโย่วดูนรลักษณ์เป็น ได้ยินก็ยิ้มขำพอใจ “ก็ขอให้เป็นดังวาจามงคลของคุณหนูโค่ว”
ซินโย่วเห็นเขาไม่เชื่อก็ไม่สนใจ เพียงแค่เม้มปากยิ้ม
นักเรียนที่กลับไปถามสหายร่วมชั้นเรียนที่สนิทกับกู่อวี้ ถามมาได้ความจริงๆ ไม่ปล่อยให้ซินโย่วรอนานนักก็กลับมา
ได้ยินเขารายงานแล้ว ซินโย่วก็กล่าวขอบคุณ “รอ ‘บันทึกตะวันตก’เล่มสองออก ข้าจะมอบให้คุณชายทุกท่านคนละเล่ม”
นิยายเล่มหนึ่งราคาไม่เท่าไร แต่ได้มาครองก่อนก็ย่อมไม่ใช่เรื่องของเงินทอง จังซวี่ไม่ลืมเรื่องไต้เจ๋อนำ ‘วาดหนัง’ เล่มสองมาโอ้อวดต่อหน้าเขาก่อนหน้านี้
ยามนี้จังซวี่ไม่คิดว่าคุณหนูโค่วชอบแสร้งทำตัวเป็นผู้วิเศษจะมีข้อด้อยอันใด เรียกว่าคุณหนูทำงานเป็น!
“เช่นนั้นพวกเราจะรอ”
ระหว่างทางกลับสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน ชายหนุ่มหลายคนแย่งกันถามจังซวี่ “พี่จัง คุณหนูโค่วพาท่านไปคุยอีกทางว่าอันใดบ้าง เหตุใดนางจึงสนใจกู่อวี้”
จังซวี่คิดถึงคำพูดซินโย่วก็เอ่ยอย่างพึงพอใจ “คุณหนูโค่วว่า…ไม่ได้ ข้ารับปากว่าจะไม่เปิดเผยออกไป”
แต่คุณหนูโค่วว่านางดูนรลักษณ์เป็น น่าสนใจมาก!
คนอื่นๆ เห็นจังซวี่เดี๋ยวๆ ก็ยิ้ม ก็ยิ่งรู้สึกอยากรู้
“พี่จัง พี่บอกหน่อยนะ พวกเรารับรองไม่พูดออกไปแน่”
“เช่นนั้นพวกเจ้าอย่าได้บอกผู้ใดนะ”
“ไม่พูดเด็ดขาด”
ความจริงจังซวี่เองก็เก็บกดจนทนไม่ไหวแล้ว ได้รับคำรับรองก็รีบเอ่ยทันที “คุณหนูโค่วว่า นางดูนรลักษณ์เป็น ยังบอกว่ากู่อวี้จะมีเคราะห์เลือดตกยางออก”
“ดูนรลักษณ์เป็น? ฮา ฮา ฮา ฮา น่าขันมาก…”
บรรดาชายหนุ่มหัวเราะฮาดังเดินจากไปไกล
เสี่ยวเหลียนเดินมาข้างกายซินโย่ว กระซิบถามขึ้นว่า “คุณหนู คุณชายกู่นั้นจะมีอันตรายจริงหรือ”
ซินโย่วมองไปทางเสี่ยวเหลียน
เสี่ยวเหลียนเม้มปากยิ้ม “บ่าวได้ยินพวกนักเรียนวิพากษ์วิจารณ์ ก็รู้สึกว่าคุณหนูน่าจะมองจากใบหน้านักเรียนคนนั้นออกว่ามีบางอย่างผิดปกติ…”
ไม่เช่นนั้นจะให้นางคิดเหมือนคนพวกนั้นว่าคุณหนูสนใจนักเรียนแซ่กู่นั่นหรืออย่างไร
ถุย! คุณหนูนางเป็นเทพธิดาจากสรวงสวรรค์ ผู้ใดก็ไม่คู่ควร!
ซินโย่วไม่คิดปิดบังเสี่ยวเหลียน “เป็นเช่นนี้จริง นักเรียนที่ชื่อกู่อวี้ผู้นั้นจะมีภัยถึงแก่ชีวิต เสี่ยวเหลียน เจ้าจัดเตรียมรถม้าหน่อย พวกเราไปดูละแวกบ้านกู่อวี้กัน”
เสี่ยวเหลียนรับคำสั่งไปตามสารถีทันที ระหว่างทางไปบ้านกู่อวี้เส้นทางขรุขระอยู่ไม่น้อย “กู่อวี้นั่นช่างไม่รู้จักดีชั่ว คุณหนูก็เมตตาเกินไปแล้ว”
“ไม่เพียงแต่เพื่อเขา” ซินโย่วหลับตา ภาพโลหิตไหลนองเป็นทะเลปรากฏขึ้น “ยังมีคนอีกมากมาย”