ตอนที่ 404 แม่ทัพผู้แพ้สงคราม
เมืองหลวง!
จวนองค์หญิงจู้หยาง…
วันที่สองแห่งการเริ่มต้นสงครามป้องกันแคว้นชี ในที่สุดเยียนอวิ๋นเกอก็ได้รับข่าวที่ถูกส่งมาจากเรือนพักร่ำรวย
นางนั่งอยู่ในห้องตำรา ไม่พูดไม่จาเป็นเวลานาน
สาวรับใช้อาเป่ยเป็นห่วงนางอย่างมาก
“คุณหนูเป็นอันใดหรือไม่”
เยียนอวิ๋นเกอส่ายหน้าเล็กน้อย “โจรกบฏปล่อยแคว้นที่ร่ำรวยเอาไว้ วิ่งไปตีแคว้นชีที่ยากจน มีจุดประสงค์ใดกัน หรือว่าชื่นชอบแคว้นชีที่ยากจน ชื่นชอบแคว้นชีที่เป็นหุบเขาหรือ ไม่สมเหตุสมผล! พวกมันไม่ใช่โจรกบฏกลุ่มเล็กที่มีเพียงไม่กี่พันคน สามารถหันหลังกลับได้ทุกเวลา
พวกมันเป็นโจรกบฏที่มีกำลังพลถึงสองสามแสนนาย มีขนาดใหญ่โตถึงกับทำให้บรรดาขุนนางราชสำนักต่างตื่นตระหนก! นอกจากนี้ ซือหม่าโต่วเพียงแค่พ่ายแพ้ชั่วคราว แต่ฐานกำลังของเขายังอยู่ กำลังพลก็ยังอยู่ เขาไม่จำเป็นต้องแยกกำลังพลไปโจมตีแคว้นชี”
บนโต๊ะมีแผนที่ของพื้นที่แถบนครบาลที่มีความแม่นยำวางอยู่ เรียกได้ว่าเป็นแผนที่ที่สุดยอดที่สุดในปัจจุบัน
สามารถมองเห็นถนนสายต่างๆ ของนครบาล นอกจากนี้ยังเห็นว่าเทือกเขากี่ลูก มีคูเมืองมากน้อยเพียงใด
จำนวนประชากรของแต่ละแคว้นโดยคร่าวๆ
นางจ้องมองแผนที่ นิ้วมือเคลื่อนไหวไปบนแผนที่
ไม่ว่าจะมองอย่างไร นางก็ไม่เข้าใจกลยุทธ์ในการทำสงครามของซือหม่าโต่ว
ไม่มีเหตุผลที่จะต้องตีแคว้นชี!
หากสงครามไม่ราบรื่น ถูกกองทัพใต้ไล่ตามทัน พวกเขามีเพียงต้องหลบขึ้นไปบนภูเขา
ภูเขาที่กว้างใหญ่ไพศาล เข้าไปแสนคน สามารถมีชีวิตรอดกลับมาหมื่นคนก็ถือว่ามีความสามารถมากแล้ว!
บนภูเขาไม่มีหนทาง!
