หวงเสี่ยวหลงก็ขยี้ตาแล้วมองไปข้างถนน เขาก็มองเห็นร่างชุดขาวยืนอยู่ตรงนั้น –––หลี่ลู่ยืนอยู่ตรงนั้น!
คลื่นความปิติยินดีพุ่งกระทบใส่ใจของเขา ทำให้หวงเสี่ยวหลงพุ่งถลาออกจากทางเขาหลักของคฤหาสน์เนินเขาทิศใต้มายืนอยู่ต่อหน้าหลี่ลู่และยืนจ้องมองอย่างนิ่งเงียบ
หลี่ลู่ก็จ้องมองหวงเสี่ยวหลงเหมือนกัน จู่ๆดวงตาของเธอก็เปียกชื้นขึ้น
โดยไม่มีการบอกกล่าว หวงเสี่ยวหลงก็อ้าแขนโอบกอดหลี่ลู่ราวกับกลัวว่าเธอจะหายไปหากไม่กอดเธอให้แน่นพอ เขาต้องการจะหลอมรวมทั้งกายใจเข้ากับหลี่ลู่และไม่ต้องการจะให้เธอจากไป
“หลี่ลู่ คือเจ้าตัวจริงใช่มั้ย?”น้ำเสียงของหวงเสี่ยวหลงก็สั่นเคลือในขณะที่เขาถามออกไป
“เป็นข้าเอง”ในอ้อมกอดของหวงเสี่ยวหลง ร่างกายของหลี่ลู่ก็สั่นสะท้าน น้ำเสียงของเธอก็เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์หลากหลายในขณะที่เธอพูดยืนยัน
ผ่านไป 3ปีแล้ว
ในที่สุดพวกเขาก็ได้กับมาพบกัน!
ในช่วง 3 ปี ในจิตใจของเธอแทบทุกคืนวันก็เฝ้าแต่คิดถึงภาพเงาของหวงเสี่ยวหลง วันนี้เธอก็ทำความหวังของตัวเองให้เป็นจริงได้แล้ว การที่ถูกหวงเสี่ยวหลงโอบกอดโดยได้สัมผัสกล้ามอกอันแผ่กว้างและความร้อนจากร่างกายของเขาแล้ว มันทำให้หลี่ลู่รู้สึกถึงความอบอุ่นและความปลอดภัยที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน
ใน 3ปี หวงเสี่ยวหลงโตขึ้นมากอีกด้วย แม้ว่าหน้าตาของเขาจะเปลี่ยนไปมาก แต่มันก็สง่างามอย่างยิ่ง โดยเฉพาะดวงตาที่ไร้ที่สิ้นสุดราวกับมหาสมุทรของเขา มันยิ่งทำให้เขาดูลึกลับและมีเสน่ห์
ภายใต้อ้อมกอดของหวงเสี่ยวหลง เธอสามารุสัมผัสได้ถึงแรงแขนของเขา
หวงเสี่ยวหลงหายใจลึกๆและดื่มด่ำกลิ่นกายอันบริสุทธิ์ที่รอยเข้ามาแตะจมูกซึ่งเป็นของผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา เนื่องจากความตื่นเต้นของเขาเมื่อก่อนหน้านี้ ทำให้หวงเสี่ยวหลงลืมเลือนความจริงที่ว่า––หลี่ลู่นั้นได้โตขึ้นมากแล้ว หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาเขานั้นช่างอ่อนนุ่มราวกับแม่น้ำที่หลั่งไหล ราวกับว่าภายในร่างของเธอไม่มีกระดูกยังไงยังงั้นแถมผิวของเธอก็เรียบลื่นมากๆ….ถ้าหากเขากอดเอวเธอแรงกว่านี้หล่ะก็ บางร่างเธออาจจะมีน้ำทะลักออกมาก็เป็นได้ โดยเฉพาะหากเขานับรวมกับหน้าอกอันยิ่งใหญ่ของเธอที่ชนกับแผงอกของอยู่ด้วย สิ่งที่พัฒนาไปมากที่สุดอย่างเห็นได้ชัดนั่นก็คือร่างกายของหลี่ลู่
ร่างกายส่วนร่างของหวงเสี่ยวหลงก็ค่อยๆมีปฏิกิริยา
