ตอนที่ 175 ภัยพิบัติ
คำสุดท้ายซินโย่วเอ่ยขึ้นเบาอย่างที่สุด เสี่ยวเหลียนไม่ทันได้ยินชัด ก็เห็นนางหลับตาลงนิ่งเงียบ
บ้านกู่อวี้ไกลจากสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนอยู่สักหน่อย ซินโย่วหลับตามิใช่พักสายตา แต่เพราะถือโอกาสนี้ทบทวนภาพโศกนาฏกรรมในความทรงจำกลับไปกลับมา หาข้อมูลเพิ่มจากภาพ
“คุณหนูเข้าไปไม่ได้แล้วขอรับ” สารถีจอดรถม้า
เสี่ยวเหลียนประคองซินโย่วลงจากรถม้า พร้อมกับอุทานเบาๆ ขึ้นก่อน
ภาพที่เห็นตรงหน้าก็คือบ้านสภาพเก่าคร่ำคร่า หลังคาเตี้ยเรียงติดกัน น้ำครำบนพื้นมีหิมะปะปน แฉะ ตะปุ่มตะป่ำ
ตระกูลโค่วร่ำรวย พอเข้าเมืองหลวงมาก็อยู่แต่ในจวนรองเจ้ากรม มีชีวิตไม่เลวอย่างมาก เสี่ยวเหลียนยังไม่เคยมาที่เช่นนี้
เสี่ยวเหลียนยกเท้าก้าวไปก่อนจะชักเท้ากลับ หันไปช่วยยกชายเสื้อคลุมให้ซินโย่ว
เพราะหิมะตก เพื่อนบ้านจึงไม่ได้มารวมตัวคุยเล่นกันหน้าบ้านดังปกติ มีคนเดินผ่านไปอย่างรีบเร่งอยู่บ้าง ส่งสายตามองพวกซินโย่วทั้งสองคนอย่างนึกอยากรู้
“คุณหนูต้องหาคนมาสอบถามหน่อยไหมเจ้าคะ”
แม้รู้ที่อยู่แน่นอนแล้ว แต่มาถึงสถานที่จริง พบกับตรอกซอกซอยวุ่นวายหลายเลี้ยว บ้านเรือนขนาดเท่าๆ กันเช่นนี้ คิดหาบ้านกู่อวี้ก็มิใช่เรื่องง่าย
ซินโย่วส่ายหน้า “ไม่ละ พวกเราไปเดินเล่นดูก่อน”
หาคนมาถามประหยัดแรงจริง แต่ด้วยอายุนาง ผู้คนก็ยากจะไม่คาดเดาความสัมพันธ์ของนางกับกู่อวี้
ที่นี่ไม่เหมือนกับร้านหนังสือ ที่นี่คือบ้านของกู่อวี้ สถานที่เติบโตมาของเขา หากแพร่ข่าวลือพวกนี้ออกไปอาจส่งผลกระทบต่อเขาได้
ซินโย่วไม่ได้อธิบายเรื่องเหล่านี้กับเสี่ยวเหลียน ยกชายกระโปรงเดินไปข้างหน้า
ความจำและแยกแยะทิศทางของนางล้วนไม่เลว น่าจะอาศัยภาพหาบ้านกู่อวี้ที่เกิดเหตุพบ
“คุณหนูเดินระวังหน่อยเจ้าค่ะ”
ซินโย่วมุ่งมั่นทุ่มเทกับภาพ พยายามหาภาพตรงหน้าที่ตรงกัน แม้มีเสี่ยวเหลียนคอยเตือน แต่ก็ยังย่ำเอาน้ำครำ
ซินโย่วจ้องมองกำแพงตรงหน้าตาไม่กะพริบ ประตูไม้สีลอกบานนั้น น่าจะครอบครัวนี้
กำแพงนี้ไม่ว่าขนาดความสูง หรือว่าอิฐสีแดงก้อนนั้นที่ปะปนไปบนกำแพงก้อนดิน ตรงกับภาพที่เห็น
ในตอนนี้เอง ประตูไม้ก็เปิดออก หญิงผู้หนึ่งเดินออกมา
หญิงผู้นี้หน้าตางาม แต่วันเวลาทิ้งร่องรอยตรากตรำไว้บนใบหน้านาง
ซินโย่วกะพริบตาเบาๆ
ภาพใหม่ปรากฏขึ้น เกิดเรื่องคล้ายกับกู่อวี้ เพียงแต่กู่อวี้ยืนอยู่ริมกำแพงลานบ้าน แต่หญิงผู้นี้ถูกทับอยู่ในบ้าน