ภายในมีอันตรายมากมาย
เพียงแค่แมลงสัตว์กัดต่อยก็สามารถก่อให้เกิดโณคร้ายที่จะคร่าชีวิตของคนส่วนใหญ่ได้
ภูเขาสมัยนี้ สัตว์ป่าเป็นเรื่องเล็กน้อย
สิ่งที่คร่าชีวิตมักจะเป็นสิ่งที่ง่ายต่อการละเลย อาทิ ดอกไม้หรือต้นหญ้าที่มีพิษ งู แมลง หนู หรือ มดต่างๆ…
สมัยนี้ไม่มียาปฏิชีวนะ ไม่มีชุดปฐมพยาบาลฉุกเฉิน ในกลุ่มโจรกบฏไม่มีแม้แต่ไต้ฟูที่เข้าท่า หรืออาจจะไม่มีด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ยังไม่มีรองเท้าบูททางการทหารที่ห่อหุ้มอย่างแน่นหนา
เวลานี้เป็นช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวระหว่างฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน เป็นฤดูกาลที่คึกคักที่สุดและอันตรายที่สุดในภูเขาตลอดปี
ทุกก้าวที่โจรกบฏเดินอยู่ในภูเขามีความเป็นไปได้ที่จะคร่าชีวิตของพวกเขา
ภูเขาที่กว้างใหญ่ไม่อาจเดินออกไปได้ด้วยเวลาเพียงหนึ่งหรือสองวัน
หากไม่มีเวลาสิบวันถึงครึ่งเดือน หรืออาจจะหนึ่งเดือน อย่าคิดจะนำคนจำนวนมากเดินออกจากภูเขาไปอย่างราบรื่น
การโจมตีแคว้นชีเป็นการตัดสินใจที่ไม่เหลือทางรอดให้ตัวเองอย่างเห็นได้ชัด
ไม่สมเหตุสมผล!
บ้าคลั่งราวกับคนเสียสติ!
มันไม่สอดคล้องกับจุดเด่นในการทำสงครามของโจรกบฏอย่างซือหม่าโต่ว
ที่ผ่านมา หากซือหม่าโต่วคิดว่าชนะก็จะสู้ หากไม่ชนะก็จะหนี
หนีไปให้ไกล หนีไปพักฟื้นยังสถานที่ที่ปลอดภัย
กองทัพใต้ไล่ล่าอยู่ด้านหลัง แคว้นชีไม่ใช่พื้นที่ที่ปลอดภัย
“บ่าวไม่เข้าใจเรื่องที่คุณหนูพูด แต่นายน้อยอี้รู้ว่าต้องทำสงครามอย่างไร หากคุณหนูสงสัย สู้ถามนายน้อยอี้ดีกว่าหรือไม่”
“เขาไม่อยู่ในเมืองหลวง ข้าจะไปหาเขาจากที่ใด”
“คุณหนูให้คนส่งจดหมายไปที่จวนท่านอ๋องตงผิง คิดวาจวนท่านอ๋องตงผิงย่อมมีวิธีติดต่อนายน้อยอี้ได้”
เยียนอวิ๋นเกอครุ่นคิด พยักหน้าพลันพูด “เจ้าพูดมีเหตุผล เซียวอี้ย่อมมีการติดตอกับจวนท่านอ๋องตงผิง”
สาวรับใช้อาเป่ยถามขึ้นอีก “คุณหนูไม่เป็นห่วงเรือนพักหรือ เรือนพักส่งกำลังพลไปช่วยเหลือแคว้นชี หากไม่สามารถรบชนะได้จะทำอย่างใด พวกเขาเป็นองครักษ์ที่คุณหนูสิ้นเปลืองเวลานับหลายปี เงินจำนวนมหาศาลในการก่อตั้งขึ้นมา แต่ละคนล้วนเป็นสมบัติที่ใช้เงินขุนขึ้นมา ตายแม้แต่คนเดียวก็น่าเจ็บใจ”
เยียนอวิ๋นเกอพูด “ค่ายองครักษ์ต้องลงสู่สนามรบไม่ช้าก็เร็ว คราวนี้ช่วยเหลือแคว้นชีในการโจมตีโจรกบฏเป็นโอกาสในการฝึกฝนที่ดีมาก ถึงแม้ข้าอยู่ในเรือนพัก ข้าก็จะเห็นด้วยกับการส่งกำลังพลไปช่วยเหลือแคว้นชี
