บทที่ 526 ใครก็ไม่สามารถขัดขวางให้พวกเขาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันได้
เสียงนุ่มนิ่มของเด็กผู้หญิงกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูของซือถูเซิง ท่าทางนั้นเต็มไปด้วยความระมัดระวังและความปรารถนา
ตั้งแต่ตอนที่พวกเขาเกิดมาก็ถูกพรากจากอกแม่ ซือถูเซิงถึงขนาดยังไม่ทันได้มองหน้าลูกตัวเองด้วยซ้ำ ก็สูญเสียพวกเขาไปตลอดกาลแล้ว
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ต้องก้าวผ่านคืนวันที่สิ้นหวังนับไม่ถ้วน นางได้แต่คิดว่าลูก ๆ ของนางยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ มันเป็นความผิดของคนเป็นแม่อย่างนาง จึงทำให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นกับพวกเขา เป็นนางที่ไม่สามารถปกป้องพวกเขาได้
นางถึงขนาดคิดว่า ชาตินี้ต่อให้พวกเขาจะมีชีวิตอยู่ ก็คงไม่มีวันได้พบกันอีกแล้ว
แต่ร่างเล็ก ๆ ที่กอดนางเอาไว้ในเวลานี้ เสียงเด็กนุ่มนิ่มที่ดังขึ้นข้างหูของนาง นางได้แต่ฝันมาตลอดหลายปี โลกแห่งความฝันที่เกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน จู่ ๆ ความฝันเหล่านั้นก็กลายเป็นความจริง
นางปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอาบใบหน้าที่แห้งผาก เช็ดมือที่สกปรกกับเสื้อผ้าของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า เช็ดจนฝ่ามือรู้สึกเจ็บขึ้นมา จึงค่อย ๆ ประคองใบหน้าของอาอินเอาไว้ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย พลางพิจารณาใบหน้าของนางทุกตารางนิ้ว
เหมือน…ช่างเหมือนยิ่งนัก
นี่คือลูกสาวของนางกับอาเหริ่น
.
.
ครั้งหนึ่งตอนที่พวกเขาวิ่งอยู่บนทุ่งหญ้านอกเมืองเจว๋เฉิง
‘อาเหริ่น! วิ่งให้เร็วขึ้นอีกหน่อย ให้ว่าวสูงขึ้นอีก!’
‘อาเหริ่น ข้ามีความสุขมาก ภายหน้าข้าจะให้กำเนิดลูกสาวที่เหมือนกับเจ้า นางจะต้องแข็งแรงและมีความสุขเหมือนกับเจ้า’
‘เช่นนั้น…เช่นนั้นข้าจะเอา…เซิงเซิงน้อย’
.
.
นางสะอื้นอยู่ในลำคอ น้ำตาค่อย ๆ เอ่อคลอจนดวงตาพร่าเลือน อ้าปากอยากจะพูด แต่กลับไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้ มีเพียงเสียงร้องคร่ำครวญในลำคอเท่านั้น
อาอินรู้มาว่าแม่แท้ ๆ ของตนมีเสียงที่ไพเราะอย่างมาก แต่เมื่อเห็นซือถูเซิงเป็นเช่นนี้นางก็อดที่จะตื่นตระหนกไม่ได้ “ท่านแม่ คอของท่านเป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ?”
หลังจากที่อาชิงจัดการกับบรรดาสตรีเหล่านั้นเสร็จแล้ว ก็เดินมาหาและถอดหน้ากากที่สวมอยู่ออก “ท่านแม่ถูกคนชั่วทำร้ายอย่างนั้นหรือ?”
เซิงเซิงมองดูอาชิงด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะเห็นใบหน้าของตัวเองสะท้อนออกมาจากใบหน้าของเขา
นางทั้งหัวเราะทั้งน้ำตาไหล คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าลูกทั้งสองคนของนางจะกลับมาอยู่ข้างกายนางอีกครั้ง
นางจึงดึงอาชิงมาอยู่ข้างกายด้วย ดึงพวกเขาเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน และร้องไห้ปานจะขาดใจ
อาชิงเองก็กอดตอบนางเช่นกัน “ท่านแม่ ท่านไม่ต้องกลัว ข้ากับพี่หญิงมาช่วยท่านแล้ว”
เขายังไม่สามารถเข้าใจความเจ็บปวดของท่านแม่ได้ทั้งหมด เพราะมันซับซ้อนเกินไปสำหรับเขาที่อยู่ในวัยนี้
เขารู้แค่ว่าท่านพ่อเคยบอกว่า ชีวิตของท่านแม่เซิงเซิงกับท่านพ่ออาเหริ่นนั้นไม่ง่ายเลย
และเขาก็เคยเห็นว่าเวลาแม่วัวในหมู่บ้านคลอดลูกวัวนั้นทรมานเพียงใด
ดังนั้นเขาและพี่หญิงจึงเกิดมาจากความรัก เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านพ่อกับท่านแม่ ที่ทำให้พวกเขาเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้
เขาต้องรีบโตไว ๆ จะได้ช่วยท่านพ่อปกป้องท่านแม่และพี่หญิงได้!
