ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 484 ไม่ใช่เรื่องธรรมดา(1)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 484 ไม่ใช่เรื่องธรรมดา(1)

ตอนที่ 484 ไม่ใช่เรื่องธรรมดา(1)

เซี่ยปิงชิงเห็นเซี่ยปิงหรุ่ยยังอยู่ต่อ จึงอดถามไม่ได้ “พี่จะอยู่ที่นี่ตลอดหลายวันนี้เลยใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันให้ลุงเจี่ยงไปเตรียมห้องพักให้หนึ่งห้อง”

เซี่ยปิงหรุ่ยพยักหน้าแล้วบอกกล่าว “ได้ หลายวันนี้ฉันจะพักอยู่ที่นี่ก่อน”

เจี่ยงสือเหิงมีเรื่องมากมายที่อยากจะคุยกับภรรยาตัวน้อยของตัวเอง แต่เมื่อเห็นสองพี่น้องกำลังพูดคุยกัน เขาก็ไม่รบกวน และเดินไปห้องครัวเพื่อสั่งให้อาจารย์จินทำอาหารอร่อย ๆ เสียหน่อย

ทางด้านฉินมู่หลานหลังจากกลับถึงบ้านแล้ว เธอก็พาเด็กทั้งสองไปพักผ่อน เมื่อถึงเวลารับประทานอาหารเย็น เซี่ยเหวินปิงก็พูดถึงพวกเซี่ยเจ๋อหลี่ขึ้นมา

“ไม่รู้ว่าพวกอาหลี่จะถึงที่นั่นกันหรือยัง”

ฉินเจี้ยนเซ่อก็รู้สึกเป็นห่วงเหมือนกัน “เฮ้อ…ไม่รู้ว่าหว่านอี๋คิดอะไร อยู่ ๆ ถึงตัดสินใจไปฮ่องกง”

อันที่จริงจากมุมมองของเขา หลิวเสวียข่ายกับเยว่เจินจูสองสามีภรรยาต่างก็ไปที่นั่นแล้ว หากหว่านอี๋กับจิ้งจือไม่ไปก็คงไม่เป็นไร แต่เมื่อนึกไปถึงว่ากิจการโรงงานเครื่องสำอางในปัจจุบันกำลังดีขึ้นเรื่อย ๆ ภรรยากับญาติลูกเขยจึงยุ่งอยู่กับการทำงานมากขึ้น เขาจึงตระหนักได้ว่าทั้งสองต้องทำงานหนักมากขึ้น

เมื่อคิดได้แบบนี้ ฉินเจี้ยนเซ่อก็ไม่พูดอะไรอีก “พวกหล่อนอยากไปก็ไปเถอะ โชคดีที่ครั้งนี้อาหลี่ไปด้วย”

เพียงแต่เมื่อตระหนักได้ว่าภรรยาหาเงินได้มากกว่าพวกเขา ในใจก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อย จึงหันมองเซี่ยเหวินปิงแล้วเอ่ยขึ้น “พี่เซี่ย พรุ่งนี้พวกเราออกไปข้างนอกกันเถอะ ดูว่ามีบ้านหลังอื่นให้ปรับปรุงอีกไหม”

ในยุคนี้ผู้คนปรับปรุงตกแต่งบ้านกันน้อยมาก การหางานจึงเป็นเรื่องยาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเสียทีเดียว ดังนั้นจึงต้องออกไปข้างนอกบ่อย ๆ

เซี่ยเหวินปิงได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้ากล่าว “ได้ แต่พวกเราต้องรีบกลับมาเร็ว หน่อย เพราะต้องช่วยมู่หลานดูแลพวกเด็ก ๆ”

“ตกลง”

ฉินมู่หลานเห็นทั้งสองดูกังวลนิดหน่อย จึงยิ้มแล้วกล่าวให้พวกเขาวางใจ “พ่อคะ พรุงนี้พวกพ่อออกไปกันเถอะ เดี๋ยวหนูดูแลเด็กๆ เอง พวกพ่อไม่ต้องรีบกลับหรอกค่ะ”

ตอนนี้งานตกแต่งบ้านมีน้อยมาก ต้องรอจนกว่าจะจัดตั้งเขตพิเศษเผิงเฉิงในปีหน้า วงการอสังหาริมทรัพย์จึงจะค่อย ๆ ฟื้นตัว ทางฝั่งตงหูลี่หยวนในเผิงเฉิงคือชุมชนที่อยู่อาศัยเชิงพาณิชย์แห่งแรกของจีน เพียงแต่อาคารพาณิชย์พวกนั้นล้วนถูกขายให้กับชาวฮ่องกง แต่ด้วยจุดเริ่มต้นนี้ คนงานก่อสร้างและตกแต่งบ้านก็จะเพิ่มขึ้นราวดอกเห็ด อุตสาหกรรมนี้ก็จะเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเช่นกัน