พอสัมผัสกับปฏิกิริยาตอบรับจากส่วนล่างของหวงเสี่ยวหลงแล้ว หลี่ลู่ก็กดหัวเข้าแผงอกของหวงเสี่ยวหลงมากขึ้น ไม่กล้ามองหน้าเขาอีก และใบหน้าของเธอแดงกล่ำไปถึงใบหู
พอรู้สึกอับอาย หวงเสี่ยวหลงก็ปล่อยหลี่ลู่ออกจากอ้อมกอด
“เจ้ารู้ว่าข้าอยู่ในเมืองจักรพรรดิต้วนเริ่นได้อย่างไร?”หวงเสี่ยวหลงก็ถามออกไปอย่างนิ่มนวลในขณะที่มองหน้าหลี่ลู่
บางทีอาจจะเป็นเพราะได้รับปฏิกิริยาจากท่อนล่างของหวงเสี่ยวหลง เลยทำให้ใบหน้าของเธอแดงก่ำไม่หาย ดังนั้นเธอก็เลยทำเพียงแค่พยักหน้าตอบรับอย่างเขินขาย
**(จากผู้แปล :ขออนุญาตเป็นจากระดับนักรบเหนือธรรมชาติ เป็นระดับเซียนเทียนนะคับ)**
“แล้วตอนนี้เจ้า…?”น้ำเสียงของหวงเสี่ยวหลงก็ขาดหายไป
หลี่ลู่ก็เงยหน้าขึ้นมองกลับไปที่หวงเสี่ยวหลง “ข้าไปทะลวงเข้าสู่ระดับเซียนเทียนแล้ว ดังนั้นท่านอาจารย์จึงอนุญาตให้ข้าออกมาชำระแค้น” อย่างไรก็ตาม มันก็มีส่วนสุดท้ายที่เธอไม่พูดถึง นั่นก็คือ หลังจากเธอชำระแค้นแล้ว เธอจะต้องกลับไปที่นิกายนักรบแห่งพระเจ้า
หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้า
ทะลวงเข้าสู่ระดับเซียนเทียน…ด้วยจิตวิญาณดาบคู่ของหลี่ลู่ เธอนั้นมีความสามารถในการแก้แค้นให้คนในตระกูลเธอแน่นอน
“หลังจากนั้น เจ้าก็จะกลับไปที่นิกายนักรบพระเจ้าสินะ?”หวงเสี่ยวหงก็พูดต่อ น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปและดูหม่นหมองมากขึ้น แม้ว่าหลี่ลู่จะไม่ได้พูดออกมาเสียงดัง แล้วเขาจะไม่สนใจได้อย่างไร?
หลี่ลูก็ตัวสั่นกับคำพูดของเขา พอมองหวงเสี่ยวหลง ดวงตาของเธอก็เปียกชื้นขึ้นอีกครั้งและพยักหน้าตอบ
เธอทำการสืบค้นต้นตอของการล้างบางตระกูลหลี่ในปีนั้น หลังจากจัดการเรื่องทั้งหมดเสร็จ เธอก็ตัดสินใจมาพบหวงเสี่ยวหลง แค่เพียงต้องการมองเขา
“เจ้าจากไปพรุ่งนี้ได้ใหม?”หวงเสี่ยวหลงก็พยายามพูดออกมา จู่ๆเขาก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจ
ด้วยเสียงอ้อนวอนของหวงเสีย่วหลง ทำให้ดวงตาของหลี่ลู่มีน้ำตาไหลออกมา แต่ในขณะนั้นก็มีเสียงอันเย็นยาออกมาจากพื้นที่มิติเหนือศรีษะของพวกเขา เสียงมันเหมือนกับเสียงครางต่ำแต่หวงเสี่ยวหลงรู้สึกราวกับเขาโดนพลังอันแข็งแกร่งพุ่งใส่ ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน เขารู้สึกหนักราวกับโดนภูเขากดทับ ร่างกายของหวงเสี่ยวหลงโค้งงอกลับด้านในขณะที่ลอยออกไป แล้วร่วงลงพื้นพร้อมกับกระอักเลือด
“เสี่ยวหลง!”ใบหน้าของหลี่ลู่ก็ซีดเผือดในขณะที่เธอร้องไห้ออกมา เมื่อเธอต้องการรีบไปอยู่ข้างหวงเสี่ยวหลง ชายหนุ่มชุดขาวที่ดูอ่อนโยนและสง่างามก็ปรากฏตัวขึ้นจากมิติตรงนั้น เขายืนมือไปขวางทางหลี่ลู่
ชายหนุ่มชุดขาวคนนี้มีเครื่องหมายสีทองระหว่างคิ้ว ชายคนนี้ดูมีเสน่ห์และน่าหลงใหล
ชายหนุ่มคนนี้มองไปที่หวงเสี่ยวหลงอย่างเมตตาหลังจากขวางหลี่ลู่ “ไอ้ขยะเซียนเทียนขั้นแรกอย่างเจ้า เจ้าคิดว่าเจ้ามีคุณสมบัติพอจะอยู่เคียงข้างศิษย์น้องหญิงหลี่ลู่งั้นหรอ? สวะเอ้ย ถ้าเจ้ากล้าแต่ต้องศิษย์นิ้องหญิงหลี่ลู่อีกหล่ะก็ ข้าจะทำให้เจ้าร้องขอความตายเลย!”เพื่อจะแสดงความเทพ ชายหนุ่มก็ชี้นิ้วไปตรงทางเข้าคฤหาสน์เนินเขาทิศใต้ ทันทีก็มีหลุมขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น พลังของหนึ่งดัชนีที่แทงเข้าหลุมพุ่งผ่านหลุมนั่นไปประตูทางเข้าและตัวคฤหาสน์ไปแล้วไปก่อตัวหลุมดำขึ้นตรงพื้นที่ว่าง
หนึ่งดัชนีพุ่งทะลุช่องว่างมิติ!
นี่ก็คือพลังของผู้ฝึกตนระดับเทวะ! มีเพียงผู้ฝึกตนระดับเทวะเท่านั้นถึงจะมีความสามารถทำแบบนี้ได้!
หวงเสี่ยวหลงก็ลุกขึ้นมาจากพื้น สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชาในขณะที่เขามองไปที่ชายหนุ่มอย่างแหลมคม “ผู้เชี่ยวชาญขั้นเทวะงั้นหรอ?”
ชายหนุ่มคนนั้นก็มึนงงเล็กน้อยพอได้เห็นความใจเย็นของหวงเสี่ยวหลงหลังจากที่แสดงให้เห็นว่าเขานั้นคือผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะ เสียงที่ฟังดูไม่เป็นมิตรของเขาก็ดังขึ้น “ใช้แล้ว ข้าคือผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะ หากข้าต้องการฆ่าเจ้า ข้าก็คงไม่จำเป็นต้องยกนิ้วเลยสักนิด แค่เพียงเหลือบมองเจ้าก็สามารถกำจัดเจ้าได้แล้ว เจ้าสินะหวงเสี่ยวหลง? เห็นแก่หน้าของหลี่ลู่ วันนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไป อย่างไรก็ตาม หากเจ้ายังพยายามจะพบศิษย์น้อยหญิงหลี่ลู่อีกหล่ะก็ ข้าก็จะเลาะหนังเจ้าทีละชั้นแล้วค่อยเปลี่ยนให้เจ้ากลายเป็นผีดิบให้ดู!”
“ศิษย์พี่อ่าวไป๋เสวีย ข้าขอร้องหล่ะ ปล่อยหวงเสี่ยวหลงไปเถอะ!”หลี่ลู่ก็พูดออกมาด้วยใบหน้าที่เปื้อนน้ำตา “มันไม่ใช่ความผิดของเสี่ยวหลงหรอก!”
อ่าวไป๋เสวียก็ยังคงไม่แยแสและหันไปหาหวงเสี่ยวหลง “ข้าจะบอกเจ้าให้ละกัน ศิษย์น้องหลี่ลู่นั้นลูกศิษย์แห่งนิกายนักรบแห่งพระเจ้า มีเพียงศิษย์นิกายนักรบแห่งพระเจ้าเท่านั้นถึงจะอยู่เคียงข้างกับศิษย์นิกายนักรบแห่งพระเจ้าได้ นี่ก็คือกฎอันศักดิ์สิทธิ์ของนิกายนักรบแห่งพระเจ้า!”
“อย่าพูดว่าฉันไม่ได้อธิบายเจ้า ถ้าเจ้าเลือกรับการคัดเลือกให้กลายเป็นศิษย์นิกายที่นิกายนักรบแห่งพระเจ้าเป็นผู้จัดขึ้นหล่ะก็ ข้าก็จะให้โอกาสเจ้าแล้วกัน”
พอพูดประโยคนี้ทิ้งท้ายให้หวงเสี่ยวหลง อ่าวไป๋เสวียก็ดึงหลี่ลู่ เพื่อต้องการพาเธอไป
“เสี่ยวหลง!”หลี่ลู่ก็ร้องไห้อย่างร้อนรน เธอได้เอื้อมมืออกไปหาหวงเสี่ยวหลง
หวงเสี่ยวหลงก็เอื้อมมืออกไปอย่างรวดเร็ว แต่จู่ๆพลังอันน่าหวาดหวั่นก็ได้เข้าปกคลุมตัวเขาและเขวี้ยงเขาออกไปไกล
อ่าวไป๋เสวียก็มองหวงเสี่ยวหลงอย่างเย็นชา “อย่าประเมินตัวเองสูงส่งนักสิ!”พอจับหลี่ลู่ ทั้งสองก็พุ่งออกไป
ในขณะนั้นก็มีเสียงตะโกนขึ้นมา “เอาก้นของเจ้ากลับลงมานี่ซะ!”ฝ่ามือยักษ์ก็ปรากฏขึ้นในช่องว่างมิติด้านบนแล้วพุ่งตบหัวอ่าวไป๋เสวีย
ใบหน้าของอ่าวไป๋เสวียก็ซีดเผิด ทันทีเขาก็ปล่อยหลี่ลู่เพื่อตอบโต้การโจมตีด้วยสองมือ
บูม! เกิดเสียงระเบิดขึ้นดังสนั่นทำให้มองเห็นเงาของคนหนึ่งร่วงลงมาจากฟ้า ในขณะที่อ่าวไป๋เสวียพุ่งชนพื้นดินเขาก็กระอักเลือดออกมา
เงาอีกคนก็ลงบนพื้นอย่างนิ่มนวล นั่นก็คือจ้าวชู เขานั้นพึ่งจะกลับมาจากพระราชวังต้วนเริ่นและรีบกลับมาทันทีเมื่อเขาสัมผัสได้ความผันผวนของพลังงานอันแข็งแกร่งที่คฤหาสน์เนินเขาทิศใต้
อ่าวไป๋เสวียก็มองไปที่จ้าวชูอย่างตกใจ “ระดับเทวะขั้นสูง!”
คนที่สามารถทำให้เขาบาดเจ็บได้เพียงแต่กระบวนท่าเดียว….ก็มีเพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะขั้นสูงที่มีความสามารถทำแบบนั้นได้! หวงเสี่ยวหลงนี่มีผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะขั้นสูงด้วยงั้นหรอเนี่ย!
แม้ว่าเขาจะรู้สึกตกตะลึงเนื่องจากการที่จ้าวชูเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะขั้นสูง อ่าวไป๋เสวียก็พยายามใจเย็นลง “ความแข็งแกร่งของสหายนี่ไม่เลวเลย แต่ว่าหากเจ้ากล้าจะตั้งตนเป็นศัตรูกับนิกายนักรบแห่งพระเจ้าหล่ะก็ มันก็มีเพียงจุดจบเดียวเท่านั้น –––นั้นก็คือความตาย แม้ว่าเจ้าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะขั้นสูง มันก็ไม่มีข้อยกเว้น!”
จ้าวชูก็เย้ยหยัน “จริงหรอ? งั้นข้าจะรอดูแล้วกันว่าข้าจะพบกับความตายแบบใหน” โดยไม่รีรอ จ้าวชูก็โจมตีใส่อ่าวไป๋เสวียอีกหนึ่งหมัด หมัดที่โจมตีออกไปไม่มีความผันผวนใดๆทั้งสิ้น และก็ยังไม่มีเสียงลมหวีดหวิวหรือละลอกคลื่นมิติเลย แต่ท่าทางของอ่าวไป๋เสวียกับน่าเกลียดมากๆในขณะที่มองกระบวนท่านี้
ในขณะนั้น ก็มีลำแสงสีเขียวพุ่งทะลุมิติมาปะทะกับหมัดของจ้าวชู