ตอนที่ 176 วันที่แปดเดือนสิบสอง
เช้าวันเทศกาลล่าปา[1] ถนนละแวกบ้านกู่อวี้ก็ตั้งเพิงขึ้น มีหม้อใบใหญ่หลายใบต้มเดือดปุดๆ ส่งกลิ่นหอมกำจายออกไปไกล
หน้าหนาวเดิมก็เป็นฤดูกาลที่ว่างงานอยู่แล้ว กอรปกับหิมะตกติดกันหลายวัน ยามนี้คนจำนวนมากต่างหลบอยู่แต่ในบ้านอบอุ่น นี่เป็นเหตุผลที่ว่าเหตุใดในภาพที่เห็นจึงมีคนมากมายหนีไม่ทัน
แต่อย่างไรก็มักมีคนตื่นเช้าถูกกลิ่นหอมชักนำมา จึงถามขึ้นอย่างอยากรู้ว่า “นี่คือร้านอาหารเช้ามาตั้งใหม่หรือ”
เสี่ยวเหลียนสวมเสื้อหนาตัวสั้นสีแดง หัวเราะเอ่ยว่า “ไม่ใช่ เมื่อวานคุณหนูเราทำแมวหาย ชาวบ้านที่นี่หลายคนช่วยตามหา คุณหนูรู้สึกขอบคุณในความช่วยเหลือของทุกคน ตัดสินใจมาแจกข้าวต้มที่นี่สี่วัน”
พอได้ยินว่าได้เปล่า คนผู้นั้นก็แววตาส่องประกายวาว รีบยื่นหน้ามองในหม้อ ก็เห็นข้าวต้มข้นหอมในหม้อ ยังมีหม้อตุ๋นเนื้อส่งกลิ่นหอมอีกสองใบใหญ่
“เนื้อพวกนี้…” คนผู้นั้นกลืนน้ำลาย เบิกตาโตจ้องมอง
เสี่ยวเหลียนยิ้มละไมกล่าวว่า “เนื้อน้ำแดง น่องไก่ ไก่ต้มเหล่านี้ก็แจกนะ”
“จริงหรือ” คนผู้นั้นตกใจ สีหน้าไม่อยากเชื่อ
ยามนี้มีคนหลายคนได้กลิ่นก็ตามมา พอได้ยินก็รุมถาม ไม่มีคนเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง
หากเป็นปีประสบภัย ก็มีคนมีเงินเมตตาแจกข้าวต้มอยู่บ้าง แต่ทว่าแต่ไรมาไม่เคยได้ยินว่าแจกน่องไก่และเนื้อน้ำแดง!
“จริงแท้แน่นอน แต่คุณหนูเรามีเงื่อนไข…” เสี่ยวเหลียนลากเสียงยาว
เดิมคนที่ได้กลิ่นต่างอยากกินน้ำลายสอ พอได้ยินว่าไม่ต้องเสียเงินก็ยิ่งอดไม่ไหว หลายคนร้อนใจถามขึ้นว่า “เงื่อนไขอันใด”
เสี่ยวเหลียนมองไปทางซินโย่ว หลายคนมองตามไป
วันนี้ซินโย่วสวมคลุมด้วยชุดขนจิ้งจอกสีขาวหิมะให้ความอบอุ่นและแลดูมีสง่าราศี ทำให้ผู้คนเชื่อว่าคุณหนูท่านนี้ไม่ขาดแคลนเงินทอง
สายตาหลายคู่จ้องมองปริบๆ ซินโย่วยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “ข้าวต้มกับเนื้อพวกนี้แบ่งตามจำนวนหัว”
“จำนวนหัว?”
ซินโย่วพยักหน้า “คนที่นำชามมาคนละชิ้น คนไม่มาไม่ได้”
“แล้วถ้าครอบครัวมีแปดคน ก็แบ่งได้แปดส่วน?”
“ได้สิ เพียงแต่แปดคนต้องมาทั้งหมด” เอ่ยถึงตรงนี้ ซินโย่วก็เปลี่ยนน้ำเสียง “แต่ข้าวต้มกับเนื้อนี้มีจำนวนจำกัด มาก่อนได้ก่อน แบ่งหมดวันนี้ก็ไม่มีแล้ว…”
ไม่รอให้นางพูดจบ หลายคนก็รีบชักเท้าวิ่งออกไปทันที พร้อมกับตะโกนว่า “รีบออกมาเร็ว มีคุณหนูใจกุศลแจกข้าวต้มและเนื้อ!”
“มาก่อนได้ก่อน มาช้าก็ไม่มีแล้ว…”
เสี่ยวเหลียนมองท้องถนนที่เคยเงียบเหงาครึกครื้นขึ้นมา ก็มองซินโย่วด้วยสายตาเลื่อมใส “คุณหนูช่างคิดวิธีได้จริงๆ!”
ใช้เงินที่คุณหนูของนางทิ้งไว้ช่วยชีวิตคนเหล่านี้ ก็ถือเป็นการสร้างกุศลให้คุณหนูนางเช่นกัน คุณหนูของนางจะต้องได้ไปเกิดในที่ที่ดี มีบิดามารดาสุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่ต้องพบกับญาติที่จิตใจดังหมาป่าเช่นนี้
เสี่ยวเหลียนคิดถึงตรงนี้ก็ปาดน้ำตายิ้มอีกครั้ง
ไม่นานคนไม่น้อยก็ยกชามวิ่งมากัน คนมากมายยังคิดว่าไม่ใช่เรื่องจริง วิ่งมาด้วยมือเปล่า มารอชมเรื่องครึกครื้น
คนที่เข้าแถวคนแรกส่งชามไปด้วยอาการตื่นเต้น แววตาจับจ้องมองหม้อใหญ่ที่มีเนื้อตุ๋นอยู่
ผู้คุ้มกันรับหน้าที่ตักข้าวต้มรับชามมาตักลงไปสองทัพพีก่อนส่งให้คนข้างๆ
ผู้คุ้มกันยกชามขึ้นถามขึ้นว่า “เอาเนื้อน้ำแดง น่องไก่ หรือว่าไก่ต้มซุป”
“เนื้อน้ำแดง เอาชิ้นมันๆ หน่อย!”
ผู้คุ้มกันพยักหน้า ตักเนื้อน้ำแดงชิ้นเงามันวาววางลงในชาม “อะ ถือให้ดี”
คนผู้นั้นรับชามมาแล้วก็ก้มหน้าลงดมกลิ่นหอมของเนื้อ จึงได้เชื่อว่าเป็นของจริง
“มีเนื้อกินจริงด้วย!”
เห็นเขากลืนน้ำลายเอื้อก พวกที่ออกมามือเปล่าก็รีบพากันกลับไปหยิบชาม
“ใจเย็นๆ ทุกคนเข้าแถว” ผู้คุ้มกันเสียงดังจัดระเบียบ
“เอ๋ เจ้าไม่ใช่คุณหนูเมื่อวานหรือ” ท่านน้าผู้หนึ่งจำซินโย่วได้ โผล่หน้าออกมาจากด้านหลัง “แม่กู่อวี้รีบดูเร็ว ใช่คุณหนูที่พวกเราช่วยหาแมวเมื่อวานหรือไม่”
มารดากู่อวี้มองซินโย่วทีหนึ่ง
ซินโย่วยิ้มเปิดเผยกล่าวว่า “วันนี้ข้ามาที่นี่เพื่อแจกข้าวต้ม ก็เพื่อขอบคุณที่ชาวบ้านที่นี่ช่วยเหลือเมื่อวาน ”
“คุณหนูหาแมวของท่านพบแล้วหรือ”
“หาพบแล้ว”
“เช่นนั้นก็ดีๆ ข้าก็ว่า คุณหนูจิตใจดีงาม ย่อมต้องหาพบ”
“คุณหนูชื่อแซ่อันใดหรือ”
“ข้าแซ่โค่ว นามว่าชิงชิง ทุกคนเรียกข้าว่าคุณหนูโค่ว”
“ขอบคุณคุณหนูโค่ว!” คนที่ได้รับแจกอาหารต่างพากันกล่าวขอบคุณ
ได้ยินเสียงกล่าวขอบคุณเหล่านี้แล้ว เสี่ยวเหลียนก็ขอบตาแดงอีกแล้ว ในใจแอบเอ่ยว่าคุณหนูได้ยินหรือไม่ พวกเขาต่างกำลังขอบคุณท่าน
ซินโย่วประกาศชื่อโค่วชิงชิงต่อหน้าทุกคนก็เพื่อการนี้
เงินทองเหล่านี้เป็นเงินของโค่วชิงชิง นางควรได้รับคำขอบคุณและได้รับการจดจำ
พอถึงชายหนุ่มคนหนึ่ง เขารับชามข้าวต้มที่ตักเสร็จแล้ว ก็ส่งชามอีกใบหนึ่งให้ไป “ลูกข้ายังเล็ก ภรรยาข้าอยู่บ้านกับลูกไม่สะดวกมา ขอนำกลับไปให้นางได้หรือไม่”
ผู้คุ้มกันที่ยิ้มแย้มมาตลอดพอได้ยินก็มีสีหน้าบึ้งตึงทันที “ไม่ได้ เห็นตัวคนจึงแบ่งให้ นี่คือเงื่อนไขที่คุณหนูของเรากำหนดไว้”
“ผ่อนผันสักหน่อยได้หรือไม่ อากาศหนาวหิมะยังตกหนัก พาลูกออกมาไม่ได้จริงๆ”
“ใช่แล้ว ท่านแม่ข้าแก่ชราขาไม่ดี ออกจากบ้านไม่ไหว ได้แต่นำกลับไป…”
มีชายหนุ่มเปิดประเด็น คนออกมากล่าวเช่นนี้ก็เริ่มมากขึ้น
ผู้คุ้มกันได้รับคำสั่งจากซินโย่วแล้ว เงื่อนไขนี้ขีดจำกัด ไม่อนุญาตให้ละเมิดเด็ดขาด ย่อมมีสีหน้าเคร่งเครียด “ทุกท่านอย่าลืม พวกเราแจกข้าวต้ม วันนี้แจกหมดก็ไม่มีแล้ว วันนี้หากมีคนต้องการนำกลับไปให้คนที่บ้าน แล้วคนที่เข้าแถวอยู่ไม่ได้รับ จะยุติธรรมหรือ”
พอเอ่ยเช่นนี้ คนที่เข้าแถวอยู่ด้านหลังก็พากันตะโกนดังขึ้นมา “ใช่ คุณหนูโค่วเมตตาแจกข้าวต้ม พวกเราไม่ควรได้คืบเอาศอก!”
“ทำเช่นนี้ไม่ถูกต้อง นางแจกให้เปล่า พวกเจ้ายังมาเรียกร้องมากมายเช่นนี้ จะว่าไปพวกเราก็พักอยู่ด้วยกัน ออกมาสักหน่อยก็ไม่เห็นเป็นเป็นไร”
ชายหนุ่มหน้าแดงเดินจากไป ไม่นานเขาก็มาพร้อมกับภรรยาและบุตร หญิงสาวอายุน้อยอุ้มลูกมาต่อท้ายแถวเงียบๆ
ซินโย่วสังเกตเห็นว่าหญิงสาวผู้นี้ก็คือเพื่อนบ้านตรงข้ามบ้านมารดากู่อวี้เมื่อวานนี้
เห็นนางอุ้มลูกมารับข้าวต้มแล้ว ซินโย่วก็กระดกมุมปากยิ้ม
ข้าวต้มชามนี้ใช้ข้าวสารอย่างดี ต้มออกมาข้นหอมกรุ่น เนื้อน้ำแดงและน่องไก่ก็ยิ่งส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายสอ น้ำซุปไก่ใส่ไก่ลงตุ๋นในน้ำแกงทั้งตัว รสชาติไม่เลว คนเหล่านี้ได้กินไปครั้งหนึ่ง พรุ่งนี้ย่อมตัดใจไม่มาไม่ได้
แน่นอน เรื่องนี้ไม่อาจทำได้เรียบร้อยไร้ที่ติ แต่นางก็ทำดีที่สุดแล้ว หากยังมีคนเกิดเรื่องเพราะอยู่บ้าน ก็ได้แต่กล่าวว่าชะตากำหนดแล้ว
“หืม เหตุใดข้าเห็นเจ้าแล้วดูคุ้นตา เจ้าเพิ่งรับไปใช่ไหม” หลิวโจวสายตาแหลมคม จับตัวคนที่มาเข้าแถวรอบสองได้
คนผู้นั้นเป็นชายวัยกลางคน ได้ยินก็ไม่ยอมรับ
หลิวโจวแค่นเยาะ “ข้าวต้มกับเนื้อพวกนี้มีจำนวนจำกัด เจ้ารับไปเกิน ย่อมมีคนไม่ได้รับ”
คนที่เข้าแถวด้านหลังได้ยินก็พากันออกมาตำหนิเขา แต่มีคนไม่น้อยก็คิดเช่นกัน
หลิวโจวส่งเสียงดัง “พวกเราทุกคนช่วยพวกข้าจับตาดูหน่อย หากมีคนมาเข้าแถวซ้ำอีก พี่น้องไม่เห็น แต่ข้าเห็นเข้า เช่นนั้นก็ขออภัย การแจกข้าวต้มของพวกเราเป็นอันยุติทันที”
พอได้ยินเช่นนี้ บรรดาคนที่คิดเอาเปรียบผู้อื่นก็เลิกคิดทันที
[1] เทศกาลล่าปาตรงกับวันที่แปดเดือนสิบสองตามปฏิทินจันทรคติของจีน ในอดีตปลายปีพืชผลจะเก็บเกี่ยวตากแห้งเสร็จเรียบร้อย ผู้คนเข้าป่าล่าสัตว์มาบูชาบรรพบุรุษและเทพเจ้าเพื่อขอพรให้มีโชคมีลาภ ชีวิตยืนยาว พ้นภัยพิบัติและเกิดสิริมงคล