นอกจานี้ แคว้นชีเป็นเกาะป้องกันของเรือนพักร่ำรวย หากแคว้นชีแตก โจรกบฏอาจบุกโจมตีเรือนพักร่ำรวย เรือนพักไม่มีกำแพง หากเกิดการปะทะขึ้นมา ไม่รู้จะมีคนตายมากน้อยเพียงใด”
“คุณหนูไตร่ตรองได้อย่างรอบคอบ! หวังว่าโจรกบฏกลุ่มนั้นจะไม่ใจกล้าถึงกับโจมตีเรือนพัก”
…
โจรกบฏซือหม่าโต่วเลือกโจมตีเมืองหลวง เห็นได้ชัดว่ามีการเตรียมตัวมาก่อน
ไม่ได้ยโสโอหัง ไม่กลัวตายเหมือนที่ทุกคนคิด
ภายนอก โจรกบฏแบ่งแยกกองกำลังเป็นสองกลุ่ม
กลุ่มหนี่งถ่วงฝีเท้าของกองทัพใต้เอาไว้ ทำให้กองทัพใต้เหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง
อีกกลุ่มโจมตีแคว้นชี หาพื้นที่พักฟื้นกำลัง
แต่ความจริงแล้ว โจรกบฏแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม
โจรกบฏ ซือหม่าโต่วนำกำลังพลที่มีความเชี่ยวชาญด้วยตนเอง ปล้นชิงหมู่บ้าน เมืองและเรือนพักระหว่างทาง…
ปล้นทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับกองทัพ มุ่งหน้ามาทางเมืองหลวง
เมืองหลวงตื่นตระหนกอย่างยิ่ง!
ข่าวถูกส่งไปยังกองทัพใต้ แม่ทัพกองทัพใต้เกือบกระอักเลือดหมดสติไป
หากเนื่องจากการตัดสินใจที่ผิดพลาดของเขา ส่งผลให้โจรกฎบุกเข้าเมืองหลวง หรือโจมตีเมืองหลวง เขาต้องถูกประหาร ถูกยึดทรัพย์ หรืออาจถูกประหารทั้งตระกูลอย่างแน่นอน
แม่ทัพกองทัพใต้ไม่สนใจโจรกบฏที่อยู่ตรงหน้า เขาตัดสินใจออกคำสั่งถอยทัพ เดินทัพกลับไปช่วยเหลือเมืองหลวง
ทันทีที่กองทัพใต้จากไป โจรกบฏทั้งหมดรวมทั้งโจรกบฏที่โจมตีแคว้นชีต่างหันกลับมาไล่ล่ากองทัพใต้อยู่ด้านหลัง
พวกเขาต่างมุ่งไปทางเมืองหลวง!
ไม่คิดว่าในขณะที่กองทัพใต้เคลื่อนกำลังพลผ่านหุบเขานั้นจะถูกซุ่มโจมตี…
กองทัพใต้พ่ายแพ้!
สูญเสียกำลังพล!
แม่ทัพกองทัพใต้นำกำลังพลส่วนที่เหลือบุกฝ่าวงล้อมออกมา
กระทั่งเวลานี้ แม่ทัพกองทัพใต้ถึงตระหนักได้ว่า โจรกบฏบุกโจมตีเมืองหลวงเป็นเรื่องหลอกลวง ซุ่มโจมตีกองทัพใต้ถึงจะเป็นเรื่องจริง
เห็นได้ชัดว่าข้างกายซือหม่าโต่วมีผู้มากความสามารถที่รู้เรื่องทหารคอยชี้แนะ
เขาไม่ใช่เด็กชนบทที่เคยถูกคนดูถูกอีกต่อไปแล้ว
การพ่ายแพ้ของกองทัพใต้ทำให้สถานการณ์ในเมืองหลวงวิกฤต
แม่ทัพกองทัพใต้นำกำลังพลส่วนที่เหลือถอยกลับเมืองหลวง ใช้เมืองหลวงเป็นฐานป้องกัน เวลานี้พวกเขาไม่มีกำลังที่เพียงพอในการออกไปสู้รบ
สถานการณ์พลิกผันภายในชั่วพริบตา!
