ตอนที่ 187 นี่คือเจ้าลิงน้อยที่เติบโตขึ้นงั้นหรอ
พลทหารนายนั้นก็ก้าวออกมาแล้วต้องการจะบังคับจ้าวชูคุกเข่าทำความเคารพ ต้วนหวูเหินก็ได้ยกมือขึ้นขวางมันไว้ “ปล่อยไป”
ท่าทางที่เงียบขรึมของต้วนหวูเหินทำให้บอกยากมากว่าเขาไม่พอใจในเรื่องนี้หรือไม่
“ได้ขอรับ องค์ชายลำดับที่ 2!”พลทหารคนนั้นก็ตอบรับอย่างเคารพและล่าถอยไปอยู่ด้านข้าง
พอเฝ้าดูฉากที่เกิดขึ้นนี้ หยางกังก็รู้สึกยินดีอย่างลับๆ แม้ว่าต้วนหวูเหินจะไม่ได้พูดอะไร แต่หยางกังก็มั่นใจว่าองค์ชายสองจะต้องโกรธหวงเสี่ยวหลงอยู่ภายใน
หวงเสี่ยวหลงผู้นี้ไม่รู้เรื่องแม้แต่วิธีสั่งสอนข้ารับใช้อันต่ำต้อยเลย มันผู้นี้เป็นคนที่ซวยจริงๆ!
ปังหยูและคนที่อิจฉาหวงเสี่ยวหลงทุกคนก็รู้สึกมีความสุขกับสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของหวงเสี่ยวหลงที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า
ต้วนหวูเหินก็เดินออกมาอยู่ข้างหน้ากลุ่ม เขาก็มองดูฝูงชนแล้วแล้วหัวเราะออกมาอย่างสงบเสงี่ยม “ข้าขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่อยู่ที่นี่สำหรับการเป็นผู้ชนะเลิศหนึ่งร้อยอันดับแรกในการประลองเมืองจักรพรรดิในปีนี้ จากนี้ไปทุกคนจะได้เป็นนักศึกษาของสถาบันต้วนเริ่น!”
คำพูดของต้วนหวูเหินทำให้ทุกคนแสดงปฏิกิริยาแตกต่างกันออกไปแต่อัจฉริยะส่วนใหญ่ต่างแสดงความตื่นเต้นขึ้นบนใบหน้า
สถาบันต้วนเริ่นนั้นเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในจักรวรรดิต้วนเริ่น
การได้เข้าเรียนในสถาบันต้วนเริ่นเป็นเกียรติยศสูงสุดของคนทุกคนในจักรวรรดิต้วนเริ่น
ต่อมา ต้วนหวูเหินก็ส่งสัญญาณให้เฉิงเจียนเริ่มแจกรางวัลโดยไม่ชักช้า
รางวัลจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน
ส่วนแรกเป็นของผู้ชนะเลิศอันดับ 11 ถึง 100
ส่วนที่ 2 เป็นของผู้ชนะเลิศ อันดับ 2 ถึง 10
และส่วนที่ 3 เป็นของผู้ชนะเลิศอันดัน 1!