เพียงแต่ครั้งนี้ก็ต้องอาศัยโอกาสเหมือนกัน เธอไม่แน่ใจว่าฉินเจี้ยนเซ่อกับเซี่เยหวินปิงจะคว้าโอกาสนี้ได้หรือเปล่า

“พ่อคะ พวกพ่ออยากจะอ่านหนังสือเพิ่มไหมคะ จะได้ความรู้มากขึ้น หนูช่วยหาหนังสือให้พวกพ่อได้นะคะ”

ถึงแม้ว่าทั้งสองจะคุ้นเคยกับการตกแต่งบ้าน แต่ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ยังขาด พวกเขายังวาดรูปไม่เป็น จับคู่สีไม่คล่อง ไม่รู้เรื่องทางวิศวกรรม และไม่รู้…

สรุปแล้วยังมีอีกหลายอย่างที่ยังจำเป็นต้องซึมซับ

ฉินเจี้ยนเซ่อกับเซี่ยเหวินปิงได้ยินแบบนี้ จึงพากันพยักหน้าแล้วบอกกล่าว “เอาสิ พวกเราอาศัยที่ช่วงนี้ไม่มีอะไรทำแล้วอ่านหนังสือก็ดีนะ”

งานสองโครงการนี้ พวกเขาล้วนอาศัยความช่วยเหลือจากเหลียงถงผู้เป็นอาจารย์ของเคอวั่ง จึงสามารถทำได้สำเร็จ แต่หากเหลียงถงไม่อยากรับงานแบบนี้อีกแล้ว และเคอวั่งก็ยังต้องใช้เวลาเรียนอีกหลายปีกว่าจะจบมาทำงาน หากไม่มีความสามารถด้วยตัวเองก็คงวางใจไม่ได้ เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงอยากพัฒนาตัวเองมากจริง ๆ

หลังจากได้ยินสิ่งที่พูด ฉินมู่หลานก็พยักหน้าพร้อมรอยยิ้มแล้วเอ่ย “ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวหนูไปรวบรวมหนังสือให้นะคะ”

เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น ฉินเจี้ยนเซ่อกับเซี่ยเหวินปิงก็ออกไปข้างนอก ส่วนฉินมู่หลานก็ดูแลลูก ๆ ทั้งสองอยู่ที่บ้านสักพัก หลังจากนั้นก็ไปที่บ้านตระกูลเจี่ยง

ลุงเจี่ยงเห็นฉินมู่หลานพาชิงชิงกับเฉินเฉินมา ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความดีใจ

“ลุงเจี่ยงคะ ฉันจะไปร้านหนังสือริมทางสักหน่อย ฝากลุงดูแลชิงชิงกับเฉินเฉินหน่อยนะคะ” ฉินมู่หลานวางแผนจะไปร้าหนังสือก่อน หากร้านหนังสือไม่มี พรุ่งนี้เธอจะไปหอสมุดมหาวิทยาลัยหลังเลิกเรียน หากไม่มีอีก เธอก็จะพยายามหาวิธีให้ได้หนังสือเรียนและวารสารเกี่ยวกับหัวข้อนี้จากข้างนอกให้ได้

แต่ฉินมู่หลานยังไม่ทันได้ออกนอกประตู เซี่ยปิงหรุ่ยก็มาแล้ว

“มู่หลาน เธอกำลังจะไปไหนเหรอ?”

ฉินมู่หลานจึงบอกว่ากำลังจะไปร้านหนังสือ จากนั้นก็เอ่ยถามด้วยความสงสัยอีกครั้ง “ปิงหรุ่ย เธออยู่ที่นี่เพื่อดูแลปิงชิงเหรอ?”

“ใช่แล้ว เซี่ยปิงชิงกำลังท้อง ฉันเลยอยู่ที่นี่เพื่อคอยดูแลหล่อน แล้วก็รอครอบครัวของฉันมาด้วย”

พูดจบก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามต่อ “อยากให้ฉันไปร้านหนังสือกับเธอไหม”

หล่อนไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าพ่อและพ่อสามีของมู่หลานจะขยันขนาดนี้ อายุขนาดนี้แล้วยังหาความรู้เพิ่มอีก

แต่ไม่มีใครแก่เกินเรียนอยู่แล้ว แบบนี้ถือเป็นเรื่องที่ดีทีเดียว

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็รีบส่ายหัวแล้วเอ่ยขึ้น “ไม่ต้องหรอก ฉันไปเองก็ได้ เธออยู่ดูแลปิงชิงให้ดีเถอะ”

เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นว่าฉินมู่หลานไม่ต้องการให้หล่อนไปด้วย ก็ไม่พูดอะไรมาก หลังจากเฝ้ามองฉินมู่หลานเดินจากไป หล่อนก็นั่งยอง ๆ เพื่อทักทายชิงชิงกับเฉินเฉิน และเล่นกับพวกเขาสักพักหนึ่ง