สตรีเหล่านั้นต่างตกตะลึงไปตั้งนานแล้ว แม้ว่าเมื่อครู่จะถูกอาชิงใช้พิษหนอนกู่เล่นงาน แต่พวกนางก็ยังไม่ได้หมดสติไปในทันที
คนที่เข้าจวนมานานย่อมรู้ดีว่าสตรีที่ถูกขังอยู่ที่นี่คือผู้ใด
เมื่อได้ยินว่านางยังมีลูกอีกสองคน ย่อมจำเรื่องในตอนนั้นที่ซือถูรุ่ยสังหารคนรับใช้ทั้งหมดของซือถูเซิงได้!
“ซือถูเซิง ลูกของเจ้ายังมีชีวิตอยู่อย่างนั้นหรือ?” เมื่อมีคนถามขึ้นมา ซือถูเซิงก็รีบเอาตัวบังอาชิงและอาอินไว้ด้านหลังของตัวเองทันที พร้อมทั้งจ้องสตรีตรงหน้าเขม็งราวกับสัตว์ร้าย
หากผู้ใดกล้าทำร้ายลูกของนางอีกละก็ นางก็จะขอสู้ตายกับคนผู้นั้น!
ลานด้านนอก เสียงความวุ่นวายที่เกิดจากชายผู้นั้นดูเหมือนจะเงียบลงแล้ว
“เร็ว รีบนำตัวคนผู้นี้ออกไป”
“ประตูนี้ใครเป็นคนเปิด รีบไปปิดประตูซะ”
หัวใจของซือถูเซิงเต้นรัว นางรีบผลักเด็กทั้งสองคนออก อยากบอกให้พวกเขาไปซ่อนตัวอยู่ในนั้น อย่าให้คนหาเจอ
ทว่าอาอินกลับกุมมือของนางเอาไว้ “ท่านแม่วางใจได้ ในเมื่อพวกเรามาแล้วย่อมสามารถพาท่านออกไปได้อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
ทางด้านนี้ หานฉีก็ได้หักคอของสตรีที่ยังไม่ตายเหล่านั้นทันที และเหลือคนที่ไม่มีแขนขาแล้วไว้คนหนึ่ง ก่อนโยนไปตรงหน้าของซือถูเซิง จากนั้นอาอินก็ใช้แรงกระชากโซ่ที่หนาหนักและทำด้วยโลหะอย่างดีนั้นออก แล้วใช้โซ่มัดบนร่างของสตรีผู้นั้นเอาไว้แทน
ซือถูเซิงคิดไม่ถึงว่าลูกสาวของตัวเองจะเป็นเหมือนกับอาเหริ่น เกิดมามีพลังมหาศาล
“ท่านแม่ พวกเราจะพาท่านออกไปเอง! ท่านไม่ต้องกลัว ไม่ว่าอย่างไรพวกเราทั้งครอบครัวก็ต้องอยู่ด้วยกันเจ้าค่ะ”
เดิมนางคิดจะอุ้มซือถูเซิงขึ้นมา ทว่านางเตี้ยเกินไป
หานฉีจึงก้าวไปข้างหน้าแล้วอุ้มซือถูเซิงขึ้นมาแทน อาชิงกับอาอินจึงปีนขึ้นไปบนหลังของหานฉี แล้วกอดแขนของเขาเอาไว้ จากนั้นเขาก็กระโดดขึ้นไปบนหลังคาทันที!
…
อีกด้านหนึ่ง ซือถูรุ่ยเมื่อเก็บสัญญาที่เผยยวนเพิ่งลงชื่อและประทับตราเสร็จแล้ว ก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็แค่รออาวุธของพี่จี”
เผยยวนอย่างไรเสียก็สวมหน้ากากอยู่ จึงไม่รังเกียจที่จะยิ้มให้เขา
“ท่านเจ้าเมือง”
จู่ ๆ ก็มีคนมาเรียก ซือถูรุ่ยจึงหันไปมองด้วยความไม่พอใจแล้วเอ่ยขึ้นมา “มีอะไร ไม่เห็นหรืออย่างไรว่าข้ากับคุณชายฝูเย่กำลังหารือเรื่องสำคัญกันอยู่?”