หญิงผู้นี้เห็นซินโย่วก็รู้สึกนึกสนใจ “คุณหนูมีธุระอันใดหรือ”
เห็นชัดว่าในสายตาหญิงผู้นี้ ซินโย่วไม่เข้ากับที่นี่
“แมวที่ข้าเลี้ยงไว้กระโดดออกจากรถ วิ่งมาทางนี้ แต่หาอย่างไรก็หาไม่พบ ไม่ทราบว่าท่านน้าเห็นหรือไม่เจ้าคะ” ซินโย่วสีหน้าร้อนใจ
“ไม่มีนะ” หญิงผู้นี้วางถังลงเดินไปที่ประตูตรงข้าม “คุณหนูใจเย็นก่อนนะ ข้าจะถามเพื่อนบ้านให้ท่าน”
นางตบประตูเพื่อนบ้าน หญิงสาวตรงข้ามอุ้มลูกเปิดประตูออกมารวดเร็ว “ท่านน้า มีธุระอันใดหรือ”
ซินโย่วมองดูหญิงสาวเยาว์วัยปรากฏตัวขึ้น สีหน้าซีดอยู่สักหน่อย
ยังคงเป็นภาพบ้านถล่ม หญิงสาวถูกทับอยู่ด้านล่าง ในอ้อมกอดนางอุ้มทารกน้อยไว้แนบอก ก็คือทารกที่อยู่ในอ้อมกอดยามนี้
หญิงสาวดูท่าทางทนไม่ไหวแล้ว ทารกส่งเสียงแผดร้องไห้ดังลั่น
แต่ไรมาซินโย่วเห็นเพียงภาพ ไม่ได้ยินเสียง แต่ในภาพที่เห็นสภาพเด็กน้อยร้องไห้ทำให้นางรู้ว่าเสียงร้องไห้ปิ่มว่าใจจะขาด
หญิงผู้นี้ชี้มาทางซินโย่วพลางอธิบาย “คุณหนูท่านนี้แมวหาย บอกว่าเห็นวิ่งมาทางพวกเราที่นี่ ข้าเห็นนางร้อนใจ จึงได้ช่วยถามให้”
“ไม่มีนะ” หญิงสาวเยาว์วัยหันไปมองลานบ้านตนเองทีหนึ่งด้วยสัญชาตญาณ อุ้มลูกเอ่ยว่า “ลุงจางไม่ใช่เลี้ยงแมวไว้ตัวหนึ่งหรือ หรือว่าวิ่งไปเล่นที่บ้านเขา”
“ข้าจะไปถามดู”
ซินโย่วมองดูหญิงผู้นี้เรียกชายชราคนหนึ่งออกมา
ชายชรามองซินโย่วทีหนึ่งก็ส่ายหน้า “ไม่เห็น แมวของบ้านเราเลี้ยงไว้จับหนู ไม่เล่นกับแมวคนรวยหรอก”
คล้ายกังวลว่าจะถูกสงสัยและก่อให้เกิดความยุ่งยาก ชายชรามองซินโย่วทีหนึ่งแล้วก็รีบปิดประตูแน่น
ซินโย่วหลุบตาลง ปิดบังอารมณ์ที่ผุดขึ้นมา
สถานที่เกิดเรื่องของลุงจางท่านนี้ก็คือลานด้านหน้า ไม่รู้ว่าบ้านแข็งแรงกว่าผู้อื่นหรือว่าโชคดี เรือนหลักไม่ได้ถล่มพังลงมา ถล่มลงมาเพียงห้องครัวที่สร้างในลาน เพราะเขาตกใจล้มลงบาดเจ็บ จึงไม่ได้มีภัยถึงแก่ชีวิต
เห็นหญิงผู้นี้จะช่วยถามคนอื่นให้ เสี่ยวเหลียนก็รู้สึกละอายใจ อดหันมองไปทางซินโย่วไม่ได้
ซินโย่วกลับไม่ได้คิดห้ามปราม นางต้องการเห็นคนมากขึ้นจะได้ข้อมูลมาคาดเดามากขึ้น
สถานที่เช่นนี้ไม่มีความลับ ไม่นานเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงก็รู้ว่าแมวของคุณหนูใหญ่ท่านนี้หายไป มีคนแสดงน้ำใจ คนมากมายก็คิดหาแมวเพื่อจะได้ค่าตอบแทน ต่างเข้าร่วมขบวนหาแมว
ซินโย่วมองดูมากเข้าก็รู้สึกว่าพอแล้ว สีหน้าย่ำแย่ทำให้เสี่ยวเหลียนเห็นแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้