พื้นที่บริเวณนครบาลกลายเป็นพื้นที่ปราศจากการป้องกัน ไม่มีการตอบโต้ที่เข้าท่า โจรกบฏไปกลับนครบาลได้อย่างอิสระ
แปลงนานับไม่ถ้วนเผชิญกับการชิงปล้น
ประชาชนมากมายถูกเข่นฆ่า ปล้นทรัพย์!
เมื่อมีเสบียงที่เพียงพอ รวมไปถึงจำนวนคนถูกเติมเต็ม ความแข็งแกร่งของโจรกบฏ ซือหม่าโจ่วก็เพิ่มขึ้นอย่างพุ่งกระฉูด เรียกได้ว่าไร้เทียมทาน
มีเพียงเรือนพักร่ำรวยที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลยังไม่ถูกโจรกบฏโจมตี แต่ทุกคนในเรือนพักต่างก็หวาดผวา
ทุกคนกำลังรอคอยการช่วยเหลือเมืองหลวงของกองทัพท้องถิ่น
ต้องสังหารโจรกบฏ ซือหม่าโต่วให้ได้!
…
ความจริงแล้วโจรกบฏ ซือหม่าโต่วไม่ได้มีความคิดโจมตีเมืองหลวง พลิกฟ้าเปลี่ยนแผ่นดินตั้งแต่แรก
แต่เวลานี้ เขาที่มีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นนั้น เมื่อเขามองดูเมืองหลวงที่มีกำแพงตั้งสูงตะหง่าน หัวใจของเขาก็หวั่นไหวขึ้นมา!
ฉวยโอกาสที่กองกำลังช่วยเหลือเมืองหลวงยังมาไม่ถึง เขาอยากจะลองโจมตีเมืองหลวง
หากบุกโจมตีเข้าไปได้ เขาก็มีต้นทุนในการพลิกฟ้าเปลี่ยนแผ่นดิน…
หากบุกโจมจตีเข้าไปไม่ได้ เมื่อถึงเวลานั้นค่อยไตร่ตรองเรื่องการถอนกำลังก็ยังไม่สาย
กุนซือห้ามปราม!
กำแพงของเมืองหลวงนี้เป็นเกาะป้องกันที่ยากจะก้าวข้ามสำหรับทุกคน
“กำแพงสูงสิบสองจ้าง กว้างสิบห้าจ้าง ไม่มีทางจะเปิดประตูเมืองของเมืองหลวงได้!”
“ไม่ลองจะรู้ได้อย่างไรว่าไม่ได้ ตีไม่ลงก็ใช้การซื้อตัวคน เพียงแค่ซื้อตัวคนบางคนในเมืองหลวงได้ ให้พวกเขาเปิดประตูเมืองให้ เมืองหลวงย่อมตีลงมาได้ เจ้าไม่ได้มักบอกว่า ฮ่องเต้ไม่กลมเกลียวกับขุนนางหรือ ในเมื่อไม่กลมเกลียว ย่อมมีความเป็นไปได้ที่จะซื้อตัว!”
“แต่โอกาสยังไม่ถึงที่ สาเหตุที่พวกเราสามารถบุกมาถึงเมืองหลวงได้อย่างราบรื่นล้วนเป็นเพราะกำลังหลักของราชสำนักล้วนอยู่ที่ด่านหน้าทางเหนือ ถูกอูเหิงถ่วงฝีเท้าเอาไว้ ไม่อาจแบ่งกองกำลังออกมาได้ชั่วคราว หากกองทัพทางเหนือล้วนหันหลังกลับมา พวกเราไม่มีกำลังพอที่จะเผชิญหน้าแม้แต่น้อย”
“อย่าได้ยกยอความกล้าหาญของผู้อื่น ดับความองอาจของตนเอง! หากไม่ลองดู จะรู้ได้อย่างไรว่าสู้กำลังหลักของราชสำนักนั้นไม่ได้ หรือว่ากองทัพใต้ไม่ถือเป็นกำลังหลักของราชสำนัก”
“กองทัพใต้ถูกละเลยมาตั้งแต่หลายสิบปีก่อน ไม่มีกำลังการต่อสู้เทียบเท่าครึ่งหนึ่งของกองทัพเหนือ อีกทั้งการต่อสู้ครั้งนี้ กองทัพใต้ขยายกองกำลังเร่งด่วน ทำให้กำลังการต่อสู้ถูกบั่นทอนลงอีกครั้ง ดังนั้นพวกเราจึงฉวยโอกาสได้ แม่ทัพใหญ่ต้องระมัดระวังให้มาก! พวกเราจะตีเมืองหลวงไม่ได้ อย่างน้อยเวลานี้ยังไม่ได้!”