“ท่านเจ้าเมือง ที่จวนเกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ”
ซือถูรุ่ยขมวดคิ้ว “จะมีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้นได้”
วันนี้เป็นวันเกิดของซือถูรุ่ย แม้ว่าเมื่อคืนจะเกิดไฟไหม้ขึ้น แต่วันนี้ก็ควรเป็นวันที่รื่นเริง ภายในเมืองทุกที่ต้องประดับประดาด้วยผ้าและโคมไฟสวยงามจึงจะถูก ทว่ากลับมีคนวิ่งมาบอกว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น นี่ไม่เท่ากับพูดเป็นลางหรอกหรือ?
“ที่เรือนของท่านเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นขอรับ พวกเราก็ไม่กล้าเข้าไปในห้องของท่าน ท่านรีบกลับไปดูเองเถอะขอรับ”
“อะไรนะ?” ซือถูรุ่ยลุกขึ้นยืนทันที เผยยวนก็ไม่อยากอยู่ต่อตั้งนานแล้ว จึงเอ่ยอย่างรู้ความ “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านเจ้าเมืองซือถู พวกเราก็กลับไปพร้อมกันเถอะ หากมีคนชั่วบุกเข้ามาจริง ๆ ก็จะได้ป้องกันได้”
ซือถูรุ่ยเป็นห่วงซือถูเซิง เมื่อได้ยินดังนั้นก็รีบเอ่ยขึ้นมา “พี่จีพูดมาก็มีเหตุผล เป็นข้าที่ดูแลไม่ดีเอง รอข้าจัดการเสร็จแล้ว จะรีบไปขอโทษพี่จีทันที เชิญ”
คนทั้งกลุ่มจึงกลับจากประตูเมืองไปยังจวนซือถู แต่ซือถูรุ่ยกลับนำไปก่อนแล้ว
ทันทีที่เขาจากไป จีฝูเย่ก็บ่นตามหลังทันที “ท่านอาจารย์วางใจได้ ข้าให้คนไปเตรียมการรอแล้ว พวกเราจะออกจากเมืองภายในสองวันนี้โดยไม่มีใครรู้ หากขาดเงิน ที่ศิษย์มีนะขอรับ ทำการค้ากับคนผู้นี้ช่างน่าเบื่อยิ่งนัก”
เผยยวน “…”
ทำอย่างกับว่าตอนแรกคนที่มาทำการค้าไม่ใช่เจ้าอย่างนั้นแหละ
เซียวเซวียนจิ่นรออยู่บนถนนก่อนแล้ว เมื่อเห็นพวกเขาก็รีบวิ่งเข้ามา
“เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่กัน?” เผยยวนถาม
เซียวเซวียนจิ่นก้าวไปข้างหน้าแล้วเอามือป้องหู “ท่านอาเผย รีบกลับไปดูเองเถอะขอรับ พวกอาอินหาซือถูเซิงเจอแล้วขอรับ”
เผยยวนเบิกตากว้าง “เจ้าแน่ใจหรือ?”
“คนอยู่ในเรือนแล้วขอรับ”
เผยยวนคิดถึงปฏิกิริยาของซือถูรุ่ยเมื่อครู่ หากกลับไปไม่เห็นซือถูเซิงละก็ เขาต้องพลิกจวนซือถูเพื่อค้นหาเป็นแน่!
แย่แล้ว!
พวกเขาเหลือเวลาไม่มากแล้ว!
เผยยวนไม่พูดพร่ำทำเพลง ออกเดินนำไปก่อนทันที จีฝูเย่ก็ยังคงพูดจ้ออยู่ข้าง ๆ ไม่หยุด
เผยยวนไม่มีเวลามาสนใจเขา เมื่อเข้าไปถึงในลานบ้าน ก็เห็นว่าประตูห้องของเด็กทั้งสองปิดสนิท ส่วนบรรดาสาวใช้ที่กำลังทำงานอยู่ในลานบ้านก็มีท่าทางปกติ จึงรู้ได้ทันทีว่าพวกเขาคงไม่ได้เข้ามาทางประตูหลักเป็นแน่
เผยยวนแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง สะบัดแขนเสื้อพลางเอ่ยขึ้นว่า “ออกไปได้แล้ว ข้าไม่ต้องการให้พวกเจ้าคอยปรนนิบัติ”
“เจ้าค่ะ”
ทันทีที่บรรดาสาวใช้จากไป เผยยวนก็เอ่ยกับจีฝูเย่ “เจ้าก็ออกไปด้วย”