ในส่วนแรกมีทั้งหมด 90 คนซึ่งใช้เวลานานที่สุด ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงการแจกรางวัลส่วนแรกก็เสร็จสิ้น ในส่วนต่อมาเป็นของเซี่ยพูถี หยางกัง ปังหยู และคนที่เหลือ
หลังจากอันดับ 2 ถึง 10 รับรางวัลเรียบร้อย ในที่สุดก็ถึงคราของหวงเสี่ยวหลง และต้วนหวูเหินก็เป็นคนมอบรางวัลให้กับหวงเสี่ยวหลงเป็นการส่วนตัวแต่ทาว่าเซี่ยพูถีและคนที่เหลือทั้งหมด 90 คน เฉิงเจียนเป็นคนมอบให้ ต้วนหวูเหินเป็นคนมอบรางวัลให้หวงเสี่ยวหลงเพียงลำพัง
ในสายตาของคนอย่างหยางกัง การได้รับมอบรางวัลโดยต้วนหวูเหินถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง
ต้วนหวุเหินได้ส่งแหวนมิติที่มีหินวิญญาณระดับ 1 20 ชิ้น และโอสถวิญญาณระดับ 6 ขั้นสูงให้แก่หวงเสี่ยวหลง
ในอาณาจักลั่วถาง มี้พียงราชาคนเดียวเท่านั้นที่มีความสามารถพอจะเป็นเจ้าของแหวนมิติ แต่ในจักรวรรดิต้วนเริ่นแห่งนี้มันไม่ใช่ของพิเศษหรือหายากอะไร
สมาชิกหลักของตระกูลใหญ่ส่วนใหญ่ในจักรวรรดิต้วนหเริ่นก็มีแหวนมิติอยู่ถมเถไป
เมื่อหวงเสี่ยวหลงรับแหวนมิติที่มีหินวิญญาณระดับ 1 20 ชิ้น และโอสถวิญญาณระดับ 6 ขั้นสูง ต้วนหวุเหินก็ยิ้มขึ้น “ หวงเสี่ยวหลงข้าหวังว่าเจ้าจะทะลวงเข่าสู่ขั้นเทวะในสักวันนึงแล้วกลายเป็นผู้พิทักษ์แห่งจักรวรรดิต้วนเริ่นของเรา !”
หวงเสี่ยวหลงก็อึ้งแล้วพยักหน้าในเวลาเดียวกัน
ผู้พิทักษ์แห่งจักรวรรดิต้วนเริ่น
หวงเสี่ยวหลงรู้ว่าพวกนี้มันก็แค่คำพูดจำเจ แต่หวงเสี่ยวหลงก็รู้สึกยินดีกับโอกาสที่จะทะลวงเข้าสูขั้นเทวะของตัวเองและวันนั้นจะมาถึงในอีกไม่นาน!
ณ ตอนนี้ เฉิงเจียนก็เดินออกมาข้างหน้าและประกาศพิธีสุดท้ายแล้วให้พวกเขาออกไปจากจัตุรัสของพระราชวัง
ทุกคนยอมทำตามอย่างเคารพแล้วเดินออกกันไป
แต่เมื่อหวงเสี่ยวหลงกำลังจะออกไปต้วนหวูเหินก็พูดขึ้น “หวงเสี่ยวหลง เจ้าอยู่รอก่อนสักพัก เสด็จพ่อของข้าต้องการพบเจ้า”
เรื่องนี้ทำให้ทุกคนตื่นตระหนก
จักรพรรดิต้วนเริ่นต้องการพบหวงเสี่ยวหลง!
ณ จุดๆ นี้ แม้แต่เซี่ยพูถีก็ทนไม่ไหวจนรู้สึกอิจฉาขึ้นมาเล็กน้อย จักรพรรดิต้วนเริ่นคือผู้ก่อตั้งจักรวรรดิต้วนเริ่น ซึ่งตัวตนอันสูงส่งภายในหัวใจของประชาชนทุกคนแห่งจักรวรรดิต้วนเริ่น และตัวตนอันสูงส่งท่านนี้ได้เรียกหาหวงเสี่ยวหลง!
ไม่มีผู้ชนะเลิศรุ่นแห่งการประลองจักรพรรดิรุ่นใหนที่จะได้รับเกียรติขนาดนี้มาก่อน!
ภายในใจหยางกังและคนที่เหลือก็รู้สึกว้าวุ่นใจอยู่ภายใน
ก่อนที่จะออกไป สุดท้ายฉุ่ยหลี่ก็ใช้ดวงตาหันไปมองเงาของหวงเสี่ยวหลง
ต้วนหวูเหินรอจนกระทั่งเซี่ยพูถี ฉุ่ยหลี่และคนที่เหลือหายไปจากสายตาก่อนแล้วพูดออกมาอีกว่า “หวงเสี่ยวหลงตามกับข้ามา” โดยไม่รอคำตอบต้วนหวูเหินและเฉิงเจียนก็หันหน้าไปเดินนำไปแล้วปล่อยให้หวงเสี่ยวหลงและจ้าวชูเดินตามไปออกไปด้านขวาของจัตุรัส
พระราชวังจักรวรรดิต้วนเริ่นคลอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ พวกเขาเดินผ่านห้องโถงใหญ่ จัตุรัสเล็กใหญ่ และทางเดินทั้งหมดหลายต่อหลายแห่งจนกระทั่งต้วนหวุเหินและเฉิงเจียนมาหยุดอยู่ตรงหน้า สิ่งก่อสร้างของพระราชวังที่เหมือนถ้ำ
กองทหารองค์รักษ์ยืนเรียงเป็นหน้ากระดานแถวเดี่ยวอยู่ด้านหน้า
ต้วนหวุเหิน เฉิงเจียน หวงเสี่ยวหลงและจ้าวชูก็เข้าไปข้างใน
พวกเขาเดินต่อไปเรื่อยโดยผ่านสวนหย่อมอีก 4 แห่งแล้วมาถึงห้องโถงอันยิ่งใหญ่
ปลายสุดห้องโถงอันยิ่งใหญ่มีชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมมังกรสีเหลืองทอง ตรงกลางคิ้วของชายวัยกลางคนนี้มีรอยประทับดาบหัก เขาจะเป็นใครไปไม่ได้อีกนอกจากจักรพรรดิต้วยเริ่น!
พอเข้ามาในห้องโถงอันยิ่งใหญ่ เฉิงเจียนและต้วนหวูเหินรีบเข้ามาแสดงความเคารพแต่ทันทีพวกเขาก็เห็นจักรพรรดิต้วนเริ่นก้าวออกมาด้วยไม่หน้าไม่มีความสุข ซึ่งเขาได้กระโดดลงมาจากบันลังก์แล้วก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ต้วนหวูเหินและเฉิงเจียนก็มึนงง
จักรพรรดิต้วนเริ่นกลับเดินเข้ามาหากลุ่มของต้วนหวุเหินแทนงั้นหรอ?
“เสด็จพ่อ!”ต้วนหวูเหินก็เดินออกมาแล้วร้องเรียกออกไปแต่ราวกับจักรพรรดิต้วนเริ่นมองไม่เห็นเขาเลยสักนิด ก่อนที่ดวงตาของต้วนหวูเหินและเฉิงเจียนจะตกตะลึง จักรพรรดิต้วนเริ่นก็เดกินผ่านพวกเขาไปแล้วมุ่งหน้าไปหาจ้าวชูที่อยู่ข้างหวงเสี่ยวหลง เขาได้กล่าวออกมาอย่างสุภาพด้วยวคามตื่นเต้น “ท่านคือท่าจ้าวสินะขอรับ?”
ท่านจ้าว?!!
ดวงตาของต้วนหวูเหินและเฉิงเจียนก็เกือบจะหลุดออกมาจากเบ้าตา และบนใบหน้าของพวกเขาแสดงออกอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เมื่อกี้จักรพรรดิต้วนเริ่นเรียกผ็คุ้มกันที่อยู่ข้างหวงเสี่ยวหลงว่าอะไรกัน? ท่านจ้าวงั้นหรอ?
ท่าน!
ตอนนี้แม้แต่หวงเสี่ยวหลงก็ตกตะลึงและประหลาดใจอย่างมาก
มันเหมือนกับฟ้าฝ่าใส่สมองหวงเสี่ยวหลง หรือว่าคนรู้จักเก่าที่จ้าวชูพูดถึงเมื่อก่อหน้านี้จะเป็นจักรพรรดิต้วนเริ่น?!
เป็นจักรพรรดิต้วนเริ่นเองสินะเนี่ย!
เรื่องราวกับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วซึ่งต้วนเหวูเหินและเฉินเจียงก็ยังพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น จ้าวชูก็ยิ้มให้จักรพรรดิต้วนเริ่น “ไม่เลว ในที่สุดเจ่าลิงน้อยเมื่อปีนั้นก็เติบโตขึ้นแล้ว 1 พันปีผ่านไป ไม่เพียงแต่เจ้าจะบรรลุขั้นเทวะแต่เจ้าก็ยังสร้างจักรวรรดิขึ้นอีกด้วย!”
เจ้าลิงน้อย?!
ในที่สุดก็เติบโต?!
พอได้ฟังชื่อเรียกสัตวเลี้ยงที่จ้าวชูใช้กับจักรพรรดิต้วนเริ่น ต้วนหวุเหินและเฉิงเจียนก็เข่าอ่อนจนแทบจะล้มลงไป
แต่ทว่าจักรพรรดิต้วนกลับแสดงสีหน้าอับอายแล้วพูดไปว่า “ก็แค่จักรวรรดิต้วนเริ่นเล็กๆเอง ท่านจ้าวช่างล้อเล่นยิ่งนัก”
จ้าวชุก็พยักหน้าแล้วกล่าวออกมาว่า “นี่คือนายน้อยของข้า” เขาก็ชี้นิ่วไปที่หวงเสี่ยวหลง
“นายน้อย?!”จักรพรรดิต้วนเริ่นก็แสดงท่าทางสับสนมึนงงในขณะที่เข้าจ้องมองหวงเสี่ยวหลง จากนั้น ความตื่นตระหนกก็ปะทุขึ้นในเจาเพราะเขารู้จักตัวตนของจ้าวชูอย่างชัดเจน เมื่อ 1 พันปีก่อน และก่อนที่เขาจะได้ทะลวงเข้าสู่ขั้นเทวะ จ้าวชูนั้นเป็นนักรบขั้นเทวะอยู่ก่อนแล้ว
“เสด็จพ่อ นี่คือน้องหวงเสี่ยวหลง!”ในช่วงสำคัญ ต้วนหวุเฟหินก็ก้าวออกมาอย่างรวดเร็ว เขาระงับความตกใจที่เกิดขึ้นในใจแล้ว แนะนำหวงเสี่ยวหลงให้จักรพรรดิต้วนเริ่น
ต้วนหวูเหินใช้วิธีเรียกหวงเสี่ยวหลงให้สุภาพขึ้น
แต่ในครู่ต่อมา จักรพรรดิต้วนเริ่นก็มองหวงเสี่ยวหลงแล้วหัวเราออกมาอย่างเป็นมิตร “งั้นหรอ ท่านคือผู้ชนะเลิศการประลองเมืองจักรพรรดิในปีนี้ นายน้อยหวงนั่นเอง”
นายน้อยหวง! จักรพรรดิต้วนเริ่นใช้คำสุภาพขนาดนี้เลยหรอ!
เม็ดเหงื่อก็ผุดขึ้นบนหน้าผากต้วนหวุเหิน นี่เขาเรียกหวงเสี่ยวหลงว่า *น้องหวง*ไม่หยาบคายเกินไปงั้นหรอ? สำหรับเฉินเจียงนั้นคิดอะไรไม่ได้จนนิ่งเงียบเป็นรูปปั้นเลย
“จักรพรรดิต้วนเริ่นก็สุภาพเกินไป”หวงเสี่ยวหลงก็รีบตอบออกมาอย่างรวดเร็ว
“ไม่ ไม่ ไม่ ในอนาคตนายน้อยหวงก็เรียกข้าด้วยชื่อก็พอแล้ว เรียกข้าแค่ต้วนเริ่นพอ”จักรพรรดิต้วนเริ่นยืนกรานอย่างหนักแน่น
ร่างของต้วนหวูเหินและเฉินเจียนก็มีเหงื่อหลั่งไหลออกมาราวกับตาน้ำที่มีน้ำไหลหรากออกมา
“นี่…!”หวงเสี่ยวหลงก็มอง เรื่องนี้เปลี่ยนไปเร็วมาก บอกตามตรงคือหวงเสี่ยวหลงรู้สึกอึ้งกับปฏิกิริยาความเมินเฉยของตัวเอง มันไม่ได้เกิดขึ้นกับเขาเพราะ*คนรู้จักเก่า* ขอบงจ้าวชู ที่เป็นจักรพรรดิ แต่มันเป็นเพราะชายผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ปฏิบัติกับเขาด้วยความเคารพต่างหาก!
เป็นเพราะจักรพรรดิต้วนเริ่นที่เป็นคนเรียกหวงเสี่ยวหลงมา แต่ทำไมเหตุการณ์ถึงพลิกผันไปได้หล่ะ?