ซือหม่าโต่วแต่งตั้งตนเองเป็นแม่ทัพใหญ่ตามบัญชาของสวรรค์ ตามเสียงเรียกร้องของประชาชน คนเบื้องล่างเขาต่างเรียกเขาว่าแม่ทัพใหญ่
ซือหม่าโต่วยืนกรานที่จะโจมตีเมืองหลวง
จะได้รับชัยชนะหรือไม่นั้นเป็นเรื่องรอง เขาก็แค่อยากโจมตี สร้างความหวาดกลัวให้ฮ่องเต้ในวังหลวง สร้างความหวาดกลัวให้แผ่นดิน สร้างความหวาดกลัวให้ผู้คน
เขาซือหม่าโต่วย่อมจะนั่งบนบัลลังก์มังกรในสักวันหนึ่ง…
…
กองทัพใต้พ่ายแพ้สงครามราวกับไม่ได้ถูกยอมรับยากเพียงนั้น
อย่างนั้น ทันทีที่ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้ได้รับข่าวนั้น เขาไม่ได้กระอักเลือดหมดสติไป
กองทัพใต้ถอยกลับเมืองหลวง ใช้เมืองหลวงเป็นฐานทัพในการเฝ้าระวัง
แต่ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้ไม่เชื่อใจแม่ทัพกองทัพใต้ เซวียเสวียอีกอย่างเห็นได้ชัด
ฮ่องเต้ทรงปลดตำแหน่งทั้งหมดของแม่ทัพกองทัพใต้ เซวียเสวีย พร้อมทั้งอำนาจทางการทหารของเขาในการประชุมท้องพระโรง
นอกจากนี้ยังรับสั่งให้ประหารแม่ทัพกองทัพใต้ เซวียเสวีย!
บรรดาขุนนางต่างเห็นด้วย
แต่พวกเขาเสนอให้เลื่อนการประหารออกไปก่อน
เวลานี้จำเป็นต้องใช้แม่ทัพ หากประหารเซวียเสวียในเวลานี้ เกรงว่าจะมีอิทธิพลต่อพลทหาร
ฮ่องเต้ทรงยอมรับข้อเสนอ เขาให้องครักษ์จินอู่คุมตัวเซวียเสวีย กักขังไว้ในคุกหลวงก่อน รอประหารชีวิตในภายหลัง!
“ขุนนางทุกท่าน เวลานี้ผู้ใดสามารถรับหน้าที่แม่ทัพกองทัพใต้ ช่วงข้าแก้ไขปัญหาได้บ้าง!”
“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมขอทูลเสนอ บางทีอาจมีโอกาสกอบกู้สถานการณ์ โจมตีโจรกบฏจนสิ้นไร้ไม้ตอกได้!”
“อ๋อ? ผู้ที่มีความสามารถในการกอบกู้สถานการณ์ที่เจ้าพูดถึงคือผู้ใดกัน”
“กระหม่อมขอทูลเสนอให้นายน้อยอี้แห่งจวนท่านอ๋องตงผิงรับหน้าที่แม่ทัพกองทัพใต้!”