“คุณหนูท่านไม่เป็นอันใดกระมัง”
“ไม่มีอันใด เจ้าไปบอกพวกท่านน้าหน่อยว่า พวกเราจะไปหาที่อื่นดูต่อ”
เสี่ยวเหลียนไปบอกแล้ว หญิงผู้นี้ก็เดินมา ลองเอ่ยเตือนว่า “คุณหนูรีบกลับบ้านเถอะ หิมะตกหนักเช่นนี้ไม่หยุด ท่านยังไม่คุ้นเคยกับแถวนี้…”
นี่เป็นการเตือนซินโย่วทางอ้อม หญิงสาวสองคนอยู่ข้างนอกไม่ปลอดภัย
ซินโย่วเงยหน้าเล็กน้อยมองท้องฟ้าขมุกขมัว
หิมะตกหนักต่อเนื่อง คล้ายว่าจะไม่มีวันหยุด
ใช่แล้ว หิมะตกไม่หยุด…
ซินโย่วกล่าวขอบคุณคนที่ช่วยตามหาแมวแล้วก็ก้าวย่ำไปบนพื้นหิมะสะสมก่อนจะขึ้นรถม้า
“คุณหนู…” เสี่ยวเหลียนอยากพูดแต่ก็ไม่ได้เอ่ยออกมา รู้สึกไม่สบายใจ
ติดตามซินโย่วมานาน นางพอจะเข้าใจเรื่องใหญ่ที่จะเกิดขึ้น
ซินโย่วพิงผนังรถด้วยสีหน้าหนักใจ “คนส่วนใหญ่ที่พบเมื่อครู่ล้วนมีภัยถึงแก่ชีวิต”
เสี่ยวเหลียนหน้าซีด “มากมายเพียงนั้นหรือเจ้าคะ คุณหนู จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ”
“ข้าคิดก่อน”
ในภาพที่เห็นคาดเดาได้ว่า ตอนนั้นน่าจะเกิดแผ่นดินไหวเล็กน้อย ทำให้เกิดเหตุพังถล่มลงมาเป็นแถบ…
ซินโย่วเลิกม่านรถขึ้น มองออกไปยังท้องฟ้าหิมะโปรยปราย
แผ่นดินไหวเบาๆ อย่างมากก็เพียงทำให้ของบางอย่างร่วงหล่น แต่หิมะตกหนักไม่หยุดนี้เกรงว่าคือสาเหตุสำคัญ
จะช่วยคนเหล่านี้ได้อย่างไร
ซินโย่วคิดไปพลางประคองเตาอังมือที่ยังมีความอุ่นอยู่บ้าง
แจ้งทางการคงไม่ได้การ ทางการไม่ยินดีฟังคำพูดของนางแล้วทำให้ชาวบ้านวุ่นวายเป็นแน่ คงคิดว่านางเอ่ยวาจาลวงหลอกผู้อื่น
ใต้เท้าเฮ่อน่าจะเชื่อนาง แต่เขาเป็นกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน การทำให้คนพวกนั้นกระจายตัวออก ข้ออ้างที่เหมาะสมที่สุดก็คืออาศัยข้ออ้างตามจับตัวคนร้าย แต่จะนำความยุ่งยากมาสู่เขา
ซินโย่วคิดไปคิดมาก็คิดว่าพึ่งพาตนเองเหมาะสมที่สุด
สำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนหยุดวันที่สิบ จากในภาพที่เห็น เรื่องเกิดตอนเช้า เช่นนั้นก็เป็นวันที่สิบหรือสิบเอ็ด
วันนี้วันที่เจ็ด พรุ่งนี้ก็วันที่แปดเดือนสิบสอง
ในใจซินโย่วก็เริ่มมีความคิด พอกลับถึงร้านหนังสือก็สั่งการไป
หิมะตกไม่หยุด ลูกค้าร้านหนังสือตอนบ่ายไม่มาก หลิวโจวจึงว่างมาร่วมด้วย หัวหน้าหยางนำผู้คุ้มกันไม่น้อยไปจัดการซื้อของตามคำสั่งของซินโย่ว เสี่ยวเหลียนเองก็มิได้ว่าง ตรงไปยังร้านข้าวสารของคุณหนูโค่ว