อีกด้านหนึ่ง เซี่ยเจ๋อหลี่กับคนอื่น ๆ ก็นั่งรถไฟเป็นระยะเวลาเกือบสองวัน สุดท้ายก็มาถึงเมืองหยางเฉิง*

(*ชื่อเล่นของเมืองกว่างโจว)

คนที่เผยเจิ้งผู่และข่งไฉ่อิงจัดเตรียมเอาไว้กำลังรออยู่ที่นั่นแล้ว

หนึ่งในพวกเขาคือเหยียนเย่าผิง เลขาของเผยเจิ้งผู่ เขาเป็นคนเตรียมการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หลังจากมารับก็พาไปรับประทานอาหารที่หยางเฉิง และเดินทางเข้าฮ่องกงอย่างราบรื่น

หลังจากคนกลุ่มหนึ่งมาถึงฮ่องกงแล้ว เผยเจิ้งผู่ก็หันมองหลิวเสวียข่ายและเซี่ยเจ๋อหลี่พร้อมรอยยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “ผมจองโรงแรมเอาไว้ให้พวกคุณแล้ว เราไปที่นั่นกันเลยเถอะ”

หลิวเสวียข่ายพยักหน้าอย่างเป็นกันเอง

ทางเซี่ยเจ๋อหลี่ก็เดินตามหลังซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจืออย่างเงียบ ๆ ไปตลอดทาง เหมือนลูกชายและลูกเขยผู้กตัญญูตามมาดูแลแม่และแม่สามีที่ฮ่องกง

ตอนนี้เมื่อเขาได้ยินคำพูดของเผยเจิ้งผู่ก็พยักหน้าอย่างเป็นกันเอง

เหยาจิ้งจือกับซูหว่านอี๋อดไม่ได้ที่จะหันมองเซี่ยเจ๋อหลี่สักครู่หนึ่ง

เดิมทีพวกหล่อนคิดว่าเซี่ยเจ๋อหลี่มาฮ่องกงเพราะพวกหล่อนจริง ๆ แต่หลังจากที่เห็นชายมีหนวดเคราที่อยู่ถัดจากหลิวเสวียข่ายมองมาที่เซี่ยเจ๋อหลี่ สุดท้ายก็จำได้ว่าเป็นเฉาเจิ้งหนานที่เคยมาบ้าน จึงได้ค้นพบหลังจากนั้นว่าการที่เซี่ยเจ๋อหลี่มาที่ฮ่องกงคงไม่ใช่เรื่องธรรมดา

แต่พวกหล่อนก็ไม่ได้พูดอะไร ก่อนหน้านี้ทำตัวอย่างไร ตอนนี้ก็ยังเป็นแบบนั้น

หลังจากคนกลุ่มหนึ่งมาถึงโรงแรม แต่ละคนก็ตรงเข้าห้องพักของตนทันที

เหยาจิ้งจือกับซูหว่านอี๋ยังกังวลนิดหน่อย จึงหาโอกาสไปที่ห้องพักของเซี่ยเจ๋อหลี่

เซี่ยเจ๋อหลี่เห็นแม่และแม่ยายมาหา จึงรีบเอ่ยทั้งรอยยิ้ม “แม่ พวกแม่อยากออกไปเดินเล่นไหมครับ ให้ผมออกไปด้วยไหม”

ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือต่างส่ายหัว จากนั้นก็หันมองสำรวจโดยรอบ

เซี่ยเจ๋อหลี่เห็นทั้งสองมีท่าทางแบบนี้ จึงคาดเดาได้ว่าพวกหล่อนจะพูดอะไรกับตน จึงพยักหน้าแล้วบอกกล่าวตามตรง “แม่ครับ พูดออกมาไม่เป็นไรหรอก ผมสำรวจห้องเรียบร้อยแล้ว ในห้องปลอดภัยดีครับ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือต่างก็โล่งใจ จากนั้นทั้งสองก็รีบถามถึงเฉาเจิ้งหนาน

เซี่ยเจ่อหลี่ไม่ทันคาดคิดว่าการปลอมตัวของเฉาเจิ้งหนานจะยังมีข้อบกพร่อง ขณะเดียวกันก็รู้สึกแปลกใจกับทักษะการช่างสังเกตของซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือ “แม่ พวกแม่จำเขาได้”

“ถึงเขาจะแตกต่างจากเดิม แต่บุคลิกของเขาไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนเลย เห็นสายตาเวลามองยังเหมือนเดิม พวกเราก็คิดมาสักพักแล้วว่าต้องเป็นเขาแน่”

………………………………………………………………………………………………………………………….

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท