Invincible โลกอมตะ – ตอนที่ 188

ตอนที่ 188

ตอนที่ 188 สายสัมพันธ์ระหว่างจ้าวชูและต้วนเริ่น

พอสังเกตเห็นหวงเสี่ยวหลงมองมาที่ตัวเอง จ้าวชูก็พยักหน้าเล็กน้อยแสดงให้เห็นว่าในอนาคตหวงเสี่ยวหลงควรจะเรียกชื่อตรงๆของจักรพรรดิต้วนเริ่น

 

หวงเสี่ยวหลงทำอะไรไม่ได้จนต้องยิ้มอย่างบิดเบี้ยวอยู่ภายใน เขาได้จินตนาการถึงตอนที่เขาเรียกชื่อของจักรพรรดิต้วนเริ่นตรงๆในที่สาธารณะ ซึ่งภาพที่เขาจิตนาการได้ออกมานั้นมันทำให้เขาหมดหนทางและรู้สึกปวดหัวขึ้น

 

สุดท้าย หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้าอย่างเงียบๆ

 

จักรพรรดิต้วนเริ่นก็รู้สึกยินดีที่หวงเสี่ยวหลงยอมรับ เขายิ้มออกมาแล้วหันหน้าไปหาจ้าวชูแล้วพูดออกมาอย่างเคารพ “ถ้าหากต้วนเริ่นรู้ว่าท่านจ้าวมาจักรวรรดิต้วนเริ่นหล่ะก็ ต้วนเริ่นผู้นี้จะออกไปต้อนรับก่อนแน่นอน ตอนนี้ ดูเหมือนว่าต้วนเริ่นผู้นี้จะทำตัวอวดดีเรียกท่านจ้าวเข้ามาในพระราชวัง  เรื่องนี้ทำให้ต้วนเริ่นรู้สึกไม่สบายใจยิ่งนัก” การที่เขาบอกว่ารู้สึกไม่สบายใจนั้นเป็นคำพูดที่พูดออกมาอย่างซื่อตรงและที่ยิ่งกว่านั้นก็คือร่างกายภายในชุดคลุมมังกรของเขาก็สั่นเทา

 

จ้าวชูก็โบกมืออย่างเป็นกันเอง “ไม่เป็นไรหรอก นายน้อยและข้าก็อยู่ในจักรวรรดิต้วนเริ่นมาสักพักได้แล้ว ในช่วงที่เราอยู่ที่นี่ เจ้าสามารถมาหาข้าได้หากเจ้ามีคำถามที่เกี่ยวข้องกับการบ่มเพาะของตัวเจ้าเอง”

 

ใบหน้าของจักรพรรดิต้วนเริ่นก็เปล่งประกายขึ้นด้วยความเคารพอย่างสุดขีดแล้วพูดออกมาว่า “จากนี้ต้วนเริ่นคงต้องติดหนี้จากความช่วยเหลือของท่านจ้าวแล้ว” แน่นอนว่าเมื่อเร็วๆนี้เขาได้ติดแหง็กในการบ่มเพาะของตัวเองทำให้เขาหมดหนทางในการดิ้นรนหาผู้ชี้แนะ

 

ครึ่งชั่วโมงต่อมา จักรพรรดิต้วนเริ่นก็มองหวงเสี่ยวหลงและจ้าวชูเดินออกไปจากห้องโถงอันยิ่งใหญ่ ที่จริงแล้ว จักรพรรดิต้วนเริ่นต้องการจะคุ้มกันหวงเสี่ยวหลงและจ้าวชูกลับไปคฤหาสน์เนินเขาทิศใต้ แต่หวงเสี่ยวหลงปฏิเสธความตั้งใจของเขาเพราะมันจะไปดึงดูดปัญหาที่ไม่พึงประสงค์เข้ามา ดังนั้นเขาเลยขอให้จักรพรรดิต้วนเริ่นทำคุ้มกันพวกเขาออกจากห้องโถงอันยิ่งใหญ่เพียงเท่านั้น แต่แม้จะเป็นแบบนั้น ขากรรไกรของพวกทหารองค์รักษ์ที่ยืนเรียงแถวหน้ากระดานอยู่ตรงทางเดินก็เกือบจะหล่นลงมาเมื่อพวกเขาได้เห็นจักรพรรดิต้วนเริ่นของพวกเขามาส่งหวงเสี่ยวหลงและจ้าวชูอออกไป  ดวงตาของพวกเขาก็ต่างเต็มไปด้วยความตกใจ

 

หลังจากคุ้มกันหวงเสี่ยวหลงและจ้าวชูออกไปด้วยความเคารพแล้ว จักรพรรดิต้วนเริ่นก็หันกลับเข้าไป แล้วไปพูดกับต้วนหวูเหินและเฉิงเจียนว่า “พวกเจ้าทั้งสองไปส่งนายน้อยหวงและท่านจ้าวกลับไปคฤหาสน์เนินเขาทิศใต้ด้วยนามของข้าซะ”

 

“ได้ขอรับ เสด็จพ่อ!”

 

“ได้ขอรับ ท่านองค์จักรพรรดิ!”

 

ทั้งต่วนหวูเหินและเฉิงเจียนก็ตอบออกมาอย่างเคารพทันที

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อทั้งสี่คนมุ่งหน้าไปที่ทางเข้าหลักของพระราชวัง หวงเสี่ยวหลงก็หยุดต้วนหวูเหินและเฉิงเจียน หวงเสี่ยวหลงก็หยุดการก้าวเดินของต้วนหวุเหินและเฉิงเจียน พอเห็นหวงเสี่ยวหลงเรียกร้อง ทั้งสองคนก็หวังงว่าจะปฏิเสธ ไม่งั้นพวกเขาจะได้รับโทษ หลังจากนัน้สักพัก เมื่อร่างของหวงเสี่ยวหลงและจ้าวชูหายไปจากวิสัยทัศน์ ทั้งสองคนก็กลับไปที่ห้องโถงอันยิ่งใหญ่ตามเดิมเพื่อรายงาน

 

จักรพรรดิต้วนเริ่นก็สังเกตทั้งสองคนที่ยืนอยู่ด้านล่างบัลลังก์ “พวกเจ้าทั้งสองรู้สึกสงสัยในตัวตนของท่านจ้าวใช่มั้ย?”

 

“เสด็จพ่อ  ท่านจ้าวคนนั้นคือ….?”ต้วนหวูเหินก้าวเท้ามาข้างหน้าแล้วสอบถามอย่างระมัดระวัง

 

“ท่านจ้าวนั้นเป็นเพื่อนสนิทของอาจารย์ของข้า”จักรพรรดิต้วนเริ่นก็พูดออกมาอย่างช้าๆและใช้น้ำเสียงที่คิดคำนึงถึงในขณะที่เขามองออกไปด้านหน้า แล้วนึกถึงความทรงจำต่างๆ “ประมาณ 1 พันปีก่อนเมื่อข้ายังอยู่ในระดับนักรบเหนือธรรมชาติ ท่านจ้าวก็เป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นนักบุญเทวะแล้ว”

 

จู่ๆใบหน้าของต้วนหวุเหินและเฉิงเจียนก็ตกอยู่ในอากาศตกใจทันที

 

เป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นนักบุญเทวะมาแล้วมากกว่า 1 พันปี! ในขณะที่ตอนนั้นจักรพรรดิต้วนเริ่นเป็นแค่นักรบเหนือธรรมชาติเท่านั้น

 

ผ่านไปสักพักต้วนหวูเหินก็พูดออกมาอีกครั้งว่า “เสด็จพ่อ งั้นท่านบรรพบุรุษตอนนี้ก็…?”เขาไม่เคยได้ยินเสด็จพ่อของเขาพูดถึงบรรพบุรุษเลย

 

“ท่านอาจารย์ตายไปแล้ว  เมื่อหนึ่งพันปีก่อนท่านอาจารย์ได้ถูกศัตรูล้อมฆ่า ในตอนนั้นท่านจ้าวชูได้พุ่งเข้ามาช่วยเหลือข้าไว้ ถ้าหากไม่ใช่เพราะท่านจ้าวชู ป่านนี้ข้าคงตายไปเหมือนกับท่านอาจารย์ในปีนั้นแล้ว!”จักรพรรดิต้วนเริ่นก็ถอนหายใจออกมา “ตอนที่ค้นหาของที่อาจารย์ให้ความสนใจ หลังจากที่ท่านจ้าวช่วยชีวิตข้าท่าจ้าวก็ดูแลข้าอย่างดีและยังแนะนำการบ่มเพาะของข้าในช่วงระยะเวลาหนึ่ง  พันปีช่างผ่านไปเร็วยิ่งนัก!”

 

ต้วนหวูเหินก็หันมามองแลกเปลี่ยนกัน

 

มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยงั้นสินะ!

 

ถ้าหากมันเป็นความจริงหล่ะก็ งั้นท่านจ้าวก็ไม่ใช่เพียงแค่ผู้อาวุโสของเสด็จพ่อ แต่เขาก็เป็นผู้ช่วยชีวิตเสด็จพ่อด้วยเหมือนกัน! ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็เป็นอาจารย์ของสเด็จพ่อด้วยครึ่งนึง!

 

ไมต้องสงสัยเลยว่าทำไมเสด็จพ่อถึงปฏิบัติกับท่านจ้าวชูอย่างเคารพและมีความสุขเมื่อตอนที่พวกเขาได้พบกัน! ต้วนหวุเหินก็ครุ่นคิดกับตัวเอง

 

“ฝ่าบาท ท่านจ้าวชูมีความแข็งแกร่งถึงระดับใหนกันขอรับ?”เฉิงเจียนก็ถามออกมาอย่างระมัดระวัง

 

“ยากจะหยั่งถึง!”จักรพรรดิต้วนเริ่นก็ตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่สง่างาม “อย่างน้อยเขาก็ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับนักบุญเทวะ ขั้นที่ 7!”

 

ผู้เชี่ยวชาญขั้นนักบุญเทวะระดับ 7 !

 

และมันคือ*อย่างน้อย*ด้วย!

 

เหงื่ออันหนาวเย็นก็ผุดบนหน้าผากของต้วนหวูเหินและเฉิงเจียน

 

มีผู้เชี่ยวขั้นนักบุญเทวะอยู่เพียงไม่มากนักแม้ว่าจะนับรวมจักรวรรดิต้วนเริ่นไปทั้งหมดก็ตาม พวกเขาส่วนใหญ่อยู่ในระดับนักบุญเทวะขั้นต้น หรือบางทีอาจจะเป็นเพียงแค่ระดับนักบุญเทวะขั้นกลาง ขั้นที่ 2 หรือขั้นที่ 3 เพียงเท่านั้น แต่สำหรับนักบุญเทวะระดับ 7หรือสูงกว่านั้น ต้วนหวูเหินก็ได้ค้นหาในความทรงจำของตัวเองแต่เท่าที่เขารู้จักนั้นไม่มีอยู่เลยสักคน

 

ผู้คนที่เป็นนักบุญเทวะขั้นที่ 7 หรือสูงกว่านั้นเป็นสุดยอดสัตว์ประหลาดเฒ่าท่ามกลางสัตว์ประหลาดเฒ่าทั้งหลาย!

 

ซึ่งตัวตนเหล่านี้เป็นตัวตนที่ต้วนหวุเหินทำได้แค่เคารพนับถือเท่านั้น จู่ๆต้วนหวูเหินก็นึกถึงฉากที่จัตุรัสในพระราชวัง เมื่อตอนที่หนึ่งในพลทหารของเขาได้ดุด่าใส่จ้าวชูเพราะจ้าวชูไม่ทำความเคารพเขา มันก็เลยทำให้เข่าของเขาเริ่มสั่นออกมาเล็กน้อย

 

ถ้าหากเมื่อกี้นี้ท่านจ้าวชูโกรธขึ้นมาหล่ะก็ นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่สามารถปกป้องชีวิตอันน้อยนิดของเขาได้เลยไม่ว่าจะพยายามอย่างไรงั้นหรอ?!

 

จักรพรรดิต้วนก็สังเกตเห็นพฤติกรรมแปลกๆของโอรสตัวเอง ดังนั้นเขาเลยถามออกไป “เหิน เกิดอะไรขึ้น?”

 

ต้วนหวูเหินก็มากล้าปิดบังเลยเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในจัตุรัสของพระราชวังให้กับเสด็จพ่อของเขาฟัง

 

พอได้ยินเหตุและผล ใบหน้าของจักรพรรดิต้วนเริ่นก็กลายเป็นเย็นชา “สำหรับพวกที่ทำให้ท่านจ้าวโกรธเคือง มันต้องตาย! เอามันไปพลทหารนั่นไปตัดหัวซะ!”

 

“ตัดหัว?”ทั้งต้วนหวูเหินและเฉิงเจียนก็แข็งคากไปสักครู่หนึ่ง พลทหารคนนั้นเป็นพลทหารที่มีชื่อเสียงของจักรวรรดิต้วนเริ่นเลยนะ

 

“นี่เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดงั้นหรอ?!”จักรพรรดิต้วนเริ่นก็ปลดปล่อยแรงกดดันอันแข็งแกร่งออกมาในขณะที่น้ำเสียงของเขาแข็งกร้าวขึ้น

 

“เข้าใจแล้วขอรับ เสด็จพ่อ!”หัวใจของต้วนหวุเหินก็บีบรัดแน่นแล้วตอบออกไปโดยไม่ลังเล

 

“จากนี้ข้าจะต้องขออภัยท่านจ้าวแล้วหล่ะ”จักรพรรดิต้วนเริ่นก็พูดเพิ่ม

 

พอได้ยินคำพูดนี้ ต้วนหวูเหินและเฉิงเจียนก็ก้มหัวลง ไม่กล้าจะหายใจในขณะที่พวกเขาพยายามจะลดแดงกดดันที่ได้รับ

 

“เสด็จพ่อ  แล้วหวงเสี่ยวหลงหล่ะขอรับ?”จากนั้นไม่กี่วิ ต้วนหวุเหินก็ทนไม่ไหวจนถามออกมา

 

“เจ้าจะต้องเรียกเขาว่านายน้อยหวงด้วย!”จักรพรรดิต้วนเริ่นก็ตะคอกใส่ลูกชายตัวเอง

 

ใจของต้วนหวูเหินก็เต้นตูมตามในขณะที่เขาทำตามคำสั่งของเสด็จพ่อของเขา

 

“ข้าก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าหวงเสี่ยวหลงพยายามจะทำอะไรกันแน่ ถ้าหากท่านจ้าวต้องการจะบอกพวกเรา เขาก็จะทำเอง” จักรพรรดิต้วนเริ่นก็พูดออกมา “สำหรับตัวตนของนายน้อยหวงนั้น เจ้าห้ามทำการสืบค้นหรือสมมติขึ้นมาโดยไม่มีความจริง เจ้าคงเข้าใจนะ?”

 

ทั้งสองคนก็พยักหน้าราวกับเด็กที่เชื่อฟัง

 

“ดี งั้นข้าจะยกเว้นให้เจ้าครั้งนึง”จักรพรรดิต้วนเริ่นก็เตือนขึ้นมาอีกครั้งว่า “จำไว้ อย่าแพร่งพรายข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหวงเสี่ยวหลงและท่านจ้าวเป็นอันขาด!”

 

พอรับคำเตือนจากจักรพรรดิต้วนเริ่น ต้วนหวุเหินและเฉิงเจียนก็ป้องมือทำความเคารพแล้วออกไปจากห้องโถง

 

ทั้บงสองคนได้เดินออกจากห้องโถงจนกระทั่งออกไปจากตึกพระราชวัง หลังจากนั้น ต้วนหวูเหินและเฉิงเจียนก็เดินไปเงียบๆเป็นเวลานาน ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรจนกระทั่งพวกเขาตระหนักได้ว่าพวกเขาเดินมาถึงทางเข้าพระราชวังแล้ว

 

“องค์ชายสอง”เฉิงเจียนก็พูดออกมาก่อน “รัฐมนตรีผู้นี้ขอทูลลา!”

 

“อืม เจ้าไปก่อนเลยน”ต้วนหวุเหินก็พยักหน้า ตอนนี้ความคิดในหัวของเขาค่อนข้างสับสน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ทำให้เขาตกใจมากซึ่งเขาต้องการเวลาไตร่ตรองเพียงลำพัง

 

ตอนนี้หวงเสี่ยวหลง และจ้าวชูก็เดินทางกลับมาถึงคฤหาสน์เนินเขาทิศใต้

 

พอกลับมาถึงคฤหาสน์เนินเขาทิศใจ หวงเสี่ยวหลงก็ยังมีข้อสงสัยและคำถามมากมาย

 

พอเข้าใจความสับสนของหวงเสี่ยวหลง จ้าวชูก็อธิบายไปว่า “ท่านจักรพรรดิ ในวันนั้น อาจารย์ของต้วนเริ่นและข้าเป็นเพื่อสนิทกัน” จ้าวชูก็พูดถึงเหตุการณ์ในปีนั้นให้หวงเสี่ยวหลงฟัง เรื่องแรกที่อธิบายออกมาก็คืออาจารย์ของต้วนเริ่นถูกศัตรูรุมทำร้าย หลังจากนั้นเขาก็ได้มาถึงแล้วเข้าไปช่วยต้วนเริ่นให้พ้นจากอันตราย

 

ปฏิกิริยาของหวงเสี่ยวหลงก็เหมือนกับต้วนหวุเหินและเฉิงเจียน ในที่สุดขเก็เข้าใจถึงความสัมพันธ์ของจ้าวชูกับจักรพรรดิต้วนเริ่นแล้ว

 

เมื่อพวกเขาเข้ามาถึงห้องโถงหลัก ก็มองเห็นหยูหมิงและเฟยฮาวที่เฝ้ารอพวกเขาอย่างอดทน พอมองเห็นหวงเสี่ยวหลงและจ้าวชู หยูหมิงและเฟยฮาวก็ทักทายพวกเขาอย่างเคารพ หวงเสี่ยวหลงไม่ได้ลืมถามเรื่องเกี่ยวกับการจัดการย้ายตระกูลหวงมาเมืองจักรพรรดิ

 

เมื่อเขาได้ฟังรายงานของหยุหมิงและเฟยฮาวเสร็จ หวงเสี่ยวหลงก็สั่งแยกย้ายและเปิดใช้งานแหวนผนึกพระเจ้าแล้วเข้าไปในสนามรบโบราณ

 

ภายในสนามรบโบราณ หวงเสี่ยวหลงได้เอาโอสถวิญญาณระดับ 7ที่กลั่นจากชายชราชุดดำออกมาจากแหวนเทพอสูร

Invincible โลกอมตะ

Invincible โลกอมตะ

จากลูกศิษย์ของวัดเส้าหลินบนแผ่นดินใหญ่ หวงเสี่ยวหลงกลับคืนสู่โลกแห่งการต่อสู้โดยได้อาศัยความรู้จากความลับของหัวเซี่ย ซึ่งเป็นวิชาลับจากคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น ในโลกของจิตวิญญาณการต่อสู้โดยเฉพาะผู้ที่มีจิตวิญญาณการต่อสู้เท่านั้นที่จะสามารถฝึกในปราณฉีและกลายเป็นนักรบได้ หวงเสี่ยวหลงเกิดมาพร้อมกับวิญญาณการต่อสู้ที่หายากจากภายในสวรรค์แห่งนี้ได้ถูกปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ ในช่วงพิธีปลุกเสกโดยคนของโลกแห่งนี้ อย่างไรก็ตามหวงเสี่ยวหลง กับ “ตัวแปร” จิตวิญญาณการต่อสู้ต้องลุกขึ้นต่อสู้อีกครั้งและแสดงความสามารถพิเศษอื่น ๆ เพื่อเอาชนะเหล่าอัจฉริยะสร้างความตกตะลึงให้กับตระกูลและเหล่าผู้คนของโลกจิตวิญญาณการต่อสู้

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท